“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา www.naewna.com” ฉบับนี้...“ไม้หน้าสาม” ชวนแฟนคลับเกาะติดกระแส “ชังชาติ” ซึ่งเคยยืนยันมาตลอดว่า ทำเป็นขบวนการ...โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง เหมือนอย่างที่ปฏิบัติการมาก่อนหน้านี้อย่างเขตปกครองพิเศษ “เกาะฮ่องกง”... “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” ทหารอาชีพน่าจะระแคะระคายมาบ้างคงรู้เท่าทันเหลี่ยมคูการเมืองไม่เดินตามเกมเดรัจฉานการเมืองที่อวดอ้างเรียกร้อง “ประชาธิปไตยแบบอีแอบ” ใช้เยาวชนยุวชนอนาคตของชาติเป็นเครื่องมือแนวหน้ากล้าตายแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง...
nn ทั้งการปล่อยเฟคนิวส์ “ปฏิวัติรัฐประหาร-ใช้เวทีรัฐสภาสำรอก “ยุทธการสะพานมัฆวานรังสรรค์” สอดแทรกการพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อสอบถามและเสนอแนะปัญหารัฐบาลโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 152 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2560เมื่อค่ำวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยหวั่นเกรงว่าแผนนี้จะถูกมือที่สามนำมาใช้ก่อความวุ่นวายให้เกิดความตึงเครียดเผชิญหน้าและเป็นอันตรายกับผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมทางการเมืองในยุค “การเมืองแย่เศรษฐกิจทรุดสังคมเสื่อม” เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในการชุมนุม โชคดี “ทหารแก่”ไม่ง่วงไม่หลับลุกขึ้นตอกหน้ากลับ “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” สส.น่าน แกนนำพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นความพยายามสร้างเงื่อนไขปลุกระดมมวลชนมากกว่า รัฐบาลยืนยันว่า ไม่ต้องการให้มีความรุนแรง เพราะไม่ได้กังวลเกี่ยวกับม็อบนักเรียนนักศึกษา แต่กังวลคนที่อยู่เบื้องหลังจะปลุกระดม หากมีใครทำอะไรเพื่อสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรงก็ต้องหาตัวให้เจอ และขอให้ลูกหลานที่จะชุมนุมสบายใจได้ขอเพียงให้อยู่ในกรอบชุมนุมด้วยสันติวิธี...
nn “ไม้หน้าสาม”มั่นใจว่าม็อบที่จะมีการระดมผู้คนมาชุมนุมกันในวันที่ 19 ก.ย.นี้ กลุ่ม“อีแอบชังชาติ”มีเป้าหมายต้องการให้เกิดความ “วุ่นวาย-รุนแรง” สอดรับกับทิศทางของ “หน่วยข่าวกรอง” ที่ระบุว่า จะมีการทำงานสอดรับกับฝ่ายการเมืองที่ต้องการสร้าง“ตราบาปชั่วนิจนิรันดร์” ให้ “ทหารแก่” พร้อมโค่นล้มรัฐบาล และการออกมาบอกใบ้ของแกนนำผู้ชุมนุม 19-20 ก.ย.ปักหลักนอนค้างแรม “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่เดินเกมพ่ายแพ้ในสภาฯจนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบหมดสภาพเดินหมากบนกระดาน ขันอาสาจะนำคณะก้าวหน้านำฝูงชนสู้กองทัพหากก่อรัฐประหารคล้ายอดีตผู้ต้องหาทางการเมืองที่หัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศเคยประกาศไว้เมื่อปี 2535 โดย “ตะกวดสำรอกว่าทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น จะออกมานำหน้าประชาชนต่อสู้ในกทม.ก่อนที่จะมีแลนบางตัวสำรอกซ้ำเผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง” กิจกรรมนี้ผนึกกำลังกับ “รุ้ง-เพนกวิน” ห้าวเหิมปักหมุดถล่มโจมตีสถาบันเบื้องสูงแบบไม่กลัวตาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ย่อมเล็งเห็นถึง “หายนะ” ที่ทะมึนดำอยู่เบื้องหน้า แม้แต่ รศ.หริรักษ์สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังอดเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่ล่อแหลมเปราะบางไม่ได้ ต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวมีสาระสำคัญ ถามตรงๆ ถึงผู้บริหาร มธ.จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ หากม็อบ “หมิ่นสถาบัน” แม้ “ในหลวง” ทรงมีรับสั่งไม่ต้องการให้บังคับใช้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ยังไม่ได้มีการยกเลิกกฎหมายมาตรานี้แต่อย่างใดดังนั้น ต้องถือว่ากฎหมายมาตรานี้ยังมีอยู่หากมีเหตุเกิดขึ้น ผู้รักษากฎหมายย่อมต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย “ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” คงไม่อยากให้ “พื้นที่ของสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่กลายเป็นทุ่งสังหารอีกครั้งเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519” คนไทยต้องสังหารผลาญกันเองเพียงเพราะปีศาจปากคาบคัมภีร์ประชาธิปไตยหวังเอาสถานการณ์นี้ “เอาศพเยาวชนยุวชนทบเป็นบันได” ก้าวข้ามไปสู่ชัยชนะที่มุ่งหวัง...
nn โปรดสัตว์...ได้บาป “ไม้หน้าสาม” ได้รับการร้องเรียนจาก “ข้าราชการบำนาญครู2 สามีภรรยา ลุงวีระ-ป้าอุไร น่าบัณฑิต” ที่บริจาคที่ดินสร้าง “วัดป่าธัมมะกาโมต้ายสุวรรณน่าบัณฑิต ต.ท้ายทุ่ง อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร” เนื้อที่ 8 ไร่กว่าแต่กับถูก “พระชัยวิทย์ สมขาว” ผู้รับมอบถวายที่ดินสร้างวัดฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อเร่งรัดให้โยมลุง-ป้าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โดยเร็ว อย่างไรก็ตามศาลมีความเห็นไม่อยากให้เกิดวิกฤติศรัทธาเกิดความมัวหมองเสื่อมทรามในบวรพระพุทธศาสนา จึงให้โจทก์-จำเลยไปเจรจาหาทางออกด้วยหลักธรรมะ ซึ่ง 2 ฝ่าย ยอมถอนคดีความ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งอย่างจะยุติลงด้วยดี ระหว่างที่จะดำเนินการก่อสร้างวัดฝ่ายพระมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงเปลี่ยนแปลงแบบผังการสร้างวัดที่ยื่นไว้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาพิจิตร และตัด 2 สามี-ภรรยาออกจากการเป็นกรรมการวัด ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการก่อสร้างวัดซ้ำร้ายยังเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับ บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในคดีขัดทรัพย์ เนื่องจาก 2 สามี-ภรรยาได้กู้เงินบัตรเครดิตจำนวน 6 หมื่นบาท เพื่อนำมาใช้ในการสร้างที่พักสงฆ์ชั่วคราวบนพื้นที่ส่วนตัวดังกล่าว แต่ขาดส่งค่างวด ซึ่งกลุ่มพระชัยวิทย์ได้ไปร้องขอให้พระสุวรรณสุคนฺโธ เจ้าอาวาสวัดป่าเขาน้อย มอบอำนาจ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ละเมิดต่อกฎหมาย เนื่องจากที่ดินดังกล่าวจำนวนกว่า 4 ไร่ เป็นที่ดินส่วนตัวของ “ลุงวีระ-ป้าอุไร” มูลค่ากว่า 5 แสนบาท โดยพระชัยวิทย์พยายามบอกศาลว่ายินดีจะชำระแทนสองสามี-ภรรยา เพื่อที่จะนำที่ดินดังกล่าวสืบทอดพระศาสนาต่อไป เรื่องมัวหมองที่เกิดขึ้นนี้กลุ่มพระชัยวิทย์ได้นำไปร้องต่อศาลอีก ศาลก็ให้ไปไกล่เกลี่ยอีกเช่นเคย “ไม้หน้าสาม”รับข้อร้องเรียนเรื่องนี้แล้วมองว่า “พุทธบริษัท 4” ควรมีเมตตาต่อกัน โดยเฉพาะพระป่าสายธรรมยุต ต้องมั่นคงเคร่งครัดในพระธรรมวินัย...
nn สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต)ในฐานะเจ้าคณะหนใหญ่ธรรมยุติกนิกาย แห่งวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระเถระผู้มีเมตตาจะเอื้อเฟื้อเพื่อยุติความมัวหมองที่เกิดขึ้นโดยเร็ววัน เพราะการร้องเท็จต่อศาล เพียงเพื่อหวังฮุบที่ดินส่วนตัวของโยมผู้ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดินจะเป็นตราบาปแก่บวรพระพุทธศาสนาอย่างหาที่สุดมิได้นั่นเอง...
nn ปิดท้ายมีแฟนแนวหน้า สอบถามเข้ามามากมายเหลือเกิน หลังจากที่ “ไม้หน้าสาม”นำเสนอผลงานการรักษาโรคเบาหวานแผลเน่าไม่ต้องตัดขา และโรคหลอดเลือดหัวใจไม่ต้องผ่าตัด ของ“หมอเณร - ชัยรัตน์ นนทชัย” ปราชญ์ชาวบ้านผู้คิดค้นตำรับยาสมุนไพรไทยรักษาผู้ป่วยหายจากโรคร้ายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ขอแนะนำให้ไปดูข้อมูลได้จากเพจ “ปูชนียสถานพุทธสรรพยามฤคทายวัน” ซึ่งได้รวบรวมผลงานความรู้เกี่ยวกับตำรับยาสมุนไพรไว้มากมาย
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี