ปรากฏการณ์กระตุกความรู้สึกผูกพันระหว่างลูกๆ หลานๆ กับปู่ย่าตายาย หรืออาม่า อากง ได้กลับมาสร้างความฮือฮาให้สังคมไทยในระยะนี้ หลังจากมีภาพยนตร์ไทยเรื่อง หลานม่า ออกมาฉายได้ระยะหนึ่ง
ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องหลานม่าจะออกฉาย ก็มีการฉายหนังตัวอย่าง (teaser) ออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งก็ได้ทำให้เกิดเสียงฮือฮาตอบรับค่อนข้างดีมากจากสาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความผูกพันกับปู่ย่าตายาย หรืออากง อาม่า
ถามว่า ทำไมสังคมไทยจึงเกิดปรากฏการณ์หวนคิดถึงอาม่าขึ้นมาแบบกะทันหัน ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงของคนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับปู่ย่าตายายมากนัก เนื่องจากวิถีชีวิตของครอบครัวไทยในยุคหลังๆ ได้กลายเป็นครอบครัวเดี่ยว ที่มีแต่พ่อแม่และลูกแถมบางบ้าน บางครอบครัวก็ไม่ได้พาลูกไปหาปู่ย่าตายายบ่อยๆ แต่กลับพาลูกไปเรียนพิเศษแบบตะบี้ตะบันไม่เว้นแต่ละวัน
เมื่อลูกๆ หลานๆ ไม่ได้ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายายมากมายนัก แถมบางบ้านที่พ่อแม่ไม่นิยมพาลูกไปพบปู่ย่าตายาย โดยเฉพาะครอบครัวที่ย้ายไปตั้งรกรากทำมาหากินในท้องที่ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดของตน ดังนั้นลูกหลานก็จึงไม่สนิทสนมกับปู่ย่าตายาย เพราะไม่ได้พบปะกันบ่อยๆ จึงไม่คุ้นเคย กลายเป็นห่างเหินกัน ดูเสมือนเป็นคนแปลกหน้า
ภาพยนตร์เรื่องหลานม่า เป็นภาพยนตร์ประเภท nostalgia (ความหวนรำลึกนึกถึงเรื่องเก่าๆ ในอดีต) ที่เกิดมาในยุคที่เด็กๆ จำนวนไม่น้อยมองว่าผู้ใหญ่ผู้เฒ่าผู้แก่คือไดโนเสาร์ เต่าล้านปี เป็นตัวสร้างปัญหาให้สังคม นอกจากนั้น เด็กๆ ก็นึกเอาเองว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเด็กนั้นเกิดมาจากการกระทำในอดีตของคนเฒ่าคนแก่ ดังนั้น จึงเกิดปรากฏการณ์เด็กสร้างบ้าน เด็กกร่าง เด็กคิดการใหญ่ เพราะหลงคิดว่าตนเองมีความรู้ด้านเทคโนโลยี มีความทันสมัยมากกว่า และดีกว่าคนเฒ่าคนแก่ ดังมีคำพูดแบบประหลาดพิสดารว่า เรื่องนี้ต้องจบที่รุ่นเรา
ความผูกพันระหว่างคนต่างวัย และคนวัยเดียวกันก็ตาม ต้องเกิดมาจากความใกล้ชิด ความสนิทสนม ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน และการพูดจาสนทนากันอย่างต่อเนื่อง ต้องมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ต้องมีปฏิสังสรรค์ระหว่างกัน แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดมากที่เด็กรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย มองไม่เห็นหัวคนเฒ่าคนแก่ มองข้ามความสำคัญและประสบการณ์ของคนรุ่นปู่ย่าตายายแต่เด็กจำนวนไม่น้อยกลับหลงเชื่อคนรุ่นเดียวกันเชื่อว่าคนรุ่นเดียวกันมีความสำคัญ มีความสามารถมากกว่าคนรุ่นเก่ารุ่นก่อน ทั้งๆ ที่คนรุ่นใหม่ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยทำงานทำการใดๆ สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ทว่าคนรุ่นใหม่ใช้การสื่อสารถึงกันโดยผ่านโลกออนไลน์ โลกเสมือนจริง ซึ่งหลายต่อหลายครั้งมันคือโลกหลอกลวง แต่เด็กๆ กลับหลงเชื่อและศรัทธาในโลกลวง และหลงทะนงตัวเองว่าจะเปลี่ยนโลก จะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิม ซึ่งต้องย้ำว่าเป็นเรื่องประหลาดมหัศจรรย์มากกับความคิดแบบหลงตัวเองเช่นนั้น เพราะการจะเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงแผ่นดินได้ ต้องใช้ประสบการณ์ที่ตกผลึกแล้ว แต่ต้องย้ำว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ ที่คนไร้ประสบการณ์ แต่อยู่ในโลกความฝันกล้าประกาศแบบเพ้อๆ ว่าจะเปลี่ยนประเทศ จะพลิกสังคมให้ดีกว่าเดิม
โลกนี้ และสังคมนี้เป็นของคนทุกรุ่น ทุกวัย และทุกคน เพราะฉะนั้น ผู้ใหญ่ที่ไม่ฟังเด็ก ไม่เปิดใจคุยกับเด็ก และไม่ให้โอกาสเด็กแม้แต่น้อย ส่วนเด็กที่อวดดีไม่ฟังผู้ใหญ่ หลงลำพองผยอง เพราะคิดว่าคนแก่โง่เขลาเบาปัญญา ไม่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ขั้นสูง ไม่รู้จักเทคโนโลยีทันสมัยเหมือนพวกเด็กๆ แถมเด็กบางคนยังพยายามจะโค่นจะล้มสิ่งที่สังคมให้ความเคารพนับถือมายาวนาน โดยประกาศว่าต้องล้มระบบ ล้างระบอบเก่าๆ เดิมๆ ให้หมดไป เพราะมันเป็นตัวการทำให้สังคมล้าหลัง ไม่เจริญ ไม่ทันสมัย แถมยังกล้าบอกว่าระบอบระบบเดิมๆ มันคือตัวการกดขี่ผู้คนในสังคม
เด็กก็คือเด็ก แล้วเด็กที่สามารถรักษาชีวิตให้ยืนยาวได้ ก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต แต่เด็กที่อวดดี โอหัง สามหาวมักจะไปไหนไม่รอด ไปได้ไม่ไกลชอบคิดแบบเพ้อฝัน วาดวิมานในอากาศ หากเด็กๆจะคิดสักนิดว่าก่อนที่ตนเองจะเกิดมาแล้วมีโอกาสสำแดงความก้าวร้าวออกมานั้น สังคมนี้ดำรงอยู่ได้เพราะคนรุ่นก่อนรุ่นเก่า หากไม่มีคนรุ่นเก่า ก็ย่อมไม่มีคนรุ่นใหม่ แล้วหากคนรุ่นเก่ามันเลวทราม แย่จนเกินจะรับได้ เขาก็คงไม่สามารถรักษาสังคมให้ดำรงคงอยู่แล้วตกทอดมาถึงคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้น ก่อนจะด่าประณามคนรุ่นเก่า ขอให้คิดสักนิดว่าเด็กรุ่นใหม่ทำอะไรเป็นคุณประโยชน์ให้กับสังคมบ้าง เลิกเพ้อ แล้วหันไปมองความจริงเสียบ้าง เพื่อที่สังคมจะได้ดำเนินต่อไปด้วยความสมานฉันท์ และปกติสุข
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี