รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดไว้หลายลักษณะอาทิ มาตรา 151 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิ์เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือคณะ (รัฐบาลจะชิงยุบสภาหนีญัตติดังกล่าวไม่ได้)
มาตรา 152 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิ์เข้าชื่อเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ
มาตรา 153 สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิ์เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จริงหรือชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ
ทั้ง 3 มาตราให้กระทำได้ปีละหนึ่งครั้ง
ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือเศรษฐกิจของประเทศสมควรที่จะปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภา ขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมวุฒิสภาก็ได้ ในกรณีนี้ประธานรัฐสภาต้องดำเนินการให้มีการประชุมภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง แต่รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายไม่ได้ เป็นไปตามมาตรา 154
ผมเขียนเรื่องนี้เพราะฝ่ายค้านโหมโรงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ก็เลื่อนมาตลอด ข่าวว่าจะไปยื่นญัตติดังกล่าวหลังพ้นเทศกาลตรุษจีน และก็ยังไม่รู้ว่าจะเลื่อนไปหลังเทศกาลสงกรานต์หรือไม่
ในอดีตที่ผ่านมา มีการเขียนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีดุเดือดมาก และมักจะเป็นรูปแบบคล้ายๆ กัน
“ด้วยปรากฏเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า นาย.......นายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ประสิทธิผล ขาดวิสัยทัศน์ ขาดวิจารณญาณ ขาดคุณธรรม ขาดภาวะแห่งความเป็นผู้นำ มีพฤติกรรมฉ้อฉลเห็นแก่ตัวปัดความรับผิดชอบ ไร้ศักดิ์ศรี สมคบกับรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลและพรรคพวก ใช้ตำแหน่ง หน้าที่ อิทธิพล แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ฯลฯ
และที่ขาดไม่ได้ ก็มักจะเติมคำว่า “จงใจลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน บีบบังคับสื่อมวลชนให้เน้นการเสนอข่าวด้านเดียว โดยเจตนาปกติความชั่วร้ายทั้งของส่วนตนและรัฐบาล...” จากนั้นก็จะตามด้วยลายเซ็นของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านต่างๆ
ญัตติอภิปรายฉบับนี้ เป็นของวันที่20 สิงหาคม 2539 ที่ผมย่อมาให้อ่าน แต่ท่านผู้ถูกอภิปรายในสมัยนั้น ก็ผ่านศึกซักฟอกมาได้และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป
ญัตติการอภิปรายที่จะเกิดขึ้นนี้ ยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะเขียนว่าอย่างไร เพราะเศรษฐกิจสังคมการเมือง ได้เปลี่ยนไปมาก อีกทั้งยังไม่รู้ว่า ฝ่ายค้านจะให้ สส.ท่านใดอภิปราย เนื่องจากบรรดาขุนพลปากกล้าทั้งหลาย ไม่ได้เป็นผู้แทน
ถ้าข้อมูลฝ่ายค้านไม่พร้อม ไม่มีน้ำหนัก ฝีปากไม่ถึงขั้นอาจจะถูกซีกรัฐบาลทุบเอากลางสภาก็ได้
กระบวนการอภิปรายต่างๆ เป็นเรื่องปกติของรัฐสภา โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งบ้างก็เรียกว่าเปิดศึกซักฟอก ในอดีต จะมีปรากฏการณ์ ให้เห็นกัน อาทิ องครักษ์พิทักษ์นายกฯ ดาวสภา ตกม้าตาย หลักฐานปลอม โพยคำตอบ การชกใต้เข็มขัด
แต่ยุคใหม่แล้วก็เชื่อว่าคงไม่มีลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี