lการเข้าใจ “พุทธศาสนา” ผ่านทัศนะ ๓ หลัก คือ
๑.หลักธรรม - ภูมิรู้
๒.วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีฯ
๒.การสัมพันธ์กับสังคมโลกที่เป็นจริง
คือ สรรพสิ่ง ย่อมสัมพันธ์ เปลี่ยนแปลงไป ตามยุคสมัย โดยมนุษย์ต้องใช้ “หลักธรรม ภูมิรู้ และวิทยาศาสตร์ฯ ไปจับให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงเพื่อประโยชน์และการสร้างคุณค่า ความหมายในการดำรงชีวิตทั้งของตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม
lโดยผ่าน การอธิบาย จากเรื่องหลักๆ ที่ติดค้างในความคิดและใจของชาวโลก เช่น กรรมเก่า นรกสวรรค์ ชาติก่อนชาติหน้า ทำดีเพื่ออะไร และ “ความเป็นมนุษย์ ที่เป็นอยู่” เกิดจากอะไร?
lก่อนอื่น ต้องเข้าใจ “วิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ จากยุคโบราณ มาถึงปัจจุบัน”
เป็นการผ่าน : “ความจำกัด ความไม่รู้ขาดปัญญา ความเหลื่อมล้ำฯ” มาสู่ : “ความอิสระ ภูมิรู้ปัญญา ความเสมอภาคฯ” ที่มากขึ้น
lสมัยโบราณ มนุษย์ยังล้าหลัง ทั้งในความคิดสติปัญญา การอยู่อาศัย ทำมาหากิน เดินทาง สื่อสารฯ การอาศัย และพึ่งพา “ธรรมชาติ พระเจ้า เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ” ในการดำรงชีวิตแม้ต่อมา ในยุคของการก่อเกิด กำเนิด “ศาสนา พระพุทธเจ้า พระเจ้าฯ เจ้าลัทธิผู้นำจิตวิญญาณ” ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ ในการคิดการกำหนด “บุญ บาป” ในรูปพระคัมภีร์ พระไตรปิฎกฯ อย่างเป็นระบบ การมี “ พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า” มารวมศูนย์ความเคารพ ศรัทธา ของมนุษย์ แทน เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฯ แต ยังมีความจำกัดในเรื่องของความรู้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีฯ
ตัวอย่าง คลาสสิก คือ “โป๊ป” เชื่อว่า “โลกแบน” และสั่งลงโทษ “กาลิเลโอ” (ผู้พิสูจน์โลกกลม) และแม้แต่ ในเรื่อง “ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ทางเพศฯ”ซึ่งที่สำคัญ คือ “บุรุษได้รับการยอมรับเหนือสตรี” พระเจ้าศาสดา และพระพุทธเจ้า เป็นบุรุษหลักของศาสนาฯ และการเสมอภาคเท่าเทียมกัน ในความเป็นมนุษย์ยังไม่มี โดยยังมีชนชั้นเจ้านาย ทาส บริวารฯ
lมาในยุคปัจจุบัน ความจำกัดต่างๆ มีน้อยลงเมื่อมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีผู้คน มีความรู้ สติปัญญา มีอิสรภาพ ความเสมอภาค ความอิสระฯ มากขึ้น บทบาทของศาสนา ที่มีศาสดาเป็นพระผู้เป็นเจ้า มิใช่มนุษย์ มีคำถามมากขึ้น ศาสดา ของศาสนาที่เป็น “มนุษย์” ได้รับการยอมรับ มากขึ้น การเดินทางสู่ความเป็นจริง ของโลก มนุษย์ สังคมฯ
มีมากขึ้นเรื่อยๆ
lแต่ก็ยังคงมีความจำกัดในหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ “ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ”
ซึ่งเกิดจาก ๒ ปัจจัย
๑.ความรู้ และความรับรู้ ยังไปไม่ถึง
๒.หลายเรื่อง ยังพิสูจน์ ไม่ได้ชัดเจน : ทั้งไปไม่ถึงและเป็นไปไม่ได้ฯ
lมาพิจารณาในบางเรื่อง “นรกสวรรค์ชาติก่อนชาติหน้า กรรมเก่าฯ”
-ส่วนหนึ่ง เป็น “ความคิด ความเชื่อ”
-ส่วนหนึ่ง เป็นการอธิบาย ถึง “ความจำเป็นต้องทำดี เพื่อเกิดใหม่ มาเป็นมนุษย์”
-บางส่วน อธิบายถึง “การทำดี เพื่อให้ไปเกิดในฐานะที่ดีขึ้น รวยขึ้น เป็นเทพดาฯ ในชาติหน้า”
lในปัจจุบัน มีความรู้ ความเข้าใจ ความแตกต่าง ระหว่าง “มนุษย์ สัตว์ พืช เชื้อโรคฯ”
ในเรื่องของโครโมโซม ดีเอ็นเอ เซลล์ต่างๆ ฉะนั้นมนุษย์จะมาจาก “สัตว์ พืช” ไม่ได้
แต่หาก “มนุษย์ชาตินี้จะมาจากมนุษยชาติก่อน หรือจะไปเกิดเป็นมนุษยชาติหน้า” ยังมีน้ำหนักมากกว่า แต่หากทำความเข้าใจ ต่อ “การเกิดของมนุษย์” และ “การตายของมนุษย์”
lมนุษย์เกิดมาจากไหน?, ตายแล้วจะไป?, ก็จะเข้าใจมากขึ้น
หลักความเชื่อ (โบราณ) : มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต้องมาจากมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิต ถูกลดค่าลง เมื่อนักวิทยาศาสตร์นำเสนอว่า “สิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการมาจาก“เซลล์” หรือสิ่งไม่มีชีวิตที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนมาถึง “จุด” ที่มีเงื่อนไข ปัจจัยที่ลงตัว จนเกิดสิ่งมีชีวิตขั้นต่ำแล้ว ก็ใช้เวลา และการพัฒนาการอีกยาวนาน ภายใต้เงื่อนไขอุณหภูมิ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม หรือมนุษย์เกิดจากการผสมพันธ์ุกันของ “เชื้อตัวผู้กับเชื้อตัวเมีย”, “อสุจิกับไข่” มนุษย์เกิดมาจากผลของ “กรรมเก่า”?
“ความจริง กรรมก็เป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ
คือเป็นเรื่องความเป็นไปตามเหตุปัจจัยของชีวิตมนุษย์ ที่มีเจตนา มีการคิด การพูด และการกระทำ แสดงออก มีความสัมพันธ์กับสิ่งทั้งหลาย แล้วก็เกิดผลต่อเนื่องกันไปในความสัมพันธ์นั้น” (ป.อ.ปยุตฺโต)
กรรมเก่าที่มีผลต่อ “ชีวิต กายใจ ของมนุษย์” ตอนเกิดมา
เป็นผลต่อเนื่องของพฤติกรรม การใช้ชีวิตของ “บรรพบุรุษ ปู่ยาตายาย และพ่อแม่ฯ” ต่อ “ลูก” เป็นการถ่ายทอดกรรมพันธุ์ ดีเอ็นเอ โครโมโซม ฯลฯ มาถึง “ลูก”
l“กรรมเก่าจะสำคัญมาก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปสยบยอมต่อมัน
แต่ตรงข้าม เรามีหน้าที่พัฒนาชีวิตของเราที่เป็นผลรวมของกรรมเก่านั้นให้ดีขึ้น “(ป.อ.ปยุตฺโต) คือเราไม่สามารถ
แก้ “กรรมเก่า” ที่เราไม่ได้สร้างขึ้น ในส่วนนี้ได้ แต่เราสามารถ แก้ไข พัฒนาหรือฝึก ชีวิต : ในช่วงชีวิตที่เรามีชีวิตความรู้ สติปัญญาได้ และ “สิ่งที่ดี และไม่ดี” ในชีวิตของเรานอกจากจะมีผลต่อ “ตัวเรา” แล้วยังมีผลต่อ “ลูกหลาน และวงศ์วานเหล่ากอของเรา” ที่จะเกิดมาในอนาคตได้
และ นี่คือ เหตุผลที่แท้จริง ของ การคิดดีทำดีในชีวิตในปัจจุบัน
ที่ก่อประโยชน์ คุณค่า ความหมาย และความสุข เบิกบานฯ ในชีวิตของเรา ในปัจจุบันการนำหลัก “ธรรมพุทธศาสนาฯ” มาใช้ในชีวิต จึงมีคุณค่าความหมายยิ่งสำหรับมนุษย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี