แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ วันนี้เป็นวันมหาวิปโยคที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตลอดระยะเวลา 6-7 วันที่ผ่านมา ได้มีการเรียกร้องและเจรจากัน จนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทำข้อตกลงกันได้ แต่แล้วมีการขว้างระเบิดขวดและยิงแก๊สน้ำตาขึ้น ทำให้เกิดการปะทะกัน และมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั้งพระนครถึงขั้นจลาจลและยังไม่สิ้นสุด มีคนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตนับร้อย ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้งเพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสู่สภาพปกติเร็วที่สุด อนึ่ง เพื่อขจัดเหตุร้ายนั้น จอมพลถนอมกิตติขจร ได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อค่ำวันนี้ ข้าพเจ้าจึงแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันสนับสนุนเพื่อให้คณะรัฐบาลใหม่สามารถบริหารงานแผ่นดินได้โดยมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมและแก้ไขสถานการณ์ให้คืนสู่สภาพเรียบร้อยได้โดยเร็ว ยังความสงบสุขความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดแก่ประเทศและประชาชนชาวไทยโดยทั่วกัน (พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516)...
■■ วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของประเทศไทย เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เกิดขึ้นเมื่อ 48 ปีที่แล้ว แต่จวบจนวันนี้ก็ยังคงไม่มีการชำระประวัติศาสตร์หน้านี้ให้กระจ่างชัด ยังคงปล่อยให้เรื่องราวดำมืดอยู่ต่อไป ราวกับว่าต้องการปล่อยให้เป็นชนวนสร้างวิวาทะการเมืองอย่างไม่รู้จบ มีคำถามจากประชาชนจำนวนมากว่าทำไมรัฐบาลไทยทุกชุดที่ผ่านมา รวมถึงรัฐบาลปัจจุบันจึงไม่พยายามชำระสะสางเรื่องนี้...
■■ เมื่อวานนี้เป็นวันคล้ายวันเสด็จสู่สวรรคาลัย ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงสถิตอยู่ในหัวใจของคนไทยผู้จงรักภักดีตลอดกาลภาพประทับใจภาพหนึ่งที่ทุกคนได้พบเห็นตรงกันคือ คนไทยจำนวนมากมายมหาศาลพร้อมใจสวมเสื้อสีเหลือง จนอาจเรียกได้ว่าเหลืองทั่วไปทั้งแผ่นดินไทย หลายคนพร้อมใจไปร่วมทำบุญเพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเป็นที่เทิดทูนและเคารพรักตลอดกาล หลายสถานที่เชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปเปิดเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ประชาชน หลายคนเมื่อได้ยินเสียงเพลงแล้วน้ำตาไหลด้วยความอาลัยรักและคิดถึงพระองค์ท่าน...
■■ บิ๊กติ๊ก-ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกรัฐมนตรี บิ๊กตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอดอีกแล้ว เพราะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 8 ต่อ 1 ให้ตีตกคำร้องกล่าวหาจงใจยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ กรณีไม่แจ้งการถือครองบ้านในจังหวัดพิษณุโลก และเงินในบัญชีเงินฝากของผ่องพรรณ ผู้เป็นภรรยา เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งบิ๊กติ๊กครองตำแหน่งปลัดกลาโหม และเป็นบอร์ดของ บขส. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เรื่องนี้ ป.ป.ช. เสียงข้างมากให้เหตุผลสั้นๆ ว่าบ้านสร้างไม่เสร็จ และผู้ตกเป็นข่าวไม่มีเจตนาปกปิด...
■■ พลันที่เรื่องนี้ปรากฏต่อสาธารณชน ก็ทำให้มีคำถามกลับไปยัง ป.ป.ช. ว่า แน่ใจหรือว่าไม่ได้ตัดสินเพื่อเอาใจผู้มีอำนาจรัฐบางคน สาธารณชนที่ติดตามเรื่องราวของบิ๊กติ๊กมาโดยตลอด วิพากษ์ว่า บิ๊กติ๊กต้องมีของดีแน่ๆ เพราะเมื่อเรื่องไปถึงมือ ป.ป.ช. ก็หลุดทุกครั้ง ถ้ายังจำได้ ครั้งแรกมีเรื่องจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เมื่อครั้งบิ๊กติ๊กดำรงตำแหน่ง สนช. (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ครั้นเมื่อ ป.ป.ช. ให้เหตุผลดังที่หลายคนได้รับทราบแล้ว ก็ทำให้มีคำถามกลับไปถึงเรื่อง บิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับข้ออ้างเรื่องยืมนาฬิกาหรูหลายสิบเรือนจากเพื่อนมาใช้ พร้อมกับมีเสียงหัวเราะแบบสมเพช ป.ป.ช. ตามมา พร้อมกับมีคำถามอีกว่าถ้าบิ๊กป้อมไม่มีอำนาจรัฐ และบิ๊กติ๊กไม่ใช่น้องชายนายกรัฐมนตรี เรื่องราวจะออกมาดังที่ปรากฏหรือไม่...
■■ จนถึงวันนี้ นายกรัฐมนตรียังคงอ้างไม่ปรับคณะรัฐมนตรี ส่วนรองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย และรองนายกฯจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จากประชาธิปัตย์ ก็ประสานเสียงว่ายังไม่ได้พูดคุยเรื่องปรับ ครม. กับนายกฯ เมื่อนายกฯ และรองนายกฯ จากพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่าไม่ปรับ ครม. ก็ต้องปล่อยให้เขาพูดไปตามที่ต้องการพูด ส่วนคนฟังจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของคนฟัง...
■■ เมื่อสองสามวันก่อน นายกฯ ออกทีวีรวมการเฉพาะกิจ ช่วงหัวค่ำ แล้วประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก 10 ประเทศ เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน หลายคนฟังแล้วอมยิ้มด้วยความงงงวย เพราะนายกฯ พูดเรื่องนี้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุย แม้ภาคการท่องเที่ยวและบริการได้ฟังเรื่องนี้แล้วดีใจจนเนื้อเต้น แต่คำถามตามมาคือจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันตกสักกี่คนบินเข้าไทย อย่าลืมว่านักท่องเที่ยวยุโรปนั้น เวลาเขาจะมาเที่ยวไทย เขาต้องใช้เวลาตระเตรียมตัวค่อนข้างนาน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วบินทันที หลายคนตั้งคำถามไปยังนายกฯ ว่าพูดเรื่องนี้เพราะได้รับข้อมูล (ผิดๆ) จากใครหรือเปล่า หรือคิดเอาเองคนเดียว...
■■ ปิดท้ายเรื่องการบินไทย แอร์และสจ๊วตกลุ่มหนึ่งเล่าให้ ธรรมกรฟังว่าเวลาบินแบบ quick turn คือใช้เวลาบินไม่เกิน 5 ชั่วโมง แล้วบินกลับกรุงเทพฯ บรรดาลูกเรือ (ยกเว้นกัปตันและนักบิน) ต้องทำความสะอาดเครื่องบินด้วยตัวเอง ส่วนหากบินระยะไกล เช่น กรุงเทพฯไปลอนดอน หรือแฟรงค์เฟิร์ต จะมีเวลาพักหลังจากบินประมาณ 12 ชั่วโมง โดยลูกเรือประจำเครื่องจะมีจำนวนพอๆ กับประตูเครื่องบิน เช่น เครื่องบินมี 10 ประตู ก็มีลูกเรือ 10 คน แต่หากมีผู้โดยสารเกือบเต็มลำ (ซึ่งยังไม่มีในระยะนี้) ก็จะเพิ่มลูกเรือให้อีก ประเด็นที่ลูกเรือเล่าให้ฟังคือ ได้เงินเดือนปัจจุบันไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนค่าบิน (per diems) ก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกัน คำถามคือทำไมผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ต้องทำอะไรมากนัก จึงไม่ลดเงินเดือนตัวเองลงอีก แล้วเอาเงินไปแบ่งให้คนทำงานจริงๆ ที่ต้องทำงานหนักมาก...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี