เมื่อวานนี้ กล่าวถึงการโกหกบิดเบือนของหัวหน้าพรรคก้าวไกลนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
วันนี้ เป็นกรณีโกหกบิดเบือนของอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่นายปิยบุตร แสงกนกกุล
ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้เชิญชวนนายพิธา นายธนาธร นายปิยบุตร นายรังสิมันต์ ฯลฯ ให้มาดีเบตครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะประเด็นที่ให้ร้ายสถาบันเรื่องงบสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่คนพวกนี้ ก็ไม่มีใครมา
ล่าสุด อาจารย์อานนท์ได้จับโกหกนายปิยบุตร กรณีบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับเงินปีของพระมหากษัตริย์
ก่อนหน้านี้ นายปิยบุตรได้อธิบายเจตนารมณ์ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 2 พระมหากษัตริย์ในข้อ 8 ไว้ว่า
“กำหนดระบบเงินรายปีแก่พระมหากษัตริย์ โดยให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการกำหนดวงเงินและอนุมัติ และให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบการใช้จ่ายเงินรายปีและรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรทราบ”
ในรัฐธรรมนูญหมวด 2 ฉบับร่างโดยปิยบุตรได้เขียนเอาไว้ว่า
“มาตรา 12 พระมหากษัตริย์ทรงมีเงินรายปีเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประมุขของรัฐ การเสด็จพระราชดำเนิน การต้อนรับพระราชอาคันตุกะ เงินเดือนสำหรับข้าราชการในพระองค์ การบำรุงรักษาพระราชวัง การรักษาความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายของพระราชบิดาพระราชมารดา พระราชโอรส พระราชธิดา พระเชษฐา พระเชษฐภคินี พระอนุชา และพระขนิษฐาของพระมหากษัตริย์ และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประมุขของรัฐ
ให้สภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดวงเงินและอนุมัติเงินรายปีในทุกสี่ปีอย่างสมพระเกียรติและพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ตามสมควร โดยต้องพิจารณาถึงสภาวะทางเศรษฐกิจ สถานะทางการคลังของประเทศ ตลอดจนความจำเป็นเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยรับงบประมาณอื่นประกอบด้วย
ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินรายปีของพระมหากษัตริย์และรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรทราบทุกปี”
ดร.อานนท์ชี้ว่า เมื่อเราวิเคราะห์จากวรรค 1 ของมาตรา 12 ที่ปิยบุตรเขียนไว้นั้น ก็จะเห็นได้ว่า มีทั้ง เงินปี อันได้แก่ ค่าใช้จ่ายของพระราชบิดาพระราชมารดา พระราชโอรส พระราชธิดา พระเชษฐา พระเชษฐภคินี พระอนุชา และพระขนิษฐาของพระมหากษัตริย์ ส่วนเงินงบประมาณประจำปี คือพระมหากษัตริย์ทรงมีเงินรายปีเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประมุขของรัฐ การเสด็จพระราชดำเนิน การต้อนรับพระราชอาคันตุกะ เงินเดือนสำหรับข้าราชการในพระองค์ การบำรุงรักษาพระราชวัง การรักษาความปลอดภัย และค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประมุขของรัฐ
“...ในความเป็นจริงนั้น รัฐบาลจัดสรรเงินปี ถวายในหลวงและสมเด็จพระราชินี องค์ละ 60 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้ใช้สอยเป็นการส่วนพระองค์ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญและเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ.2542
แต่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงรับเงินปีที่รัฐบาลจัดถวายตั้งแต่ต้นรัชกาล ปีละ 60 ล้านบาท และพระราชทานคืนรัฐบาลกลับไปครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ และนับตั้งแต่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และมีการสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี รัฐบาลก็ได้จัดสรรเงินปีถวายสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินีเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ทรงรับเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชทานกลับไปยังรัฐบาลเช่นเดียวกัน
สำหรับเงินปีที่รัฐบาลจัดถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าเป็นต้นไป อันเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์หรือก่อนหน้านั้น รวมยอดเงินปีที่รัฐบาลจัดถวายให้ในหลวงพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ในปีนี้ 75 ล้านบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯพระราชทานคืนรัฐบาล ไม่ทรงรับ แต่ทรงให้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์พระราชทานเป็นเงินปีพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์...”
“...ดังนั้น กราฟแท่งของคณะก้าวไกล จึงเป็นการโกหกว่าเป็นงบสถาบันพระมหากษัตริย์แบบลอยๆ และเอาเงินปีของสถาบันอีก 7 ประเทศมาเปรียบเทียบกับงบประมาณประจำปีของหน่วยราชการในพระองค์ ถือว่าเป็นการโกหก และไม่ถูกต้อง อาจจะเกิดจากโง่จริง ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ไม่แตกฉาน หรือไม่มีความรู้เลย เรียกได้ว่าโง่จริงหรือผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการมีอคติ เกลียดชัง และต้องการด้อยค่าสถาบันเป็นหลักมากกว่า
แต่ที่แน่ๆ กราฟที่ถูกต้องคือกราฟด้านบนนี้ ต้องเอามาวาดใหม่ให้ถูกต้อง เนื่องจากในปี 2565 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงรับเงินปีเลยและทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์พระราชทานเป็นเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมด กราฟแท่งที่ถูกต้องของไทยต้องเป็น 0 บาท ต้องเขียนให้ชัดๆ ว่าเป็นเงินปีสถาบันกษัตริย์ไทย เปรียบเทียบต่างประเทศ จึงเป็นการเปรียบเทียบที่ถูกต้อง เส้นโยงที่ลากว่ามากกว่าสถาบันกษัตริย์ของสเปนสามสิบเท่าก็ต้องเอาออกให้หมด เราต้องแก้ไขในสิ่งผิดหลอกลวง...” - ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มการเมืองพวกพ้องของนายปิยบุตรยังได้บิดเบือน โดยไปเอายอดเงินปีของ 7 สถาบันกษัตริย์ในยุโรปมาเปรียบเทียบกับเงินงบประมาณประจำปีของหน่วยราชการในพระองค์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นเงินคนละก้อนไม่อาจจะเอามาเปรียบเทียบกันได้เลย เพราะเงินปีของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุโรปนั้น ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน/ราชการส่วนพระองค์ ที่อาจจะมีเกิดขึ้น
เรียกว่า มั่วสุดๆ
...
น่าเวทนา... จนถึงบัดนี้ นายพิธา นายธนาธร นายปิยบุตร นายรังสิมันต์ ฯลฯ ไม่มีใครกล้ามาดีเบตกับ ดร.อานนท์เลย
มีแต่เสนอข้อมูลข้างเดียวโดยบิดเบือน ปั่นหัวสาวกเกิดความเห็นผิด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี