เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (ประชาชนเลือกผู้บริหารปกครองประเทศ) กับในระบอบเผด็จการ (ประชาชนเป็นข้าทาสของผู้บริหารปกครอง) แล้ว ด้วยธรรมชาติ และด้วยสามัญสำนึกของมนุษย์ปุถุชน คนส่วนมากก็คงจะเลือกอยู่ในระบอบการเมืองการปกครองที่เสรีกว่า คงไม่มีมนุษย์ผู้ใดอยากจะอยู่ภายใต้การกดขี่ กับอำนาจโดยมิชอบและกับความหวาดกลัว
กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นระบอบการเมืองการปกครองใดๆ ก็ไม่มีระบอบไหนที่สมบูรณ์แบบที่จะอำนวยความผาสุกให้กับปวงชนทั้งหลาย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว และดูจากประวัติศาสตร์และจากสภาพความเป็นจริง และแจ้งข้อเท็จจริงที่จับต้องและเป็นที่ประจักษ์ ระบอบประชาธิปไตยก็ยังถือว่าดีที่สุด (หรือเลวน้อยที่สุดอยู่ดี)
ระบอบประชาธิปไตยเปิดทางให้ปวงชนใช้สิทธิ์ ใช้เสียง เรียกร้อง ท้วงติง และตรวจสอบได้สื่อก็มีสิทธิเสรีภาพ และกระบวนการยุติธรรมมีความเป็นเอกเทศและไม่เอนเอียง
ความเป็นประชาธิปไตยอยู่ในสายเลือดของมวลมนุษย์ เมื่อเกิดมาก็ต้องอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นเหล่าและในการดำรงชีพและการอยู่รอดท่ามกลางภยันตรายและความท้าทายต่างๆ ก็ต้องปรึกษาหารือกัน มีข้อยุติร่วมกัน และร่วมกันคัดเลือกแต่งตั้งผู้เป็นหัวหน้า
ในประเทศชาวพุทธ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลองค์คณะสงฆ์ก็มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สั่งใคร ไม่ตั้งตัวเองเป็นใหญ่ ความเป็นไปอยู่บนพื้นฐานของการเสวนา ปรึกษาหารือ หาความเข้าใจและหาข้อยุติร่วมกัน
วงการพุทธเป็นสังคมประชาธิปไตยก่อนใครๆ ทั้งสิ้น
และความเป็นประชาธิปไตยของชาวพุทธ คือคณะสงฆ์ ยั่งยืน มั่นคง ต่อเนื่อง เพราะการประพฤติตนของแต่ละภิกษุและภิกษุณี และมหาสงฆ์ที่ได้เข้ามาข้องแวะร่วมธรรม ร่วมปฏิบัติ
แม้ประชาธิปไตยจะเป็นของดีจริง หากแต่จะอยู่ให้ได้อย่างยั่งยืน ก็ต้องอาศัยความมีคุณภาพของผู้คน ทั้งด้วยองค์ความรู้ การใฝ่หาความรู้ การร่วมคิดร่วมทำ การคำนึงถึงส่วนรวม และการไม่ละเมิดหรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
ที่ผ่านมา ระบอบประชาธิปไตยในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของมวลมนุษย์ได้เอาชนะ
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระบอบฟาสซิสต์ คลั่งชาติพันธุ์
ระบอบคอมมิวนิสต์ อาณาจักรแห่งความกลัว และลิดรอนสิทธิเสรีภาพ
มาบัดนี้ ระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกท้าทายจากระบอบประชานิยม (การทำการเพื่อตอบสนองกลุ่มคนเฉพาะกลุ่มหนึ่ง) ระบอบคลั่งชาติ และระบอบศาสนานิยม
ระบอบต่างๆ เหล่านี้ ถือเป็นสาขาย่อยของระบอบเผด็จการทั้งนั้น ที่มันสามารถผลุบโผล่และแผ่ขยายมาได้ ก็มิใช่โดยตัวของมันเอง หากแต่เป็นผลมาจากความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยเป็นสำคัญ หรือนัยหนึ่งระบอบประชาธิปไตยถูกบ่อนทำลายจากข้างใน โดยถูกใช้เป็นแค่เครื่องมือ กลไก เพื่อบรรลุเป้าหมายของบรรดาผู้ฝักใฝ่อำนาจเผด็จการ
ที่เป็นเช่นนี้ได้ ก็มีสาเหตุมาจากพรรคการเมือง และนักการเมืองทั้งหลายที่อ้างกัน แอบอ้างกันเป็นนักประชาธิปไตย หรือไม่ก็หลอกลวงสาธารณชนเพื่อให้สนับสนุนตน แล้วจะได้ทรยศต่อประชาชนเมื่อได้บรรลุซึ่งอำนาจวาสนา
ระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกกำลังสั่นคลอนทั้งในประเทศที่เป็นแม่บทของประชาธิปไตย ไม่ว่าในทวีปอเมริกาเหนือ หรือทวีปยุโรป หรือในประเทศที่ได้เลือกประชาธิปไตยเป็นหนทางบริหารและพัฒนาบ้านเมืองก็ตาม การนี้ก็เพราะพรรคและนักการเมือง เมื่อเข้าสู่อำนาจและมีตำแหน่งหน้าที่ จะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านก็ดี ต่างมิได้ทำตนเพื่อรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ แต่ได้หักเห บิดเบือน ฉันทามติและความไว้วางใจผ่านการเลือกตั้งจากเรื่องส่วนใหญ่ของประชาชน กับเพื่อเสริมสร้างอำนาจให้พวกตนพวกพ้อง และพรรคพวก หรือไม่ก็โอนอ่อนต่ออำนาจเงิน เป็นการรับใช้กลุ่มทุนและกลุ่มผู้มีอันจะกิน
ประชาชนพลเมืองต่างถูกลืม ถูกมองข้าม ความมั่งมีศรีสุขก็มิได้กระจาย มิได้เพิ่มคนชั้นกลางและลดช่องว่างต่างๆ แต่กลับกลายเป็นการกระจุกตัว ผลที่ตามมาคือ ความสุดโต่งต่างๆ การเผชิญหน้า ประหัตประหาร หักโค่นหักล้างกันอย่างถึงพริกถึงขิง
ผู้พ่ายแพ้ คือสังคมโดยรวม และประชาชนผู้ยากไร้ และประชาธิปไตยก็ล่มสลาย ประชาชนกลับกลายไปเป็นของชนกลุ่มน้อยเพื่อด้วยอำนาจรัฐและความมั่งมี และทั้ง 2 อย่างเสริมกันไปกันมา
ก็เกิดคำถามว่า ประชาธิปไตยนั้นดีจริงหรือ และฉะนั้นเลย ก็ไม่ควรจะมีประชาธิปไตยต่อไป?
สาเหตุอยู่ที่ พรรคและนักการเมือง ดังนั้น การแก้ไข ก็ต้องแก้ให้พวกเขากลับมารับใช้คนและสังคม ไม่ได้แค่รับใช้กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มทุนใหญ่อย่างที่เป็นอยู่
ซึ่งหากจะคิดแก้ด้วยการเลือกเอาระบอบเผด็จการมาใช้แทนประชาธิปไตย ก็คงจะเป็นการแก้ปัญหาผิดโรค ผิดสาเหตุ ปัญหาก็คงจะบานปลายกันไปใหญ่เป็นแน่แท้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี