เมื่อพูดถึงปัญหาการศึกษากับการทำงานในประเทศไทยที่ผ่านมาโดยมากมักเน้นไปที่การผลิตแรงงานออกมาไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ เช่นภาคอุตสาหกรรมต้องการแรงงานระดับอาชีวศึกษาจำนวนมากแต่คนไทยส่วนใหญ่ยังคงนิยมส่งบุตรหลานเรียนให้จบชั้นอุดมศึกษาเป็นหลัก หรือแม้แต่แรงงานระดับอาชีวศึกษาเองความรู้ที่สถาบันการศึกษาถ่ายทอดให้ก็ไม่สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ในส่วนของ “การทำงานไม่ตรงสาย” หรือการที่จบมาทางด้านหนึ่งแต่ต้องไปทำงานอีกด้านหนึ่งไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ยังไม่ค่อยถูกกล่าวถึงมากนัก
ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2563 ครั้งที่ 42 เรื่อง “ชีวิตที่เหลื่อมล้ำ : เหลื่อมล้ำตลอดชีวิต” ณ ศูนย์การเรียนรู้ ธปท. เมื่อต้นเดือนก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ผศ.ดร.ชญานี ชวะโนทย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับหน้าที่บรรยายหัวข้อ “ความไม่สอดคล้องทางการศึกษากับความเหลื่อมล้ำของค่าจ้างแรงงานไทย” เล่าถึงการจัดกลุ่มอาชีพตามหลัก ISCO (International Standard Classification of Occupations) ที่แบ่งเป็นทักษะสูง3 ประเภท ทักษะปานกลาง 5 ประเภท และทักษะต่ำ 1 ประเภท
ซึ่งในประเทศไทยนั้น คนทำงานรุ่นใหม่ (อายุ 15-45 ปี) ได้รับการศึกษาสูงขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 50 จบการศึกษาขั้นต่ำที่ระดับมัธยมปลาย (หรือเทียบเท่าคือ ปวช.) ในขณะที่คนทำงานรุ่นเก่า (อายุ 46-60 ปี) มีเพียงร้อยละ 25 ที่จบการศึกษาเฉลี่ยขั้นต่ำในระดับดังกล่าว ดังนั้นแรงงานในภาคเกษตรจึงมีแนวโน้นลดลงตรงกันข้ามกับภาคอุตสาหกรรมและบริการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
งานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของแรงงานไทย (Labor Force Survey : LFS) ระหว่างปี 2554-2560 แบ่งแรงงานออกเป็น 3 กลุ่มคืออายุ 15-30 ปี, 31-45 ปี และ 46-60 ปี โดยมีข้อค้นพบหลายประการ 1.แรงงานอายุน้อยมีแนวโน้มเผชิญการทำงานไม่ตรงสายมากขึ้น แม้แต่อาชีพที่ต้องใช้ทักษะสูง 2.สาขามนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์มีสัดส่วนแรงงานที่จบมาแล้วทำงานไม่ตรงสายมากที่สุด ในทางกลับกัน สาขาสุขภาพและสวัสดิการ และสาขาการศึกษา มีสัดส่วนแรงงานที่จบมาแล้วทำงานไม่ตรงสายน้อยที่สุด
“พอเข้าใจได้ว่าต้องเรียนมาโดยตรงถ้าต้องทำงานที่เกี่ยวกับพยาบาล แพทย์ หรือเป็นครู แต่ที่น่าสนใจอีกอันคือที่เราต้องยกขึ้นมาคือถ้าเราจะเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0จริงๆ มันมีภาพที่ออกมาว่าเราขาดแคลนแรงงานสายวิทยาศาสตร์ คนจบสายวิทยาศาสตร์ไม่เยอะ แต่คนที่จบมาเทียบกับคนที่จบสาขาวิทยาศาสตร์ด้วยกันเอง กลายเป็นว่ามีแรงงานทำงานไม่ตรงสาขาสูงถึงประมาณเกือบร้อยละ 70 ทีเดียว ซึ่งคงต้องไปดูกันต่อว่ามันเป็นเพราะจบมาแล้วแรงงานทักษะไม่พอก็เลยไม่สามารถเข้าไปทำงานในสาขาวิทยาศาสตร์ได้ หรือจริงๆ โครงสร้างตำแหน่งงานมันยังไม่สอดคล้องกันหรืออย่างไร” อาจารย์ชญานี ระบุ
นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ เล่าต่อไปว่า 3.คนที่ทำงานไม่ตรงสายจะมีค่าจ้างเฉลี่ยต่ำกว่าคนที่ทำงานตรงสายโดยหากแยกเป็นเพศพบว่าผู้ชายได้รับผลกระทบด้านนี้รุนแรงกว่าผู้หญิง หากแยกเป็นกลุ่มทักษะพบว่าคนทำงานไม่ตรงสายในกลุ่มทักษะสูงได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มทักษะไม่สูง และหากแยกเป็นกลุ่มระดับการศึกษาพบว่าคนทำงานไม่ตรงสายในกลุ่มที่จบระดับอาชีวศึกษาได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มที่จบระดับอุดมศึกษา
4.แรงงานที่ทำงานในภาคอีสานได้รับผลกระทบด้านค่าจ้างจากการทำงานไม่ตรงสายมากที่สุด โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นผลกระทบเชิงลบถึงร้อยละ-13.5 รองลงมาเป็นภาคเหนือร้อยละ -10.8 ส่วนกรุงเทพฯได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพียงร้อยละ -3 เท่านั้น สอดคล้องกับการวิเคราะห์โดยดูจากความหลากหลายของอาชีพ พบว่ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประเภทอาชีพหลากหลายมากที่สุดในประเทศไทย ความเหลื่อมล้ำด้านค่าจ้างแรงงานนั้นต่ำกว่าภาคอื่นๆ ที่เหลือ
5.ผู้หญิงวัย 31-45 ปี ได้รับผลกระทบจากการทำงานไม่ตรงสายสูงกว่าผู้ชายวัยเดียวกัน ดังตัวอย่างเปรียบเทียบชายกับหญิงที่จบระดับอุดมศึกษาขึ้นไป (ป.ตรี-ป.เอก) สาเหตุน่าจะมาจากผู้หญิงต้องเลี้ยงดูบุตรโดยบางคนถึงขั้นต้องออกจากงานชั่วคราวแล้วพอกลับมาก็ไม่ได้ทำงานตรงสายอีก 6.แรงงานรุ่นเก่าได้รับผลกระทบจากการทำงานไม่ตรงสายสูงกว่าแรงงานรุ่นใหม่ สาเหตุน่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการต้องปรับตัวของแรงงาน
อาจารย์ชญานี กล่าวสรุปว่า “ความไม่สอดคล้องทางการศึกษาในแนวราบ” ซึ่งหมายถึงการจบมาแล้วทำงานไม่ตรงกับคณะหรือสาขาวิชาที่จบมานั้นเป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจ เนื่องจาก “ตลาดแรงงานไทยพบการทำงานไม่ตรงสายมากถึงร้อยละ 44” ประกอบกับแรงงานรุ่นใหม่มีแนวโน้มทำงานไม่ตรงสายมากขึ้น รวมถึงแรงงานอาชีพที่ใช้ทักษะปานกลางและต่ำจะได้รับผลกระทบมากกว่าแรงงานอาชีพที่ใช้ทักษะสูง
“สำหรับผลกระทบเรื่องของการไม่สอดคล้องทางการศึกษากับค่าจ้าง เราจะเห็นว่ามีผลกระทบทางลบแน่นอน แล้วคนที่ได้รับผลกระทบมากก็จะเป็นกลุ่มแรงงานที่ใช้ทักษะที่ถ้าทำงานไม่ตรงสาขาแล้วทำงานในอาชีพที่ใช้ทักษะสูงก็จะได้รับผลกระทบมาก อันนี้ก็จะมีผลมาจากกลุ่มที่เป็นอาชีวศึกษาด้วย อันหนึ่งที่จะต้องพูดถึงนอกจากเรื่องของการพัฒนาทักษะแล้วอาจจะต้องมีเรื่องความสามารถในการปรับตัวทางอาชีพด้วย ซึ่งมันจะทำให้มีความสามารถ คือเราไม่ใช่แค่เรียนจบแล้วทำงานอย่างเดียว แต่ว่าพัฒนาในเรื่องทักษะไปตลอดการทำงาน” อาจารย์ชญานี กล่าว
หมายเหตุ : ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Power Point สรุปการบรรยายหัวข้อ “ความไม่สอดคล้องทางการศึกษากับความเหลื่อมล้ำของค่าจ้างแรงงานไทย” รวมถึงหัวข้ออื่นๆ ได้ที่นี่ http://www.symposium.econ.tu.ac.th/
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี