ล่าสุด คดีทุจริตสอบนายอำเภอเมื่อปี 2552 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ หรือศาลปราบโกง พิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา อดีตอธิบดีกรมการปกครอง อดีต ผอ.ส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ส่วนอดีตเลขานุการกรมการปกครอง คุก 2 ปี
นอกจากนี้ ยังพิพากษาจำคุก 2 ปี สำหรับผู้เข้าสอบที่ทุจริต103 คน แต่รอลงอาญา 2 ปี
คดีนี้ มีบทเรียนที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ ดังต่อไปนี้
1. ย้อนกลับไป ในชั้นการไต่สวนชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง, นายวุฒิชัย เสาวโกมุท ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่,นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครอง และนายสำราญ ตันเรืองศรีผู้อำนวยการส่วนกำนันผู้ใหญ่บ้าน กรมการปกครอง ซึ่งเป็นตำแหน่งขณะนั้น รวม 4 คน มีความผิดวินัยและอาญา รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เข้าสอบคัดเลือกอบรมหลักสูตรนายอำเภอปีงบประมาณ 2552 จำนวน 142 คนด้วย
ขณะนั้น มีกระแสข่าวว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์รายละหลายแสนบาท บ้างก็ว่าคนที่ผ่านการสอบคัดเลือกลอตนี้ได้พระดีเป็นรุ่น“หลวงพี่ห้อย”
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สส.พรรคเพื่อไทย ขณะนั้น ระบุว่า“มหาดไทยยุคนี้มีการทุจริตในหลายเรื่อง แค่จะเข้าโรงเรียนนายอำเภอก็รู้กันว่าต้องมีของดีแขวนคอถึงจะเข้าได้ ลองไปขอดูว่าทั้งหมดที่เข้าได้ต้องมีเหรียญนายอำเภอรุ่นคุณห้อย ซึ่งตกเหรียญละ 8 แสนบาท อยู่ด้วยหรือไม่”
มีข่าวด้วยว่า การสอบมีการลอกข้อสอบ เขียนคำตอบเหมือนกันหมด
กรณีการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอปี 2552 จึงอื้อฉาวมาก
2. การสอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนนายอำเภอปี 2552 จากผู้ที่มีสิทธิสอบ 1,642 คน มีผู้ได้รับการคัดเลือกแบ่งเป็น 3 รุ่น รวมประมาณ288 คน มีปัญหาเรื่องการทุจริตในการสอบเข้า 142 คน ส่วนที่เหลือถือว่าคุณสมบัติผ่าน
เมื่อ ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบ พบว่า บันทึกแจ้งข้อกล่าวหามีความยาว 12 หน้า มีการระบุพฤติกรรมการทุจริตสำคัญ อาทิ ก่อนถึงวันการประชุมการออกข้อสอบอัตนัยที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 มี.ค. 2552นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครองในขณะนั้น ได้เชิญนายวุฒิชัย เสาวโกมุท ซึ่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกข้อสอบอัตนัยเข้าไปพบและแจ้งว่า “ผู้มีอำนาจทางการเมือง” ในกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผ่านมาทางนายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรมการปกครอง ว่า ในการสอบคัดเลือก นอภ.ครั้งนี้ ผู้มีอำนาจดังกล่าวได้มอบรายชื่อผู้เข้าสอบประมาณ 150 คน มาให้ และแจ้งว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องสอบได้ ซึ่งหมายความว่าจะให้นายวุฒิชัยหาทางช่วยเหลือให้สอบผ่านให้ได้
นอกจากนี้ บันทึกดังกล่าวยังระบุว่าวันที่ 25 มี.ค.-31 มี.ค. 2552 นายวุฒิชัยได้นำกระดาษคำตอบทั้งปกสีเหลืองและปกสีชมพูออกมาตรวจ โดยนำรายชื่อที่ได้รับมาจากนายวงศ์ศักดิ์ประมาณ 150 คน มาช่วยเหลือให้คะแนนสูง ทั้งๆ ที่เขียนคำตอบได้ไม่ดี และได้จัดลำดับว่ารายชื่อใดควรอยู่ในลำดับที่และรุ่นใด ซึ่งท้ายสุดก็ได้ลำดับที่และรุ่นที่ตามความต้องการของผู้มีอำนาจทางการเมือง
ต่อมา เรื่องดังกล่าวมีการกล่าวขวัญกันมากว่า มีการเรียกรับเงินถึง8 แสนบาท/ราย เพื่อช่วยเหลือผู้เข้าสอบ
กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ได้สอบสวนเรื่องนี้ และตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมมีการให้คะแนนข้อสอบอัตนัยโดยไม่มีการตรวจกระดาษคำตอบหรือเขียนคำตอบน้อย หรือไม่เขียนเลย แต่กลับได้คะแนนดี ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกและตรวจข้อสอบดังกล่าวทำการปลอมแปลงเอกสาร โดยดำเนินการปลอมกระดาษคำตอบด้วยการนำกระดาษคำตอบเปล่าที่ยังไม่ได้ใช้ แล้วเรียกให้ประธานรุ่นของนักเรียนโรงเรียนนายอำเภอทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 68 รุ่นที่ 69 รุ่นที่ 70 มาพบนายวงศ์ศักดิ์ และนายวุฒิชัย ที่ห้องทำงานของนายวงศ์ศักดิ์ ในวันหยุดประจำสัปดาห์ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เพื่อนำกระดาษคำตอบเปล่าไปให้รายชื่อบุคคลที่ช่วยเหลือไว้ไปเขียนคำตอบใหม่ โดยให้ตัวอย่างการเขียนที่ทำให้คะแนนได้สูงประมาณ 3-4 ตัวอย่าง ให้แต่ละคนไปคัดลอกให้คล้ายตัวอย่างดังกล่าว แล้วนำกลับมามามอบให้นายวุฒิชัย ซึ่งตัวแทนทั้ง 3 รุ่น ก็ได้เดินทางมาพบและรับไปดำเนินการโดยมอบคำตอบให้กับเพื่อนทั้ง 142 คน เพื่อเขียนคำตอบใหม่ทั้งหมด และนำมาเย็บใส่สมุดคำตอบที่ใช้ทำการสอบคัดเลือก จนส่งผลทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 142 คน เขียนคำตอบที่คล้ายกันทั้งหมด
ป.ป.ช.ได้บุกไปถึงวิทยาลัยการปกครอง เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยการให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 142 คน เขียนข้อความเลียนข้อความในกระดาษคำตอบของกลาง ผลปรากฏว่า ลายมือเขียนเหมือนกัน และผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 142 คน ยืนยันรับรองว่าตนเองเป็นผู้เขียนข้อความในกระดาษคำตอบของกลางด้วยตนเอง
ทั้งหมดนี้ เป็นรายละเอียดบางส่วนที่ปรากฏในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นำมาสู่การไต่สวนและชี้มูลความผิดในเวลาต่อมา
3. เมื่อ 24 ธ.ค.2556 นายวิชา มหาคุณ โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แถลงข่าวการไต่สวนการทุจริตการสอบคัดเลือกข้าราชการเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอประจำปี 2552
ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ (ยกเว้นนายประสาท พงษ์ศิวาภัย ที่ขอถอนตัว และนายณรงค์ รัฐอมฤต ที่ขอลาประชุม)มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิด นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
นอกจากนี้ ยังชี้มูลความผิดทางวินัยและอาญา นายสำราญตันเรืองศรี ผู้อำนวยการส่วนกำนันและผู้ใหญ่บ้าน และนายครรชิตสลับแสง เลขานุการกรม
ส่วนวุฒิชัย เสาวโกมุท และผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการผู้ได้รับคัดเลือกเข้ารับการอบรมหลักสูตรนายอำเภออีก 20 คน ได้ให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ต่อการไต่สวน จึงมีมติเสียงข้างมากให้กันไว้เป็นพยานโดยไม่ชี้มูลความผิดทั้งทางวินัยและอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. 2542 มาตรา 103/16
ส่วนกรณีที่การกล่าวหานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย นั้น ไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
4. กระทั่ง เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2563 ศาลปราบโกงมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดจริงดังกล่าวข้างต้น
น่าเสียดายที่กระบวนการตรวจสอบไม่สามารถสาวไปถึง“ผู้มีอำนาจ” ที่สั่งให้ทุจริต เพื่อช่วย “เด็กนาย” 150 คน ตามที่ระบุในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี