ขอขอบคุณลุงตู่ที่ตัดสินใจอย่างกล้าหาญเลื่อนงบประมาณ 3,400 ล้านบาท ในการซื้อเรือดำน้ำแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเป็นห่วงเศรษฐกิจของประเทศ ตรงกับแนวทางที่ผมได้เขียนเรื่องนี้สัปดาห์ที่แล้วว่าควรชะลอออกไป 1 ปี
สื่อหลายสำนักและนักการเมืองสนับสนุนให้ผ่านงบรัฐบาล ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เห็นด้วยบิ๊กตู่ตัดสินใจไม่สนับสนุน ได้คะแนนนิยมไปมาก
เลื่อน 1 ปี เป็นการเหมาะสมเพราะเรือดำน้ำจำเป็นตามเหตุผลผมได้เขียนไปแล้ว ในเรื่องอำนาจต่อรองทางการทหาร หรือการมีภัยคุกคามจากทางเรือมากขึ้นทางทะเลจีนใต้รวมทั้งการดูแล 2 ฝั่งทะเล อ่าวไทยและอันดามัน ชื่นชมกองทัพเรือที่มีการเตรียมการบุคลากรเรือดำน้ำอย่างต่อเนื่อง อาจจะหมายถึงการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมทางการทหารต่อไป เพราะยุคต่อไป ประเทศไทยจะซื้ออย่างเดียวไม่ได้ ควรจะเริ่มผลิตอุตสาหกรรมทางทหารของตัวเองอันเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลอยู่แล้ว
ข่าวโควิด-19 ของไทยยังไปได้ดีรอบ 2 ยังไม่มา แต่ประมาทไม่ได้เพราะมีความเสี่ยงตลอดเวลา เช่น แรงงานจากเมียนมาลักลอบเข้าทางชายแดนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาเริ่มสูงขึ้นมีความเสี่ยงอย่างมาก หวังว่า รัฐบาลดูแลอย่างรอบคอบคนไทยต้องไว้ใจการแพทย์ของไทย
จากนี้ไป 6 เดือนหรือ 1 ปี ปัญหาเศรษฐกิจจะแก้ไขอย่างไร มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ยิ่งล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณปรีดี ดาวฉาย ก็ลาออก
คณะผู้แทนจากกฟผ.รุ่นที่ 1 เข้าร่วมกิจกรรมลงพื้นที่ศึกษา “ศาสตร์พระราชา” และดอยตุงโมเดล ณ จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม 2563 จัดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ Chira Academy
ผมคิดว่า การส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ กระตุ้นการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวต่างจังหวัดมากขึ้นปัจจุบัน ผมก็ช่วยส่งเสริมโดยไปประชุมกันในต่างจังหวัด เช่น เชียงราย ได้เห็นว่า ถึงแม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่มีคนไทยเดินทางบินภายในประเทศมากขึ้นและค่อยๆ เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมารับการรักษาพยาบาลที่ภูเก็ตหรือนักท่องเที่ยวที่สนใจการพักระยะยาวทราบว่า มีการคิดกันอยู่ เช่น เปิดภูเก็ตหรือสมุย และขยายไปยัง เชียงใหม่ เชียงราย พัทยา กระบี่ น่าจะเป็นทางออกที่ดีเพียงแต่ต้องมีวิธีการป้องกันโควิด-19 ให้เข้มงวดและรอบคอบ
สำคัญที่สุดคือ ขอร้องธุรกิจที่พอไปได้อย่าเลิกจ้างงานผมชอบโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ จ้างงานได้หลายหมื่นคนและโครงการสนับสนุนให้บัณฑิตจบใหม่มีงานทำสร้างรายได้ มีความต้องการจับจ่าย และกระตุ้นให้ธุรกิจคิดงานใหม่ๆใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมทางลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
ธุรกิจควรจะปรับตัวให้เข้ากับความจริงโดยใช้ศาสตร์พระราชาเศรษฐกิจพอเพียงใช้ในการดำเนินชีวิตในด้านคุณธรรม จริยธรรม และการแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง มีภูมิคุ้มกัน ความเสี่ยงของคนไทย เช่น การพนัน ยาเสพติด หนี้นอกระบบควรจะลดลง
คุณกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดร.เพชญ์ ภัคโชตานนท์ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ประธาน Chira Academyและคุณพจนารถ ซีบังเกิด ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทจิมมี่เดอะโค้ช ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะในกิจกรรมลงพื้นที่ศึกษา “ศาสตร์พระราชา” และดอยตุงโมเดล ณ จังหวัดเชียงรายระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม 2563
ผมได้มีโอกาสสัมผัสโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งบ่อยยิ่งได้เห็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ที่ทรงเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน)อันเนื่องมาจากพระราชดำริเมื่อทรงมีพระชนมายุ 88 พรรษา ปัจจุบัน ดอยตุงเป็นกรณีศึกษาที่ยอมรับของโลกทั้งเมียนมา อินโดนีเซีย อัฟกานิสถานและโคลอมเบีย เชิญคณะดอยตุงไปทำงานที่ประเทศของเขา ทำได้ต่อเนื่องและยั่งยืน ถึงแม้ว่า สมเด็จย่า จะทรงจากพวกเราไปแล้ว แต่นโยบายสร้างกฎระเบียบของชุมชนดอยตุงยังอยู่น่าสนับสนุนให้เยาวชนไทยที่กำลังสนใจสื่อสังคมออนไลน์ที่แยกไม่ออกระหว่างข่าวลวงกับความจริงศึกษาที่ดอยตุงมากขึ้น
ในอดีตชายแดนภาคเหนือของไทย เป็นพื้นที่มีปัญหามาก ภูมิประเทศเป็นภูเขาและมีหลายชนเผ่าทั้งเมียนมาและจีน และมีชนกลุ่มน้อยถึง 7 เผ่า มีการสู้รบกันเป็นประจำ ชนเผ่าเหล่านั้นต้องปลูกฝิ่นเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ
เมื่อสมเด็จย่าเสด็จไปดอยตุงทรงเห็นป่าที่หายหมดเพราะถูกบุกรุกเพื่อปลูกฝิ่น ภายในเวลา 30 กว่าปี ดอยตุงเป็นตัวอย่างที่ดีของโลกในการสร้างสังคมที่หลากหลายเชื้อชาติมาเป็นคนไทยอย่างสมบูรณ์ มีบัตรประชาชนด้วย เป็นคนไทยอย่างภาคภูมิ
ผมเรียกเป็น Value Diversity มีคุณค่าจากความหลากหลายที่แท้จริง ด้วยพระวิริยอุตสาหะของสมเด็จย่าอย่างต่อเนื่อง บัดนี้ ดอยตุงเป็นชุมชนที่พึ่งตนเองได้ มีรายได้สูงกว่าระดับประเทศประมาณคนละ 1 แสนบาทต่อปี
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ประธาน Chira Academy ร่วมกับชุมชนตลาดพลู จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมและเก็บข้อมูลสัมภาษณ์เชิงลึกสำหรับโครงการสร้างชุมชนตลาดพลูเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมในยุคหลังโควิด-19 ไปสู่ความยั่งยืน ณ วัดกันตทาราม ชุมชนตลาดพลู กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นอีกโครงการที่จะได้น้อมนำศาสตร์พระราชาไปใช้พัฒนาชุมชนตามรอยโครงการดอยตุง
เรื่องราวนี้ของดอยตุง ต้องนำมาถอดบทเรียนให้เป็นตัวอย่างของการพัฒนาต่อไป เช่น
-ค้นหาความจริงก่อน
-พระองค์ท่านทรงทำเพื่อชุมชนดอยตุงไม่ใช่เพื่อพระองค์ท่าน
-ให้ทุกๆ คนมีส่วนร่วม
-มีกติกาของชุมชนชัดเจน
-เชิญหน่วยราชการที่มีความรู้มาร่วมแต่ไม่ให้ราชการนำ
-ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน
-ประโยชน์สูงสุดได้กับชุมชน
-เน้นชนะเล็กๆ เรื่อยๆ และชนะเร็วโดยมีรายได้จากการปลูกป่า เพราะถ้าไม่มีรายได้ทดแทน ชาวบ้านจะปลูกฝิ่นต่อไป
วิธีการเช่นนี้หาที่ไหนยากเพราะทำต่อเนื่องเป็นชุมชนตัวอย่าง บัดนี้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สำเร็จจากรุ่น 1 สู่รุ่น 2 และกำลังจะไปสู่รุ่น 3 ได้เห็นรุ่น 2 และรุ่น 3 ทำงานร่วมกัน
สมเด็จย่าทรงมีพระวิริยอุตสาหะช่วยชุมชนดอยตุงอย่างต่อเนื่องและบรรลุผลสำเร็จ ยิ่งศึกษามากได้เห็นว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นแนวทางที่ใช้กับดอยตุงมาตลอด
ผมยิ่งศึกษาดอยตุงมากขึ้น ได้เข้าใจมากขึ้น ถ้าข้าราชการไทยหรือหน่วยงานใดที่จะทำงานด้านเกี่ยวข้องกับชุมชน ถ้าน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จย่ามาใช้ ถึงแม้ว่าพระองค์ท่านจะทรงเป็นพระบรมราชชนนีของในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงปรึกษาในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งแปลว่า ถ้าเราไม่รู้ ก็อย่าทำ และถ้าทำแล้วต้องรู้จริง ต้องปรึกษาผู้ที่รู้จริง บางครั้ง ชาวบ้านคือผู้รู้ แต่ราชการไทยมักจะมองไม่เห็น ไม่ให้เกียรติชาวบ้าน
อีกประเด็นสำคัญคือ การเก็บข้อมูลในระดับชุมชน ปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐบางแห่งเก็บข้อมูลจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) แต่ดอยตุงมีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดอันเป็นฐานข้อมูลสำคัญ เพราะถ้ารู้ไม่จริง เราจะเริ่มได้อย่างไร
ที่ผมและทีมงานได้แนวคิดจากดอยตุงเรื่องข้อมูลซึ่งไม่อยู่ในกระดาษ ต้องลงพื้นที่พบชาวบ้านเพื่อศึกษาข้อเท็จจริง จึงเป็นที่มาของคำว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” พบชาวบ้านด้วยตนเอง เห็นด้วยตาของตนเองแล้ว จึงเริ่มการพัฒนา
ผมจะนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนาชุมชนตลาดพลู ซึ่งผมได้เริ่มมาแล้ว 5 เดือน ได้รับแรงบันดาลใจจากดอยตุงมาใช้ที่ชุมชนตลาดพลู เช่น
-ศึกษาชุมชนแต่ละแห่งอย่างละเอียด
-มีข้อมูลของชุมชนแต่ละแห่งและไปพบปะเขาอย่างต่อเนื่องให้เข้าถึงเพื่อรู้จริง
-ทำเป็นขั้นตอน ไม่รีบร้อน ถ้าเขาขาดรายได้ หารายได้ให้ชุมชนที่ยากจนทำนองเดียวกับการปลูกป่าดอยตุง
-ศึกษาปัญหาของชุมชนตลาดพลูอย่างละเอียด ลดอบายมุขทุกๆ อย่าง
นอกจากคณะทำงานของผมแล้ว จะเชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทุกๆ หน่วยงานมารับฟังความคิดเห็น ปัจจุบันมีตัวแทนของตำรวจ หวังว่า จะมีกทม.และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมด้วยถ้าเขาเข้าใจ
-สมเด็จย่าทรงเน้นเกาที่คัน คือไม่ทำสิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการของชาวบ้าน ตลาดพลูเช่นกัน ถ้าชุมชนไม่ต้องการ ผมก็ไม่ทำ
-อย่าเน้นเงินหรือวัตถุก่อนเพราะอาจจะไม่ยั่งยืน ผมจะเน้นเรื่องงานและหารายได้ก่อน ให้ชาวบ้านมีความรู้สึก ชีวิตมีคุณค่า ชุมชนตลาดพลูจะหางานอย่างไรเรื่องที่ผมและทีมงานต้องคิดหนัก อะไรคือรายได้ที่ชุมชนพึ่งได้
ผมจะเน้นเพิ่มรายได้และใช้แรงบันดาลใจจะเดินตามแนวทางสมเด็จย่า ต้องทำจริงและต่อเนื่อง เป็นหลักที่ดีสำหรับผมในการทำงานชุมชนเมืองที่ตลาดพลูต่อไป
ท้าทายครับ แต่ตลาดพลูต้องเดินแนวนี้เท่านั้น
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี