จากที่ผมเคยเขียนศักยภาพความเป็นผู้นำไว้ 9 ข้อ
1. Crisis management การจัดการภาวะวิกฤติ
2. Anticipate change คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงได้
3. Motivate others to be excellent การกระตุ้นผู้คนสู่ความยอดเยี่ยม
4. Conflict resolution การแก้ไขความขัดแย้ง
5. Explore opportunities การสร้างโอกาสแก่ผู้อื่น
6. Rhythm & Speed รู้จักใช้จังหวะและความรวดเร็ว
7. Edge (Decisiveness) กล้าตัดสินใจ
8. Teamwork ทำงานเป็นทีม
9. Uncertainty Management การบริหารความไม่แน่นอน
ในข้อสำคัญที่สุดว่า ผู้นำต้องแก้วิกฤติให้ได้ ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับแนวคิดของกูรู (Guru) ด้านผู้นำในต่างประเทศ มักจะไม่พูดถึง
ที่ผมเขียนเพราะเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเราเป็นผู้นำขององค์กร เจอวิกฤติ จะต้องจัดการให้ได้
บัดนี้ สี จิ้น ผิง กำลังเจอปัญหาโรคร้ายที่เมืองอู่ฮั่น (Wuhan)
ตัวเลขขณะที่ผมเขียน คนตายไปแล้ว 217 ศพ และจำนวนผู้ป่วยในจีนมี 7,000 กว่าคน และยังมีผู้ป่วยในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยอีกร้อยกว่าคน ถ้าผู้นำแก้ไม่ได้ คงไม่สง่างาม
วิเคราะห์สาเหตุหลายๆ ด้านของไวรัสนี้ เช่น
-มาเร็ว
-คาดไม่ถึง
อย่างไวรัสโคโรนา (Coronavirus) มาเร็วมากที่คาดไม่ถึง และกระทบต่อความเชื่อมั่น (Trust) ของผู้นำอย่าง สี จิ้น ผิง อย่างแน่นอน
และวิกฤติยังมีอีก 2 แนวทาง
(1) มาแล้วมาอีก
(2) วิกฤติมีหลายชนิด
เห็นได้ว่า เป็นเรื่องจริง ในจีน มีปัญหาเรื่องฮ่องกงและผู้นำคนใหม่ของไต้หวันก็ไม่นิยมประเทศจีน ไม่รับ 1 ประเทศ 2 ระบบ เลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง อาจจะสร้างวิกฤติให้จีน ในไต้หวัน ยังไม่ได้
นับเรื่องสงครามการค้า จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนกับผู้นำอย่างทรัมป์ตลอดเวลา หรือปัญหา 5G ที่ทรัมป์ไม่ยอมรับให้ใช้ในอเมริกา
โรคไวรัสตัวใหม่เกิดขึ้นที่จีน ถ้าไม่มีผู้นำที่เก่งและมีความสามารถก็อาจลุกลามไปทั้งประเทศและลามไปยังประเทศอื่นด้วย
ด้วยความเป็นผู้นำของ สี จิ้น ผิง ได้ประชุมคณะกรรมการกลาง“Politburo” อย่างเร่งด่วนทำหลายอย่าง เช่น ระดมหมอและบุคลากรการแพทย์จากทุกๆ แห่ง ไปเมืองอู่ฮั่นอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลไม่พอก็จัดการระดมสร้างโรงพยาบาลชั่วคราวในเวลาไม่ถึง 10 วัน ลดการแออัดของโรงพยาบาล มีมาตรการห้ามคนจีนเดินทางออกนอกประเทศอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าวิกฤติลุกลามกว่านี้ จะกระทบความเป็นผู้นำของเขาอย่างแน่นอน
ผมหวังว่า ตัวอย่างของผู้นำที่แก้วิกฤติ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ได้เห็นว่า วิกฤติมีตลอดเวลา และหลายชนิด ผู้นำต้องมีความสามารถในการแก้ปัญหาให้ลุล่วง และได้รับการยอมรับ (Trust) จากประชาชนจะทำให้เขาทำงานต่อไปอยู่อย่างสง่างามสมกับการยอมรับจากชาวจีนให้เป็นผู้นำตลอดชีวิต
ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีผลกระทบต่อโลกมากๆ เป็นข่าวติดต่อกันกว่า 10 วัน แล้วและยังไม่มีทีท่าสงบ
ซ้ำเติมปัญหาของประเทศไทยอย่างมาก นายกฯประยุทธ์ก็ต้องแก้วิกฤติเช่นกัน และวิกฤติของท่านมาหลายด้าน ต้องพิสูจน์ว่า ท่านจะจัดการกับวิกฤติเหล่านี้ เช่น เรื่องงบประมาณซึ่งยังไม่ได้ใช้ เพราะต้องรอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า เพราะมีสส.เสียบบัตรแทนกัน ผลจะออกมาเป็นอย่างไร น่าเศร้าที่เรามีผู้แทนที่ดีจำนวนมาก แต่ใน 500 คน มีสส.ที่ขาดความรับผิดชอบ ขาดจริยธรรม คุณธรรมและจิตสำนึก แต่ยังอยากจะเป็นตัวแทนของคนไทย
สุดท้าย ผมขอเล่าเรื่องงานที่ผมทำ 2 เรื่องคือ
1. ได้รับเชิญไปบรรยายเรื่อง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ให้นักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต วิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563
มีเวลาแค่ 8 ชั่วโมง และนักศึกษาส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ใหญ่ แต่วิธีการเรียนคือ กระตุ้นให้คิดไปด้วย แบ่งเป็น 2 ช่วง
(1) นำเสนอข้อคิดและหลักการที่สำคัญเน้นทฤษฎีและความจริงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังไม่เบื่อ ประมาณ 3 ชั่วโมง และมีการโต้ตอบกันสั้นๆ โดยให้จับคู่กัน 2 หรือ 3 คนช่วยคิดเป็นทีมว่า ที่พูดไปทั้งหมดกว่า 3 ชั่วโมง ถามลูกศิษย์มีความเห็นอย่างไรได้ข้อคิดเห็นที่ดีมาก แสดงให้เห็นว่า ถ้าผู้ฟังรู้ว่า หัวข้อคืออะไร สำคัญอย่างไร กระตุ้นให้เขาคิดตามไป สอนแบบมีความสุข และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังสนุก การเรียนจะประสบความสำเร็จ นักศึกษาหลายคนบอกว่าเขาฟังแล้วได้ประเด็นไม่น่าเบื่อ
ผมเองก็มีความสุขที่ได้กระตุ้นให้ลูกศิษย์เห็นว่า การบริหารคนหรือทุนมนุษย์มองจากจุดเล็กๆ ไม่ได้ ต้องมองจาก:
(1) สภาพแวดล้อม เช่น ภาพใหญ่ไปสู่ภาพเล็ก
(2) การปลูก คือ การพัฒนาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งสูงวัย
(3) การเก็บเกี่ยว เป็นการบริหารคนซึ่งเป็นหัวข้อใหญ่
(4) ถ้ามีอุปสรรค จะแก้อย่างไร คือชนะเล็กๆ อย่างต่อเนื่องไปสู่ความยั่งยืน
(5) ให้เห็นว่า คนเป็นเรื่องสำคัญ หลายประเทศสนใจคน เช่น จีน ญี่ปุ่น หรือสิงคโปร์ แต่ไทยให้ความสนใจน้อยมาก
(2) ผมมีเวลาอีก 4 ชั่วโมงตอนบ่าย ได้คุยกันเป็นกลุ่มประมาณ 10 คน และได้นั่งสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เน้นกฎ 12 ข้อของผม คือ หลักๆ ต้องมีประธานและเลขาฯ และต้องให้ทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมคิดต่อยอด ไม่ใช่ลอกสิ่งที่ได้มาทั้งหมด (Copy) ผมยังสังเกตดูว่า การออกความเห็นในกลุ่มคนไทยยังขาดการมีส่วนร่วมบางคน จึงขอย้ำว่า การฝึกการแสดงความเห็นในกลุ่มเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง บางคนไม่กล้า พูดแล้วกลัวจะผิด จริงๆ แล้ว ไม่มีผิดหรือถูกซึ่งการฝึกให้ทุกๆ คนในกลุ่มได้แบ่งปันความรู้ เป็นเรื่องสำคัญ บางคนไม่พร้อม ต้องฝึกให้เขากล้าออกความเห็น โดยทั่วไปถือว่า ทำได้ดีให้เห็นว่า การชนะเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง จะเป็นประโยชน์มาก อย่างไรก็ตามการทำกลุ่มที่นี่ถือว่า ประสบความสำเร็จระดับใช้ได้ รายละเอียด ติดตามในบล็อก https://www.gotoknow.org/posts/674671หรือ เฟซบุ๊ค ได้https://web.facebook.com/ChiraHongladarom/posts/4067368876621871
ที่น่าสนใจ ในเรื่องการบริหารคนของผม บอกว่า เวลาน้อย เรื่องกฎหมายแรงงาน เรื่องโครงสร้างเงินเดือน เรื่องการวางแผนอาชีพ (Career Path) ต่างๆ ไม่มีเวลา ต้องค้นหากันเอง แต่มีข้อเสนอเรื่องแรงจูงใจว่า มี 4 เรื่อง
(1) แรงจูงใจ Motivation เป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องดูสิ่งที่มองไม่เห็นมากกว่าสิ่งที่เห็น (Intangible หรือ Soft Motivation) ปัจจุบันต้องศึกษาความต้องการมาจากข้างใน เช่น ความสุข มี Passionในการทำงาน ความผูกพันในองค์กร การรักองค์กร ผู้บริหาร หรือ CEOยกย่องให้เกียรติผู้ร่วมงาน Respect นับถือและความมีศักดิ์ศรีของคน Dignity
(2) นอกจากนั้นยังย้ำว่า Motivation หรือแรงจูงใจยังไม่พอ ต้องสร้างแรงบันดาลใจ Inspiration
(3) เรื่องการมอบงานที่ท้าทาย Empowerment
(4) รวมทั้งการปรับหลักคิด Mindset จากการไม่เปลี่ยน (Fixed) ไปสู่การเปลี่ยนหลักคิด (Growth)
วันต่อมามีนักศึกษาปริญญาเอกมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 2 ท่าน ชื่อ นายสานิตย์ จันทโร และ ผศ.รัชรินทร์ กุลชาติ มาปรึกษาผม เรื่อง แรงจูงใจที่มองไม่เห็นและ SMEs กับปัญหาเรื่องคนดีใจที่มีหัวข้อวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกแนวนี้Chira Way
ผมใช้แนวทางของผมทำให้นักศึกษาปริญญาเอกทั้ง 2 คนมีความรู้สึกว่า แนวทางเรื่องทุนมนุษย์และบริหารทุนมนุษย์ต้องเน้นความจริง ตำราต่างประเทศยังมีประโยชน์ แต่ต้องดูข้อเท็จจริงในประเทศในแต่ละองค์กร แต่ละกลุ่มอายุ กระตุ้นให้คิดแบบสร้างสรรค์
ดีใจที่นักศึกษาปริญญาเอก 2 ท่าน ได้แรงบันดาลใจไปทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่จบ หรือหัวข้อน่าเบื่อ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผมได้แนะนำนักศึกษาปริญญาเอกหลายๆ มหาวิทยาลัย
ให้เลือกหัวข้อที่น่าสนใจและตรงกับความต้องการปัจจุบัน
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี