วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในยุคของการล่าอาณานิคม สังคมไทยถูกข่มเหงรังแกโดยฝ่ายยุโรปตะวันตกอย่างหนักก่อนไทยจะถูกยึดครองในระดับหนึ่งโดยฝ่ายเจ้าสงครามญี่ปุ่น หลังจากนั้น ในโลกยุคสงครามเย็น ไทยก็ยังถูกคุกคาม บ่อนทำลาย จากลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยทั้งหมดนี้ ถือเป็นการคุกคามและข่มเหงจากภายนอก ซึ่งสังคมไทยก็สามารถฟันฝ่ารอดพ้นออกมาได้ ยังคงความเป็นรัฐเอกราชมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง
แต่ในยุคการเมืองร่วมสมัยนี้ การคุกคามข่มเหงมิได้มาจากภายนอก หากแต่มาจากภายในของสังคมไทยเราเอง ด้วยฝีมือของคนไทยกันเอง ดังจะเห็นได้จากปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ลัทธิเผด็จการทหาร ลัทธิเผด็จการเสียงข้างมาก ลัทธิการใช้อำนาจโดยมิชอบและการฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินประเทศชาติและบ้านเมือง ลัทธิอุปถัมภ์ค้ำจุน การเล่นพรรคเล่นพวก ลัทธิการบริหารราชการบ้านเมืองแบบลับๆ ล่อๆ การพูดจาแบบบ่ายเบี่ยง การสมอ้าง และการโกหกพกลม การปกป้องช่วยเหลือผู้ทำลายบ้านเมือง และการรวมหัวกันในการครอบงำและเอาประโยชน์จากบ้านเมืองไปจนถึงการใช้อำนาจรัฐและการใช้กฎหมายและกฎเกณฑ์กติกาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อรักษาและขยายอำนาจของพวกตนตีกรอบ และขจัดผู้เห็นต่าง
ล่าสุดก็คือการออกมาโอบอุ้ม ปกป้องและเชิดชู ผู้ที่คดโกงบ้านเมือง และการข่มขู่ข่มเหง องค์กรและบุคลากรที่ประสงค์จะรักษาความถูกต้องชอบธรรม และหลักการแบ่งแยกและถ่วงดุลอำนาจให้โอนอ่อนและคล้อยตามอย่างไร้ความอาย ไร้จิตสำนึก และไร้ซึ่งคุณงามความดีใดๆ เช่น ในกรณีการคุกคามและบ่อนทำลายสถาบันธนาคารแห่งประเทศไทย และทั้งหมดนี้ก็ด้วยการไม่มีความแยแส เอื้ออาทร และการเคารพนับถือใดๆ ต่อความรู้สึกนึกคิดที่ดีงามของประชาชนชาวไทยแต่อย่างใด
สังคมไทยต้องรับเคราะห์กรรม อดกลั้นกับความอดสู และเต็มไปด้วยความอนาถใจและทุเรศใจ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนอดคิดไม่ได้ว่า ขนาดนายทหารที่มีอำนาจแบบเผด็จการ เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก็ยังไม่เคยมีความประพฤติแบบข่มเหงประชาชน และไม่เคารพซึ่งความรู้สึกนึกคิดอันดีงามของปวงชนชาวไทยถึงเพียงนี้ ที่สำคัญคือ ทั้ง 2 ท่านยังให้เกียรติและเคารพซึ่งสถาบันธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยไม่เคยมีการพูดจาหรือการกระทำใดๆ แบบเอาแต่ได้ เอาความคิดอ่านและความต้องการของตนเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวเท่านั้น อีกทั้งยังมีจิตใจเปิดกว้างและขีดความสามารถในการรับฟังและเคารพข้อเห็นต่าง และเข้าใจในเรื่องการแบ่งแยกอำนาจหน้าที่ โดยมิได้เอาความรู้สึกส่วนตัว และการเอาใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง
ในการนี้สังคมไทย ไม่สามารถทนอยู่กับสภาพการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ไปอีกได้ จำเป็นที่จะต้องหาทางแก้ไข เพื่อให้สังคมไทยปลดแอกจากการถูกข่มเหง และหวนกลับมาสู่กรอบและสภาวการณ์ของความถูกต้องชอบธรรม และความยุติธรรม
สังคมไทยก็คงต้องประสานเสียง ทำการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล และพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม และพรรคการเมืองที่ร่วมอยู่ในคณะรัฐบาลผสม พิจารณาทบทวนตนเอง กลับเนื้อกลับตัวกลับใจ และหากมิได้มีการตอบสนองแต่อย่างใด ก็เป็นสิทธิและหน้าที่อันชอบที่สังคมไทยจะพึงออกมาขับไล่ และถอดถอนออกจากตำแหน่งหน้าที่ของบรรดาผู้ประกาศตนเป็นตัวแทนได้อย่างสมภาคภูมิและศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์
สังคมไทยไม่มีความจำเป็นใดๆ และไม่มีความสมเกียรติ (Deserve) ที่จะมีกลุ่มผู้ปกครองที่เลวร้ายเช่นนี้มาทำการบริหารประเทศ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี