วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 02.00 น.
โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน น่าเกรง แต่อย่ากลัว จนจิตตก

ดูทั้งหมด

  •  

กระแสเรื่องโรคโควิด-19 ในช่วง 1-2 สัปดาห์ ที่ผ่านมานี้ คงจะไม่มีอะไรร้อนแรงเท่ากับเรื่องการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่จากกลุ่มประเทศแอฟริกา ที่เรียกว่า สายพันธุโอไมครอน (Omicron) หรือ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าสายพันธุ์ B.1.1.529 ซึ่งองค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศถึงการแพร่ระบาดของเชื้อตัวนี้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้

การพบเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ของไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 ไม่ควรจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจนเกินไปนัก นับตั้งแต่โรคนี้เริ่มเกิดขึ้นและมีการระบาดครั้งแรกในมณฑลอู่ฮั่นของประเทศจีน และเชื้อที่ถูกพบตัวแรกนี้ถูกเรียกว่าสายพันธุ์อู่ฮั่น แต่หลังจากนั้นเชื้อนี้ได้แพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และได้มีการกลายพันธุ์ออกเป็นหลายสายพันธุ์ เริ่มตั้งแต่สายพันธุ์อัลฟ่า(Alpha) พบในประเทศอังกฤษ สายพันธุ์เบต้า(Beta)พบในประเทศแอฟริกาใต้ สายพันธุ์แกมม่า(Gamma)พบในประเทศบราซิล สายพันธุ์เดลต้า(Delta)พบในประเทศอินเดีย ซึ่งขณะนี้เป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดอยู่มากที่สุดทั่วโลก และเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายและทำให้เกิดอาการรุนแรง มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้น


ไวรัสกลายพันธุ์ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว องค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่มของไวรัสที่น่ากังวล(variant of concern) และต้องเฝ้าระวัง ซึ่งหมายความว่า หากมีการติดเชื้อจะมีอาการเกิดขึ้นรุนแรงตามสมควรหรือรุนแรงมาก แต่ความจริงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังมีการพบไวรัสสายพันธุ์อื่นด้วย คือสายพันธุ์แลมป์ดา (Lampda)ในประเทศเปรู และสายพันธุ์มิว(Mu)ในประเทศโคลัมเบีย ซึ่งถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในความสนใจ (variant of interest) เป็นกลุ่มที่เมื่อมีการติดเชื้อ จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่า

จะเห็นว่าการตั้งชื่อไวรัสกลุ่มนี้นั้น ใช้ตัวอักษรในภาษากรีก ซึ่งเริ่มต้นจาก อัลฟ่าเป็นตัวแรก แล้วเรียงตามลำดับอักษรมา ซึ่งเมื่อมีการพบสายพันธุ์โอไมครอนเกิดขึ้น โดยมีรายงานครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ในประเทศบอตสวานา ในระยะแรกจะถูกเรียกว่าเป็นสายพันธุ์นิว (Nu) ตามลำดับอักษรซึ่งถัดมาจากตัวเอ็มหรือสายพันธุ์มิว(Mu) แต่เนื่องจาก องค์การอนามัยโลกเกรงว่าจะเกิดความสับสนให้เข้าใจผิดว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ตามคำเรียก New จึงพิจารณาอักษรลำดับถัดมาซึ่งจะเป็นซี่ (Xi) แต่ชื่อนี้ก็ถูกข้ามไป โดยเชื่อกันว่าไปตรงกับชื่อของประธานาธิบดีจีนคือสี จิ้นผิง (Xi Jinping)  จึงถูกยกเลิกไปอีก และใช้อักษรตัวถัดมาคือตัว O หรือโอไมครอน

ขณะนี้พบว่าไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนมีการระบาดอย่างมาก อยู่ในกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาอย่างน้อย 8 ประเทศคือ บอตสวานา มาลาวี เอสวาตินี โมซัมบิก ซิมบับเว เลโซโท นามิเบีย แอฟริกาใต้ และยังมีการระบาดข้ามไปยังทวีปยุโรปและเอเชียหลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียด้วย แต่อาจจะมีจำนวนผู้ป่วยยังไม่มากนัก ส่วนในประเทศไทยจนถึงวันนี้ยังไม่มีรายงาน ว่ามีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ที่เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาจำนวนหลายร้อยคนแล้วก็ตาม แต่ทุกคนที่เดินทางเข้ามาต้องผ่านการตรวจสอบตามระบบที่ประเทศของเราได้วางไว้อย่างเข้มงวด

จากการศึกษาเชื้อนี้โดยละเอียดพบว่า ไวรัสกลุ่มนี้ซึ่งจะมีจำนวนยีนทั้งหมดประมาณ 30,000 นิวคลิโอไทด์นั้นมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น ประมาณ 60 ตำแหน่ง โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ส่วนหนึ่งนั้นเกิดบนโปรตีนหนามถึง 32 ตำแหน่ง และมีการกลายพันธุ์ที่ส่วนตัวรับ (receptor binding domain) ถึง 10 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนที่ไวรัสจะจับยึดกับเซลล์ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้เชื้อตัวนี้ สามารถจะแพร่กระจาย และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าเชื้อตัวอื่น

จากข้อมูลที่ผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สัมภาษณ์เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว พบว่าขณะนี้ในกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกามีการระบาดแล้วเป็นจำนวนมาก โดยในประเทศแอฟริกาใต้มีการระบาดวันละมากกว่า 10,000 ราย การระบาดที่เกิดขึ้นเร็วและเป็นจำนวนมากนั้น อาจจะเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกามีอยู่เพียงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้น ร่างกายจึงไม่มีภูมิต้านทาน จึงทำให้การระบาดลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ดีพอสมควรว่าถึงแม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก แต่ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 2 ราย แต่หากยังควบคุมไม่ได้ และหากเกิดในประชากรกลุ่มเสี่ยงมากขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ตามสมควร

ถึงแม้ว่าการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการติดเชื้อง่ายกว่าปกติ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าจะคลายกังวลไปได้ในระดับหนึ่งว่าอาการแสดงในผู้ที่ติดเชื้อไวรัสนี้นั้นไม่รุนแรงเหมือนการติดเชื้อจากสายพันธุ์เดลต้า โดยอาการที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มากนัก ผู้ป่วยยังรับรสและกลิ่นได้เป็นปกติ มีอาการไข้ ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อาจมีอาการทางปอดได้บ้าง

หลังจากข่าวเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอนได้มาถึงประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้เกาะข่าวติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้ร่วมกับศปค. กำหนดแนวทางในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคนี้ในประเทศโดยทันที เริ่มต้นจากการกำหนดมาตรการที่เข้มข้นในการตรวจสอบ อนุญาตการเดินทางของชาวต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เดินทางมาจาก 8 ประเทศในทวีปแอฟริกาตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว

โดยขณะนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจาก 8 ประเทศดังกล่าวเข้าสู่ประเทศไทย  รวมทั้งจากประเทศอื่นๆในทวีปแอฟริกาด้วย ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ในระบบ sandbox หรือสถานที่กักกัน ต้องถูกกักตัวจนครบ 14 วัน โดยมีการตรวจ RT-PCR อย่างน้อย 1 ครั้งในวันที่ 12-13  ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน นอกจากจะต้องอยู่ในสถานที่กักตัวอย่างน้อย 14 วันแล้ว ยังจะต้องได้รับการตรวจ RT-PCR อย่างน้อย 3 ครั้ง คือวันแรกที่เดินทางมาถึง ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 5-6 และครั้งที่ 3 ประมาณวันที่ 12-13  ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีอยู่รวมกันประมาณ252 คน ซึ่งบางส่วนครบระยะการกักตัวแล้ว แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การติดตามตัวของกระทรวงสาธารณสุข

ถึงแม้จะมีรายงานว่า ยังไม่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโอไมครอนในประเทศไทย แต่ก็เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ เนื่องจากเชื้อนี้มีการแพร่กระจายไปนอกทวีปแอฟริกาด้วยแล้ว โอกาสที่ผู้เดินทางจากประเทศในถิ่นอื่นที่ติดเชื้อนี้จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็ยังเป็นไปได้ การตรวจคัดกรองของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดที่สุด และที่สำคัญยิ่งคือความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน ในการที่จะช่วยกันทั้งในเรื่องของการประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดี โดยเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนทุกคน และการดำเนินชีวิตตามแนวชีวิตวิถีใหม่อย่างต่อเนื่อง

เป็นที่น่ายินดีว่า ตัวเลขของประชากรไทยที่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จนถึงขณะนี้ทั้งในส่วนที่ดำเนินการโดยภาครัฐ และในส่วนที่ภาคเอกชน ได้จัดหาเข้ามา ให้เป็นวัคซีนทางเลือกตามที่ประชาชนบางกลุ่มต้องการนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยตัวเลขล่าสุดขณะนี้ มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนรวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 96 ล้านโดส โดยเป็นวัคซีนเข็มที่ 1 ประมาณ 50 ล้านโดส เข็มที่ 2 ประมาณ 43 ล้านโดส และเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้น 3 ล้านโดสเศษ และยังมีการเชิญชวน ให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดเข้ารับการฉีดตลอดเวลา ด้วยวัคซีนหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ทำให้เชื่อได้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีประชากร ได้รับการฉีดวัคซีนเกินกว่า 100 ล้านโดสอย่างแน่นอน ซึ่งจะเกิดผลดีไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วเท่านั้น แต่ยังจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในวงกว้างทั่วประเทศ  ทำให้โอกาสของการระบาดและการติดเชื้อและมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตลดน้อยลงอย่างแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะแค่การระบาดซึ่งในขณะนี้เป็นเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามากกว่า 99% เท่านั้น แต่ยังน่าจะช่วยลดภยันตรายที่อาจเกิดจากการระบาดของเชื้อโอไมครอน ซึ่งเริ่มมีข้อมูลว่าเป็นเชื้อที่แม้จะระบาดง่าย แต่ไม่มีความรุนแรงได้ด้วย

ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตวัคซีนชนิดต่างๆ ได้เริ่มทำการศึกษาทดลองว่าวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้นั้น สามารถจะป้องกันอาการรุนแรงหรือการเสียชีวิตจากไวรัสโอไมครอนได้หรือไม่ และเชื่อว่าระยะ 2-3 สัปดาห์จากนี้ไป น่าจะมีผลของการศึกษาออกมามากพอสมควร รวมทั้งน่าจะมีการพัฒนาวัคซีนเพิ่มเติม  เพื่อที่จะต่อสู้กับ เชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ส่วนการตรวจหาว่าผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ ว่ามีการติดเชื้อโอไมครอนหรือไม่นั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ศูนย์และห้องปฏิบัติการที่ได้รับอนุมัติจากทางกรมฯให้ตรวจหาเชื้อโควิดโดยวิธี RT-PCR ทุกแห่ง มีศักยภาพพอเพียงต่อการตรวจหาเชื้อดังกล่าวได้  รวมทั้งในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยชุดตรวจ ATK มาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้  ก็สามารถจะตรวจคัดกรองได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะวิตกกังวลกรณีที่มีการติดเชื้อดังกล่าวเกิดขึ้น

ขออนุญาตยกคำแนะนำของศาสตราจารย์ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ ถึง 3 วิธีการเตรียมรับมือเชื้อโอไมครอน ซึ่งมีโอกาสเข้ามาถึงประเทศไทยได้แน่นอนว่า

1.ประชาชนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เกือบจะทั้งหมดของประเทศ

2.ต้องให้การวินิจฉัยการติดเชื้อสายพันธุ์นี้ให้รวดเร็วที่สุด เพื่อควบคุมการระบาดที่เกิดขึ้นได้ง่าย

3.การป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19  ด้วยการดำเนินชีวิตตามแนวชีวิตวิถีใหม่ยังต้องทำอย่างเคร่งครัด  ทั้งเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ และกำหนดระยะห่างผู้คน

ขอยืนยันว่าเราควรเกรงไวรัสตัวนี้  แต่อย่ากลัว จนเกิดอาการวิตกจริต รัฐบาลได้ดูแลท่านแล้ว ทุกท่านต้องดูแลตัวเองด้วย อย่าทิ้งโอกาสที่ดีในการได้รับวัคซีน และดำเนินชีวิตตามแนวชีวิตวิถีใหม่ อย่างเข้มแข็ง

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:47 น. ปรีวิว-ฟันธง! ปืนคึกเปิดรังรับตราหมีถ้วยยุโรป
12:47 น. สภากทม.หารือสนอ.-สนพ.-สปสช.เขต13 แก้ปัญหาส่งต่อผู้ป่วยบัตรทองล่าช้า
12:46 น. ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ชวนดู'นักรบ 800'วีรกรรมสะเทือนโลกกลางสมรภูมิเดือด
12:41 น. เน้นเป็นเลิศ! ’กีฬาสากล‘ต้องท็อป-บอลล่าแชมป์
12:40 น. Only Monday และ Famoso ปล่อยพลังแน่น MRT ปิดซีรีส์ 'MRT MUSIC JOURNEY 2025'
ดูทั้งหมด
บุกจับ'เสี่ยบอย'พร้อมเมีย! รองหัวหน้าพรรคการเมืองดังเปิดตลาดเถื่อน ทุบของหลวงสร้างพื้นที่
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568
(คลิป) ส่องแฟชั่น ภริยานายกฯ วันนี้! ผ้าสีสวยมาก ทรงผมน่ารัก แต่...นาฬิกาต้องเปลี่ยนนะคะ
‘เกาหลีใต้’บอมบ์‘ฮุน มาเนต’กลางวงทูตทั่วโลก หมดสภาพผู้นำ
จาก‘โรฮิงแยม’ถึง‘พี่อังคณา’ สะท้อนความเข้าใจ‘สิทธิมนุษยชน’
ดูทั้งหมด
มินิทแมน
‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ผู้มีชะตากรรมเดียวกัน
ขายชาติ
พรรคแดงตกต่ำ?
มะเร็งร้าย คือ การบริหารจัดการที่ไม่รับผิดชอบ
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปรีวิว-ฟันธง! ปืนคึกเปิดรังรับตราหมีถ้วยยุโรป

เน้นเป็นเลิศ! ’กีฬาสากล‘ต้องท็อป-บอลล่าแชมป์

‘สีหศักดิ์’เชื่อ​กลไกเจรจา‘เจบีซี-จีบีซี’ยังได้ผล​ มอง‘ไทย-กัมพูชา’ตกลงกันได้

กสม.ออกแถลงการณ์!!! ขอให้ทุกฝ่ายเคารพความเห็นต่าง ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

‘ธรรมนัส’ลั่น‘กล้าธรรม’พร้อมเลือกตั้งมากกว่าทุกพรรค อุบดึง‘ไชยา พรหมา’ซบ

ช็อก! นางแบบเบลารุสวัย26ปีโดนลักพาตัวจากกรุงเทพ สุดท้ายถูกฆาตกรรม-ชิงอวัยวะในเมียนมา

  • Breaking News
  • ปรีวิว-ฟันธง! ปืนคึกเปิดรังรับตราหมีถ้วยยุโรป ปรีวิว-ฟันธง! ปืนคึกเปิดรังรับตราหมีถ้วยยุโรป
  • สภากทม.หารือสนอ.-สนพ.-สปสช.เขต13 แก้ปัญหาส่งต่อผู้ป่วยบัตรทองล่าช้า สภากทม.หารือสนอ.-สนพ.-สปสช.เขต13 แก้ปัญหาส่งต่อผู้ป่วยบัตรทองล่าช้า
  • ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ชวนดู\'นักรบ 800\'วีรกรรมสะเทือนโลกกลางสมรภูมิเดือด ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ชวนดู'นักรบ 800'วีรกรรมสะเทือนโลกกลางสมรภูมิเดือด
  • เน้นเป็นเลิศ! ’กีฬาสากล‘ต้องท็อป-บอลล่าแชมป์ เน้นเป็นเลิศ! ’กีฬาสากล‘ต้องท็อป-บอลล่าแชมป์
  • Only Monday และ Famoso ปล่อยพลังแน่น MRT ปิดซีรีส์ \'MRT MUSIC JOURNEY 2025\' Only Monday และ Famoso ปล่อยพลังแน่น MRT ปิดซีรีส์ 'MRT MUSIC JOURNEY 2025'
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved