“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า, แนวหน้าออนไลน์/www.naewna.com สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้“ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้างทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมรู้เท่าทันเล่ห์ ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ, ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสีโกงบ้านกินเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น, ติ่งแดงด้อมส้ม, อุปกรณ์การเกษตรที่พร้อมถูกสนตะพายลงถนน อย่างเท่าเทียม”...
■■ จนถึงเวลานี้ยังมี“นักจัดรายการโทรทัศน์นักวิชาเกิน” บางคน “จมปลัก” กับวาทกรรมเดิมๆ วิพากษ์วิจารณ์ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรณีมีหนังสือถึงรัฐบาลให้ทบทวน “โครงการแจกเงินประชาชน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ตด้วยงบประมาณ 500,000 ล้านบาท” มองว่า “แบงก์ชาติ 2 มาตรฐาน”... “ให้ท้ายแต่รัฐบาลลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กู้มาแจกแบบเบี้ยหัวแตกโดยไม่เคยขัดไม่โต้แย้ง จนเศรษฐกิจพัง 9 ปีซ้อน”...
■■อะไรจะ “ตำบอน” ได้ขนาดนั้น ...เศรษฐกิจพัง 9 ปีซ้อนในยุครัฐบาลลุงตู่จริงเยี่ยงนั้นหรือ !?!?! ท่านทั้งสองที่ออกจอโทรทัศน์มั่นใจในสิ่งที่สำรอกออกมาอย่างนั้นจริงหรือ ไม่ได้ตาบอดหูหนวกไปจมปลักกลืนหญ้าหลังเขาไหนใช่หรือไม่ ถ้าไม่โกหกตัวเองจนจิตหนาอคติ เพื่อความเป็นธรรมต้องยอมรับว่า ยุคลุงตู่เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยเผชิญความยากลำบากและความท้าทายในหลายด้าน โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน...
■■ เศรษฐกิจไทยยังไม่สามารถกลับไปโตได้เหมือนอดีต ทว่าสถานการณ์ความยากจนของไทยดีขึ้นต่อเนื่อง สัดส่วนคนจนลดลง จาก 7.2% ในปี 2558 เหลือ 6.3% ในปี 2564 ขณะที่คนจนเข้าถึงสวัสดิการของรัฐเพิ่มขึ้นเช่น คนยากจนได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มขึ้นจาก 35.2% ในปี 2561 เป็น 49.7% ในปี 2564...
■■ รัฐบาลลุงตู่ดำเนินโครงการ“เราชนะ, โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการคนละครึ่ง, มาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SMEs เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ” ยิ่งไปกว่านั้นใน 9 ปียุคลุงตู่สามารถดึงดูดเงินลงทุน (FDI) ได้กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แพ้ชาติอาเซียนเพียงอินโดนีเซียและเวียดนามเท่านั้น อัตราการว่างงานต่ำสุดในอาเซียน, ค่าบาทแข็งขึ้น 14% ข้อเท็จจริงเหล่านี้หรือที่เรียกว่า “เศรษฐกิจพัง9 ปีซ้อน”...
■■ ดักดานติดหล่มหลงกลิ่นความเจริญแบบนักการเมืองล้มล้างสถาบัน, ล้มล้างการปกครองได้อย่างน่าละอายและน่าสมเพชที่สุดหากเทียบกับเศรษฐกิจในยุคนี้ ยุคที่ไม่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวอย่างที่ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติเสนอแนะ เงิน 5 แสนล้านบาทแบ่งส่วนหนึ่งมาผลิตบุคลากรทางการแพทย์, นำลงทุนด้านสาธารณูปโภครองรับมาตรา 55, 56 ในหมวด 5 ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เพราะถึงท่านผู้ทรงเกียรติจะแก้ไขทั้งฉบับหรือบางส่วนอย่างไรก็ต้องบัญญัติหน้าที่ของรัฐในด้านการสาธารณสุข และด้านสาธารณูปโภค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด้านคมนาคม ขนส่ง การสื่อสาร เครือข่ายอินเตอร์เนต เหมือนที่รัฐบาลลุงตู่วางรากฐานไว้บ้างแล้ว การคมนาคมขนส่งดีสะดวกสบายการค้าขายของประชาชนของเกษตรกรก็ทำได้มากขึ้นประหยัดต้นทุนการขนส่ง มีบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอรองรับโครงการ 30 บาทพลัส อีกต่างหาก...
■■ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” โชว์เองไม่ต้องมีสตันท์แมนอย่าง “นายใหญ่” สั่งการ “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” เจรจาบีอีเอ็ม (BEM) ลดค่าทางด่วนขั้นที่ 2 เหลือ 50 บาทตลอดสาย”อย่าต้องไปตั้งความหวังตรงนั้นเลย แต่ช่วงเทศกาลด่านทางด่วนยกเว้นค่าผ่านทางทุกด่านยกเว้นทางพิเศษศรีรัชที่ไม่เคยยกเว้นค่าผ่านทาง “ไม้หน้าสาม” สอบถามเจ้าหน้าที่ว่ากทพ.ประกาศยกเว้นค่าผ่านทาง ทำไมทางพิเศษศรีรัชยังต้องเสียค่าผ่านทาง ได้คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ ด่านนี้เป็นเอกชนบีอีเอ็มไม่เกี่ยวกับกทพ. ก็แปลกดีกับความเหลื่อมล้ำ...
■■ ประเทศไทยเสียโอกาสครั้งใหญ่ ... “นายกรัฐมนตรี” ไม่เป็นโล้เป็นพาย คิดจะปรับครม.ซึ่งเป็นทีมงานของตัวเองแท้ๆ ยังต้องรอการสั่งการจาก “นักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตประพฤติมิชอบคอร์รัปชั่นงบประมาณแผ่นดิน-ทักษิณ ชินวัตร” จนได้ข้อสรุป ปรับปุ๊บ พังปั๊บ แบบสื่ออาวุโส อย่าง “โรจน์ งามแม้น” เขียนไว้ทีเดียว...
■■ น่าเสียดายคนดีๆ อยู่ร่วมชายคาไม่ได้ “ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวแจงสาเหตุที่ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567และจะมีผลในวันที่ 30 เม.ย. 2567 ไว้ 5 ประเด็นที่น่าศึกษา โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่...
■■ 5 ประเด็นที่ว่า ประกอบด้วย1.ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดที่ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดโดยมีการร่วมมือกับสถาบันและองค์กรต่างประเทศ โดยมีจุดประสงค์ที่จะสร้างไวรัสใหม่ที่มีความรุนแรงกว่าเดิม โดยมีกลุ่มข้ามชาติทำงานอยู่ในองค์กร,2.มีองค์กรต่อต้านการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพร(ยกตัวอย่าง กัญชาและกัญชง) ในการช่วยดูแลบริบาล คนป่วยทั้งที่สามารถใช้ควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน ดังนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างเต็มที่ โดยขจัดโทษ เพื่อให้คนไทยสามารถช่วยตนเองได้, 3.เมื่อมีข้อมูลการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยของผู้ที่ได้รับผลกระทบของวัคซีนในสถานพยาบาลขององค์กรเอง แต่ยังมีการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ทั้งๆ ที่องค์กรควรที่จะประเมินข้อมูลถี่ถ้วนรอบด้าน, 4.ที่ถูกที่ควร องค์กร ต้องให้มีการระงับใช้วัคซีน modified mRNA เสียก่อน 5.ต้องเข้าใจว่าวัคซีนไม่ใช่คำตอบเดียวหรือคำตอบสุดท้ายในการป้องกันโรคและถ้าจะมีวัคซีนใหม่ต้องผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด...■■
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี