ช่วงนี้ผมเขียนเรื่อง COVID-19 อย่างต่อเนื่อง
-เปิดประเทศไทยอย่างฉลาด (Smart Trade-Off)
-สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่อง COVID-19 เป็นบทเรียนมากมาย
-ผู้นำกับการจัดการกับวิกฤติ กฎ 12 ข้อ
-แปลกแต่จริง เรื่อง โควิด-19
-ยกย่องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ในการแก้ปัญหา COVID-19 ของประเทศ
-แนวโน้มและผลกระทบในการปรับตัวต่อโควิด-19 (COVID-19) ในโลกและในไทยปัจจุบัน
-ข้อสังเกต 9 ข้อของ COVID-19 ในโลกและประเทศไทย
-COVID-19 กับการเมือง การแพทย์ และการกีฬา
-ผ่านวิกฤติมามาก ครั้งนี้รุนแรงมากที่สุด
-โควิด-19 (COVID-19) เปรียบเทียบผู้นำ 3 คนสี จิ้น ผิง, ทรัมป์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
-COVID-19 อันตรายจากโลกาภิวัตน์แนวสุขภาพทางลบ
คนในโลกและไทยควรปรับตัวให้มีเศรษฐกิจพอเพียงจากไวรัส COVID-19
-ขอส่งความห่วงใยมายังชาวอู่ฮั่นและคนจีน我想向武汉和中国人民表示我们的关注
ผ่านไปกว่า 10 สัปดาห์ บางเรื่องก็เป็นจริงแล้ว
เรื่องแรกคือ ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในการป้องกันและแก้ปัญหา COVID-19 ของคนไทยและอาจจะหมายถึงคนในโลก
ก็เป็นจริง
โดยเฉพาะประเทศไทย คนไทยที่มีวินัย (คิดเป็น) มีภูมิคุ้มกันมีความรู้ (ทางวิทยาศาสตร์) มีคุณธรรมจริยธรรม คนไทยเราก็ค่อยๆ รอดไปด้วยกัน
โดยเฉพาะได้รู้ว่า ในช่วงแรกๆ คนไทยขอรัฐบาลช่วย ถ้าคนไทยคิดเป็น ใช้ชีวิตไม่ประมาท พึ่งตัวเอง มีภูมิคุ้มกันภายใต้วิกฤติก็หาทางออกได้ โดยไม่ต้องรอรัฐช่วยเท่านั้น ถ้าใช้หลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้คนไทยพึ่งตัวเอง มีวินัยทำตัวให้รอดได้
เช่น ถ้าได้เงินไปแล้วคนละ 5,000 บาท 3 เดือนไม่ต้องรอว่ารัฐจะจ่ายเงินเพิ่มหรือเปล่า ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดี แต่ปฏิบัติตัวให้ดี เช่น
-ไม่เอาเงินไปเล่นการพนัน
-ไม่เอาเงินกินเหล้า
-หรือจ่ายหนี้คืน บรรดานายทุนเงิน ก็กรุณามีความเมตตาต่อคนไทยในยุควิกฤติด้วย
บางคนอาจพึ่งตนเองเอาเงิน 5,000 บาท ไปลงทุนต่อหรือการใช้เงิน 5,000 บาท อย่างฉลาดและประหยัด ใช้เฉพาะที่จำเป็น ประเทศไทยก็อยู่ได้
และยิ่งไทยเป็นสังคมที่แบ่งปัน มีโรงทาน ทุกๆ วัดหรือตู้ปันความสุข ผลิตอาหาร คนไทยกลับไปพัฒนาการเกษตรน่าจะไปได้ดี เพียงแต่รัฐบาลต้องช่วยเรื่อง ภัยแล้งไปด้วย เพราะเริ่มหน้าฝนแล้ว แต่ฝนก็ยังทิ้งช่วงอยู่
ในระดับโลก ผมเคยพูดไว้ว่า COVID เริ่มที่จีนจากเอเชียไปอเมริกา ไปยุโรป แต่ในที่สุดก็ไปอินเดีย มีผู้ติดเชื้อ 112,028 คน เสียชีวิตแล้ว 3,434 คน และทวีปแอฟริกา ผมได้ยกตัวอย่างสมัย Ebola เริ่มที่แอฟริกา แต่ COVID-19 เริ่มที่จีน ประเทศยุโรปและอเมริกา และก็มาแอฟริกาแน่นอน
บัดนี้นอกจากอินเดียและแอฟริกา ตัวเลขจะเป็นดังนี้
ตารางจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต และผู้หายจากโควิด-19
ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563
และที่น่าวิตกคือสมัยก่อนยังมีอเมริกา NGO และองค์กรระหว่างประเทศWHO เข้าไปช่วยประเทศยากจนเหล่านี้หากตัวเลขของประเทศด้อยพัฒนามากขึ้นกว่านี้ ทรัมป์กลับไม่สนับสนุน บทบาทของ WHO (World Health Organization) ยุคทรัมป์อเมริกายังเอาตัวเองไม่รอด
แต่ก่อนยังมีอเมริกานำ ตามด้วย WTO และมีมูลนิธิเอกชน เช่น ของ Billgates ช่วย แต่บัดนี้เป็นอย่างไร กลับไม่มีผู้นำ
ตามหลักมนุษยธรรม ประเทศยากจนเจอปัญหา จะอันตราย เพราะระบบการแพทย์ไม่พอเพียง
ถึงแม้ว่าอเมริกาไม่ช่วย ผมได้ติดตามองค์กรแพทย์เอกชนแห่งหนึ่ง ชื่อ Doctor without Borders มีหมอเก่งจากหลายประเทศที่มีค่านิยมเพื่อมนุษยธรรม ระดมหมอเก่งไปช่วยอยู่เสมอ ผมชื่นชม หมอในกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนมาก เพราะทำเพื่อส่วนรวมและมีความตั้งใจอย่างสูงที่จะดูแลผู้เสียเปรียบในสังคมโลก
ผมได้เขียนเรื่องผู้นำหลายครั้งและได้เปรียบเทียบผู้นำในยุควิกฤติ บัดนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าปัญหา COVID-19 ของโลกอยู่ที่ผู้นำทางการเมืองที่ไม่เชื่อข้อมูลทางการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์ คงไม่ต้องอธิบายว่าประเทศใดเพราะตัวเลขที่สูงขึ้นฟ้อง ทั้งที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจมาก
ผมยังไม่เคยพูดถึงประธานาธิบดีของบราซิล (ฌาอีร์ โบลโซนารู) แต่ผมพูดถึงเขาใน FB ว่าเป็นผู้นำที่ไม่เชื่อใน Science และในที่สุดประเทศของเขายังมีปัญหาเรื่อง COVID-19 มากมาย มีผู้ติดเชื้อ 293,357 คน และผู้เสียชีวิต18,894 คน เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีสาธารณสุขไปแล้ว 2 คน เพราะเขาคิดว่าประชาชนเลือกมา ฉันจะทำอะไรก็ได้ แต่ผู้ป่วยในบราซิลก็มีมากและระบบการแพทย์รองรับไม่ทัน ถ้าผมเป็นประชาชนบราซิลคงมีความรู้สึกที่เจ็บปวดเพราะผู้นำไม่เห็นคุณค่าของชีวิต
ผมได้เขียนเปรียบเทียบผู้นำระดับประเทศหลายคนช่วงแรกๆ คิดว่าคุณประยุทธ์สับสนเรื่องข้อมูลการสื่อสารและเรื่องการขาดแคลนหน้ากากอนามัย
แต่ปัจจุบันผู้นำอย่างคุณประยุทธ์เข้ากับการแพทย์ และนายกฯประยุทธ์ก็ได้คะแนนดีมากๆ อาจจะคิดว่าเป็นเพราะหมอ ไม่ใช่คุณประยุทธ์ แต่ผมคิดว่าก็ต้องให้เครดิตคุณประยุทธ์เพราะท่านเป็นคนเชิญหมอ รับฟังหมอและให้เกียรติคุณหมอ
จนกระทั่งตัวเลขของไทยวันนี้ดีอย่างยิ่ง ผมได้ส่งข่าวไปยังสื่อ CNN ให้เขามองประเทศไทยด้วย ซึ่งช่วงหลังๆ CNN เริ่มยกย่องประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่มีผู้ป่วยน้อยมาก ทำให้คนในโลกเริ่มหันมามองกรณีศึกษาการแพทย์ของไทยมากขึ้น น่าภูมิใจ
โดยสรุป COVID-19 คือการเรียนรู้ การปรับตัว การแก้ปัญหาให้ทุกจุด โดยเฉพาะบทความสุดท้ายของผมเรื่องเปิดประเทศอย่างฉลาด (Smart Trade-off)
วันนี้โลกได้พิสูจน์แล้วว่าการเปิดประเทศต้องทำแบบมีขั้นตอนเพราะถ้าไม่ระวัง COVID-19 จะกลับมาอีกแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของจีน ซึ่งเป็นหมอที่กล้าพูดความจริงและเป็นที่ยอมรับชื่อ Zhong Nanshan สื่อบางแห่งมองว่าเหมือนคุณหมอ Dr.Fauci ของสหรัฐ Zhong Nanshan ยังออกมายอมรับว่าจีนช่วงแรกไม่เปิดเผยข้อมูลตรงไปตรงมา แต่ช่วงหลังคุณหมอก็บอกว่ารัฐบาลจีนโปร่งใสไม่เคยปกปิด กลายเป็นขวัญใจทางด้านการแพทย์ของจีนเพราะพูดจริงตามวิทยาศาสตร์
น่าจะเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้เพราะคุณหมอเป็นมืออาชีพพูดจากหลักวิชาการ แต่ที่น่าสนใจคือคุณหมอจีนท่านนี้ได้เตือนโลกและรัฐบาลจีนว่า ถ้าการ์ดตกเมื่อไหร่ไวรัสโควิด-19 ก็อาจจะกลับมาอีกรอบ 2 และอาจจะรุนแรงกว่าเดิม เห็นได้จากกรณีที่อู่ฮั่น ซึ่งมี COVID-19 กลับมาอีก รัฐบาลต้องทดสอบประชากรทุกๆ คนกว่า 10 ล้านคน
บทเรียนครั้งนี้ก็คือต้องไม่ประมาทต้องระวังอย่างมาก สัปดาห์นี้ประเทศไทยเปิดธุรกิจ ขั้นที่ 2 แล้ว นพ.ทวีศิลป์วิษณุโยธิน ซึ่งทำหน้าที่เตือนอยู่ตลอดเวลาอย่าประมาท เพราะไวรัสพร้อมจะกลับมาเสมอ
จะต้องดูต่อไปว่าไทยเราจะเปิดประเทศอย่างฉลาดได้ต่อเนื่องหรือไม่ และถ้าไวรัสกลับมาอีกรอบ ไทยจะแก้ปัญหาอย่างไร
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี