ผลกระทบจาก สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ทำให้ทุกคนบอบช้ำอย่างทั่วถึง กระทรวงสาธารณสุข ได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศไทย ประสบผลดีอย่างมากเพราะจนถึงขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยอยู่อันดับท้ายๆ ของโลก หลายฝ่ายให้ความชื่นชม
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯ และรมว.กลาโหมก็ถูกกระแสสังคมกระหน่ำฟรีๆอยู่หลายวันเพราะนโยบายด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง ที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เสนอทางออกบนสถานการณ์ไวรัสโควิด-19อย่างน้อยๆ 2 เรื่องใหญ่
1.หยุดยาวช่วงสงกรานต์ 9 วันเพื่อให้คนไปท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอยจะได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระหึ่มเมือง
2.แจกเงิน 1 พันบาทต่อเดือน 2 เดือน ให้กับ ประชาชนรายได้น้อย เกษตรกร และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 14 ล้านคน รวมเป็นเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท เพื่อไปเพิ่มกำลังซื้อจากประชาชน
งานนี้รัฐบาลคงหูชาไปเลยครับ
ยังโชคดีที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับฟังความคิดเห็นข้อทักท้วงจากทุกภาคส่วน ว่ายุทธการดังกล่าวยังไม่เหมาะสม จึงสั่งการล่าสุดไม่ใช้ทั้ง 2 มาตรการ ที่นำเสนอมา แต่หันไปคืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า น้ำประปา ครัวละ 3 พันแทนยังงี้ชาวบ้านไม่ว่าอะไร
การเสนอมาตรการทางการคลัง ถ้าคิดเพียงแค่ว่า หยุดงาน- แจกเงิน แล้วจะแก้ไขปัญหาทั้งหมด ทั้งมวลของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกได้ กลับกลายเป็นยิ่งสร้างความไม่น่าเชื่อถือเชื่อมั่น กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้เลย
เกือบทุกประเทศเขาไม่ทำกัน แต่จะหันไปเน้นในเรื่องสาธารณสุข เป็นหลัก
วันนี้บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนโดยทั่วไป ขาดแคลนหน้ากากอนามัย ควรนำเงินต่างๆ ไปเสริมกำลังภายใน ในส่วนนั้นจะดีกว่า
เพราะนี่ก็เข้าสู่เฟส 3 ยังไม่รู้จะมีเฟส 4 เฟส 5 หรือไม่???
คาดกันว่า 6 เดือนข้างหน้า บุคลากรทางการแพทย์ต้องการจะใช้หน้ากากอนามัยรวมทั้งหมด ทั้งสิ้น 200 ล้านชิ้น หรือ เดือนละ30 ล้านกว่าชิ้น หรือวันละ 1 ล้านกว่าชิ้น ขณะที่ทุกวันนี้แบ่งไปให้ประชาชนวันละ 5 แสนชิ้น นี่คือคำตอบที่ว่าทำไมหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ถึงไม่มีหน้ากากอนามัยใส่
ทำไมไม่ตั้งงบประมาณหาซื้อหน้ากากอนามัยมาเพิ่ม
ทำไมไม่ตั้งงบประมาณสร้างโรงงานผลิต
กระทรวงสาธารณสุข เสนอของบประมาณ 1,400 ล้านบาทเพื่อมาใช้ต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 กลับโดนตัด เหลือให้ใช้เพียง 1,200 ล้านบาท แล้วจะเอางบประมาณที่ไหนไปจัดซื้อจัดหามาให้บุคลากรทางการแพทย์ได้เพียงพอ
ทุกคนทราบกันดีว่า กระทรวงสาธารณสุข มีบทบาท หน้าที่ มากมายครอบคลุมในการรักษาพยาบาลคนไทยทั้งประเทศ เป็นความสำคัญลำดับแรกที่สุด ต้องให้การสนับสนุนทุกช่องทาง แต่คนคุมการคลัง กลับเสียดายเงิน 200 ล้านบาท
ปัญหาเศรษฐกิจ คือ ปัญหาใหญ่ จุดอ่อนของรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพราะบุคลากรทางด้านการบริหารการคลัง ที่ถูกมองว่าใช้เงินไม่เป็น คิดประชานิยมแบบมักง่าย จึงส่งผลต่อความเชื่อถือ
ขณะนี้ล้มแผน “หยุดงาน” กับ “แจกเงิน” ไปแล้ว ก็ต้องมาคิดกันใหม่ ว่าจะทำอย่างไร แต่เบื้องต้น เรื่องสาธารณสุข ผมคิดว่ารัฐบาลควรเต็มร้อยในการดูแลอำนวยความสะดวก ทั้งคน และปัจจัย เพื่อแก้ไขปัญหาโรคดังกล่าว
ถ้าสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่มอด จะถมเงินลงไปสักเท่าไหร่ ก็กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี