@ หาก ก่อนหน้านี้ :
ฉันมีภูมิรู้ เรื่องชีวิต ความสามารถฝึกฝน พัฒนา แก้ไข ปรับปรุงได้ ไล่ถอยหลังไป ตั้งแต่ ช่วงเกษียณ ทำงาน มีลูก แต่งงาน มีครอบครัว ช่วงบวช และเรียนหนังสือ ฯลฯ
ฉันคงทำอะไรได้มากกว่านี้ ร้อยเท่าพันทวี
@ แต่การเข้าใจชีวิตอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ การรู้ เข้าถึงธรรม อย่างลึกซึ้งมันต้องใช้เวลา ที่ยาวนานมากพอ ผ่านสิ่งต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค มาไม่น้อย หลากหลาย ต้องประจวบเหมาะกับ “สิ่งที่ไม่รัก” และ “ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก”
บางคนใช้ทั้งชีวิต แสวงหา “ความสุขนิรันดร์” หรือ “ความเป็นอมตะ” ก็ยังหาไม่พบ
ผ่านมหาสมุทร ทะเลใหญ่ แม่น้ำกว้างยาวลึก หลายโค้งน้ำฯ จึงจักเป็นกลาสีเรือที่ยิ่งใหญ่
ผ่านมหาอุทกภัยที่ใหญ่หลวง ที่หลายร้อยพันชีวิตต้องสังเวยชีวิต มีเพียงไม่กี่คน รอดพ้นมาได้
ผ่านความหนาวเหน็บ ความมืดมิด ที่ห่างออกไปแต่คืบศอกวา ยังมองไม่เห็นหน้ากัน
ผ่านทุกข์เศร้าโศก จากการบาดเจ็บ มีบาดแผลเป็นของชีวิต และเพื่อนมิตรต้องเสียสละไป
@ แม้ปฏิบัติตน ตามพ่อแม่ครูพระสงฆ์องค์เจ้า และฟังพระบรมราโชวาทของ ร.๙ มามากมาย
ผ่านการบวช พรรษาเต็ม จาก ท่านปัญญา และศึกษาธรรมะของ ท่านพุทธทาส ปราชญ์แผ่นดินฯ
ถามว่า “เข้าใจไหม ปฏิบัติได้ไหม”
ก็ตอบได้ว่า “เข้าใจอยู่....ปฏิบัติได้ ประพฤติตนเป็นคนดี พอสมควร”
ทำให้ พ่อแม่ ครู พระ พี่น้องเพื่อนมิตรฯ ได้ภาคภูมิใจ ได้ค่อนข้างดี
แต่ ..... ก็ยังไม่ถึง ยังไม่ใช่ ยังไปไม่ถึง อยู่ดี
ฤาว่า มันยากเย็นยิ่ง ไม่มีโอกาสจะแสวงหาค้นพบ เจอ “สัจธรรม” ได้
ไม่น่าจะใช่ เพราะ “มนุษย์ธรรมดา” หลายคนได้ค้นพบความจริงแห่งชีวิต
พระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้เดินทางไกล ผู้สรุปบทเรียนของชีวิต
ฤา “ศาสดา” ที่มาในนามของ “พระผู้เป็นเจ้า”
ความจริง ก็คือ “มนุษย์” ที่สวมเสื้อครุย ของ “พระเจ้า” เพื่อให้มนุษยทั่วไปเชื่อถือ เคารพ
เพราะ “มนุษย์” มักไม่เชื่อ และไม่ยอมรับนับถือใน “มนุษย์ด้วยกัน”
ก็ได้พบมาแล้ว
มันไม่ได้ เป็น “สิ่งที่เอื้อมไม่ถึง”
มันไปถึงได้ แต่ก็ต้องมีจุด มีเงื่อนไขโอกาสที่ลงตัว เป็นจุดที่มาพบกัน ระหว่าง “สัจธรรม และมนุษย์ผู้นั้น”
@ แต่ในช่วงไม่นานมานี้
ผ่านรัตติกาลและอรุณรุ่งของวันถัดมา ต่อเนื่องหลายวันคืน เวลาของ “การจำศีลโควิด-19”
นั่งสงบ ยืนนิ่ง เดินอย่างมีสติ .........
ปล่อยใจให้ว่าง ย้อนหลัง รำลึกถึง ชีวิต ตามลำดับ กาลเวลาที่ผ่านมาผ่านไป
ชีวิต คืออะไร ?
เราได้ใช้ชีวิต อย่างไร? ควรทำอะไร? และไม่ควรทำอะไร
อะไร? คือ ความสุข ที่เป็นจริงของชีวิต
ทำอะไร อย่างไร? จึงจะได้อยู่คู่กับ“ความสุขแท้” เราจะทำได้ไปอีกนานเท่าใด?
เราจะพึ่งตนเอง ด้วยการมีสติ ปัญญาความจริง ไปถึงช่วงไหน?
@ หากเรา มีอายุยาวนานไปถึง เลข ๘ เลข ๙
ก่อนหน้านั้น เราคงอยู่ในสภาพที่พึ่งตนเองไม่ได้ ต้องมีคนดูแล เหมือนเด็กเล็ก ที่พ่อแม่ดูแล
ก่อนจากไป หรือ ถึงเวลา หมดชีวิตลมหายใจหยุด
เรา จะเจ็บป่วยไข้หนักมากน้อยเพียงใด
หากเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งฯ เราจะยังรักษาตัวต่อไปไหม
อ้อ ชีวิตช่วงสุดท้ายของชีวิต ไม่ได้เป็นชีวิตที่อิสระ ที่เราบงการชีวิตได้หมด เหมือนเดิม
เราต้องพึ่งพา ลูกหลาน พยาบาล หมอ โรงเรือนดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ
@ อ้อ กาลเวลา ของการเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ ฝึกฝน พัฒนาได้
มันไม่ได้ มีตลอดชีวิต
มันไม่มีมาแต่แรก ช่วงเป็นทารก เป็นเด็กเล็ก เป็นละอ่อนน้อย มันยังไม่มี ยังไม่มา
เมื่อยามแก่ชรา ถึงขั้น มันก็หยุดลดน้อยถอยลง จนเส้นกราฟลมหายใจ หยุดอยู่ที่ศูนย์
ฉะนั้น เมื่อเราได้มา มีแล้ว ต้องรีบใช้ รีบเผยแพร่ ให้กว้างขวางที่สุด ก่อนชีวิตจะจบลง
l เกิด แก่ เจ็บ ตาย
คือ ปกติของชีวิต มนุษย์ สัตว์ พืช และโรคร้ายต่างๆ
เกิดตายครั้งเดียว คืนสู่ธรรมชาติ ตามธาตุที่มา
อ้อ : เราเริ่ม รู้ธรรม แล้ว และจักต้องเรียนรู้ และ ปฏิบัติต่อไป
ให้ดี ให้เข้าใจความจริง มากขึ้น
ความจริง ในส่วนที่จำเป็นสำหรับการเข้าถึง “สุข” ทั้งของตนเอง และผู้อื่น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี