“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com สื่อ อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ชวน “มองโลก-มองเรา” เศรษฐกิจโลกระส่ำขาลงผลพวงจากพิษแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส“โควิด-19”ถ้วนทั่วทั้งโลก...
nn ชาติมหาอำนาจอย่างจักรวรรดินิยมอเมริกายังไม่อาจต้านทานเชื้อไวรัสนี้ได้ ซ้ำร้ายยังเกิดความระส่ำภายในประเทศที่ “นักการเมืองชังชาติ”ยกย่องให้เป็น “ชาติไอดอลของสันติภาพเสรีภาพ และ ภราดรภาพ” โดยมีต้นเหตุมาจาก “การเหยียดสีผิว” ตำรวจมะกันถือปืนถือกฎหมายปฏิบัติทารุณกรรมต่อคนผิวสีสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคมจนนำไปสู่การ “เอาคืน” ของชาวอเมริกันสะท้อนถึงภาพประเทศมหาอำนาจ โลกเสรีประชาธิปไตยที่นักการเมืองรุ่นใหม่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และหัวหน้าคณะก้าวหน้า” พร้อมติ่ง!!เคารพบูชายกย่องให้เป็นต้นแบบของสิทธิเสรีภาพ แต่ไม่เคยมองแง่มุม “มืดดำ”ของจักรวรรดิอินทรี โดยเฉพาะข่าวอื้อฉาวกลุ่มผู้ประท้วงบุกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งเสียงตะโกนสาปแช่งตำรวจ 2 นาย ซึ่งถูกชาวอเมริกันบุกยิงชนิดเผาขนคารถสายตรวจ จนบาดเจ็บอาการโคม่าว่า “เราหวังว่าพวกแกจะตาย” สะท้อนถึงรอยร้าวลึกในสังคมสหรัฐ “ปีศาจเฒ่าเจ้าเล่ห์โดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน” แสดงจุดยืนปกป้องตำรวจผิวขาวพร้อมเรียกร้องให้พิจารณาคดีนี้อย่างรวดเร็ว และลงโทษประหารชีวิตคนร้าย โดยไม่แยแสว่าผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจะเพิ่งลงนามคำสั่งพักใช้โทษประหารไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อปีที่ผ่านมานี่เอง...
nn สื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนคู่ปรปักษ์อินทรีปีกหักประโคมข่าวความสำเร็จว่า สามารถคิดค้น “วัคซีนป้องกันโควิด-19” จากมณฑลเสฉวน และกำลังเตรียมจัดส่งไปทั่วประเทศจีน คาดว่าต้องใช้เครื่องบิน boeing 747 ถึง 8,000 ลำ จึงจะส่งวัคซีนให้ชาวมังกรรอดพ้นจากโควิด-19 ได้หมด...
nn ที่น่าห่วงในเวลานี้ที่สุดคือ “โรคล้อมไทย”ผู้ป่วยโควิด-19 ในเพื่อนบ้านยังรุนแรงต่อเนื่อง ผู้ป่วยใหม่อินเดีย! เพิ่มขึ้นวันละเกือบแสนส่งผลกระทบต่อ “เมียนมา”...
nn ประเทศไทยถูกรายล้อมเยี่ยงนี้ ชายแดนไทยเหนือออกตกจรดใต้กว่า 900 กิโลเมตร จึงกลายเป็นจุดเปราะบางอย่างช่วยไม่ได้ “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19” พร้อมทะลักเข้าไทยได้ทุกวินาที โดยเฉพาะแรงงานเพื่อนบ้านที่หนีตายหนีความอดอยากเข้ามาไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ แม้กำลังทหารที่สมาชิกพรรคก้าวไกลและแกนนำคณะก้าวหน้าพยายามตอกย้ำเสมอมาว่าเป็นส่วนเกินที่มีกำลังมากเกินจำเป็นและเรียกร้อง “ให้เลิกการเกณฑ์ทหารยุติการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์” – พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่จะต้องทำงานอย่างหนักเหนื่อย เพื่อสกัดกั้นต่อต้านกองทัพมดนี้...
nn อีกประเด็นที่ไม่กล่าวถึง ณ วันนี้คงไม่เป็นธรรมกับ “คนตั้งใจทำงาน อย่าง เสนาบดีเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”ที่ถูก “นินจา หรือ สัมภเวสี” วางยา กระทั่งเกิดข้อมูลที่ว่า ไม่เคยมีกลุ่มเกษตรกรใดมาร้องเรียนมายื่นหนังสือให้ทบทวนการแบนสามสารเคมี สุดท้ายก็ป้ายสีเทาใส่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” มีผลประโยชน์กับสามสารเคมี ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ “ไม้หน้าสาม” ได้รับข้อมูลมาจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยเมืองยุทธหัตถีว่า กลุ่ม 19 ภาคีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากการแบนสารพาราควอต ทำให้เกิดปัญหาการผลิต จะให้เกษตรกรลงมือกำจัดหญ้าและวัชพืชด้วยตนเองก็คงเป็นไปไม่ได้ อาจเกิดอุบัติเหตุให้เศษหินกระเด็นโดนนัยน์ตาอาจถึงบอดได้ แถมราคาสารเคมีใหม่ที่หน่วยราชการแนะนำให้ใช้นั้นแพงกว่าสารเดิมถึง 5 เท่า เกษตรกรก็ไม่ไหวจะจ่ายรัฐมนตรีก็เข้าใจความเดือดร้อนของเกษตรกร จึงรับเรื่องร้องเรียนไว้เป็นหลักฐานเพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานรับผิดชอบพิจารณาดำเนินการ เพราะมีเกษตรกรได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้กว่า 10 ล้านครอบครัว มูลค่าเสียหายกว่าแสนล้าน แต่เรื่องกลับกลายเป็นประเด็น “ฤๅษีแปลงสาร” กล่าวหารัฐมนตรีเฉลิมชัยอย่างเสียหายว่ารับผลประโยชน์จากผู้นำเข้าสารพาราควอตซะงั้นถึงบรรทัดนี้ทำให้ “ไม้หน้าสาม”สงสารนักการเมืองตั้งใจทำงานอย่าง “เสี่ยต่อ – เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ยิ่งนัก ทำดีไม่ได้ดีดังว่า...
nn ก่อนที่จะนัดชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. แกนนำออกอาการ “วิตกจริตจิตฟุ้งซ่าน” ปลุก “ม็อบประชาธิปไตยผีบอก”งัดผีผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “ปรีดี พนมยงค์” มาเข้าฝันแกนนำบางคนให้ดึงดันเอาพื้นที่มหาวิทยาลัยเป็น “ทุ่งสังหาร” เพื่อมุ่งไปสู่ชัยชนะและความชอบธรรมอีกครั้ง..
.nn เครือข่ายนักศึกษาที่ทำงานให้กับติ่งธนาธรเดินสายปลุกเร้าในหลายพื้นที่เพื่อเรียกมวลชนมาร่วมม็อบ ก็ทำให้ชาวลพบุรีไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะมี “กลุ่มลพบุรีเพื่อประชาธิปไตย” มาจัดกิจกรรมบริเวณวงเวียนพระนารายณ์ ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ หนึ่งในนักศึกษา 3 นิ้วบอกว่าเป็น “กิจกรรมมงคล” แต่กลุ่มชาวบ้านเห็นว่าเป็น “กิจกรรมอัปมงคล” ไม่ควรใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทำกิจกรรมการเมืองเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง แค่ยกแรกนักศึกษาวัยอ่อนก็สวนคุณป้าที่มาคัดค้านว่า จะทนไปถึงไหน เพราะ “รัฐบาลถังแตก” เงินคงคลังเกลี้ยง เบี้ยคนแก่-คนพิการก็ไม่มีจ่าย เจอป้าสอนมวยจนไปไม่เป็น ป้าว่าหนูเอ้ย...รัฐบาลไม่ได้ถังแตก หากแต่พวก “เปรต-สัมภเวสีการเมือง” ตีรวนในสภาฯ ทำให้งบประมาณร่ายจ่ายปี’64ล่าช้าเบิกจ่ายไม่ทัน ต้องนำงบฯเหลือใช้จากปี’63 มาจับจ่ายแทนและเบี้ยสวัสดิการต่างๆ รัฐบาลจะเร่งจ่ายให้คนแก่ คนพิการ22 ก.ย.นี้ เวรกรรมเวทนากว่าจะรู้เดียงสาหนอเยี่ยงนี้ยิ่งนัก...
nn หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “รัฐบาลทหารแก่”นั่นคือ “มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พิจารณาเปิดรับทัวร์ต่างชาติ ด้วยการท่องเที่ยวแบบใหม่ หรือ Special Tourist Visa” โดยมีประเทศเป้าหมายต้องเป็นประเทศที่สามารถกลับมาเปิดประเทศได้แล้ว และเข้มงวดด้านสาธารณสุข หากเข้ามาไทยแล้วก็จะต้องกักตัว 14 วันก็ต้องเร่งทำเพื่อต่อลมหายใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วไทยอยู่ในบรรยากาศร้างไร้นักท่องเที่ยว กระนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการควบคู่ไปก็คือ การพิจารณามาตรการเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติ เพราะหากพูดไปแล้ว “นักท่องเที่ยวต่างชาติ 100 คน” มาเที่ยวไทยก็จะได้กำไรตกอยู่กับแผ่นดินราว 10-20 ล้านบาท แต่นักลงทุน 1 คน จะได้มีการลงทุน50-100 ล้านบาท เกิดการจ้างงานแบบมีนัยสำคัญอย่างแน่นอน...
nn ปิดท้าย ต้องตอกย้ำปักหมุดอย่าหวังพึ่งพาต่างชาติเราจะผ่านฝันร้ายท่ามกลางซากปรักหักพังของโควิด-19ด้วยการหันกลับมายืนด้วยลำแข้งของตัวเอง “ธุรกิจอาหารสุขภาพ ยารักษาโรค” คือ อนาคตของแผ่นดินไทย ภูมิปัญญาไทย “ไม้หน้าสาม” พร่ำตอกย้ำเรื่องนี้มาตลอด เพียงหวังแค่ให้รัฐบาลสนับสนุนสมุนไพรไทยอย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้านแสนล้าน นี่คือ !!สมบัติของชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดรองรับสังคมสูงวัยในภูมิภาคนี้ “หมอเณร-ชัยรัตน์ นนทชัย” ปราชญ์ชาวบ้านผู้เช่ียวชาญตำรับยาสมุนไพรไทย เมืองกาญจนบุรี เชื่อมั่นว่ามรดกล้ำค่าที่บรรพบุรุษมอบไว้ให้กับคนรุ่นหลังนั่นคือ “ตำรับยาสมุนไพรไทย” โรคเบาหวานไม่ต้องตัดอวัยวะใดๆ ทิ้ง โรคหัวใจไม่ต้องพึ่งมีดหมอใส่แบตเตอรี่ของแปลกปลอม จะช่วยรัฐบาลประหยัดค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล ลดการนำเข้ายาจากต่างชาติ ต่อยอดสนับสนุนตำรับยาสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคต่างๆ “ความดันโลหิตเบาหวาน”ไม่ว่าชนชาติใดเผ่าใดทวีปใดก็ป่วยด้วยโรคเหล่านี้ทั้งนั้น ถ้าศึกษาวิจัยต่อยอดมีหรือจะจำหน่ายเป็นสินค้าส่งออกไม่ได้ เกษตรกรจะมีรายได้จากการเพาะปลูกพืชสมุนไพร ประเทศไทยจะเป็นฮับสุขภาพสมุนไพรที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลต้องกล้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างสาธารณสุขครั้งใหญ่ ไม่ใช่ถมงบประมาณลงไปหลายหมื่นล้านบาทแต่สูญเปล่า เพราะนำเงินไปผลิตยาเดี่ยว ขมิ้นชันฟ้าทะลายโจร แต่ไม่สนับสนุนตำรับยาไทยที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรมากกว่า 40 ชนิด เส้นผม...บังภูเขา คิดไม่ได้บ้านเมืองนี้ก็เศร้าวังเวงจับใจล่ะ!!!
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี