วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568

อเมริกามีอาวุธชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “มินิทแมน” มินิทแมนที่ว่านี้เป็นชื่อขีปนาวุธข้ามทวีปที่ชอบเอามายิงข่มขวัญประเทศที่ลุงแซมคิดว่าไม่ยอมให้ลูบหัวนั่นเอง ยิงทีไรเปรี้ยงปร้างสะท้านโลก เล่นเอาอกสั่นขวัญแขวนไปตามกัน แท้จริงแล้วลุงแซมเอาชื่อนี้มาจากวีรกรรมนักสู้ผู้กล้าในยุคก่อนประกาศอิสรภาพเป็นสหรัฐอเมริกานั่นเอง
อาณานิคมอังกฤษแห่งแรกบนแผ่นดินอเมริกาก่อตั้งขึ้นปี ค.ศ.1607 บริเวณที่เป็นรัฐเวอร์จิเนียปัจจุบันส่วนแม่น้ำสายหลักได้รับการขนานนามว่าแม่น้ำเจมส์จากนั้นเรียกบริเวณนั้นว่า “เจมส์ทาวน์”
เมื่อตั้งอาณานิคมเวอร์จิเนียเป็นอาณานิคมแห่งแรกแล้วอาณานิคมแห่งที่สองคืออาณานิคมพลีมัธ หลังจากมีการตั้งอาณานิคมแห่งแรกและแห่งที่สองก็เกิดอาณานิคมแบบนี้ตามมาระหว่างปี ค.ศ.1607-1733 เรียงรายตามฝั่งตะวันออกของอเมริกาตั้งแต่เหนือจรดใต้รวมทั้งสิ้น 13 อาณานิคม
สมัยโน้นชาวยุโรปแห่มาอเมริกายังกับห่าฝนมาสุมอยู่ตามอาณานิคมต่างๆ พอพลเมืองเยอะขึ้นก็เริ่มขยับขยายมีการประชุมเพื่อหาทางปรับปรุงอาณานิคมให้ดีขึ้นจึงมีการพบปะพูดคุยเป็นประจำทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี รวมทั้งมีสิทธิเลือกตัวแทนเข้าสภาอาณานิคมจุดนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของเสรีภาพในการพูดหรือ Freedom of Speech อย่าคิดว่าการพบปะชุมนุมของชาวอาณานิคมจะทำให้อังกฤษพอใจการประชุมของชาวอาณานิคมทุกหนทำให้รัฐบาลอังกฤษหนวดกระดิก
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พี่หรั่งอังกฤษจะไม่พอใจเพราะปกครองอาณานิคมแบบทวงบุญคุณ ทวงโหดเหมือนโกรธมานานทวงบุญคุณพวกอาณานิคมรัวๆ ให้เอื้อผลประโยชน์อังกฤษเพียงฝ่ายเดียวหมายถึงอาณานิคมต้องผูกขาดการค้ากับอังกฤษเท่านั้น ห้ามค้าขายกับชาติอื่นเด็ดขาด อีกทั้งยังต้องปลูกพืชตามที่อังกฤษต้องการห้ามผลิตสินค้าแข่งกับอังกฤษ เมื่อประเทศแม่ผลิตอะไรมาขายชาวอาณานิคมต้องซื้อทั้งหมด สรุปง่ายๆคืออาณานิคมทั้ง 13 แห่งถูกรัฐบาลอังกฤษมัดมือชกนั่นเอง หักคอกันเห็นๆ แบบนี้ใครจะทนไหว
หนักหนาสาหัสกว่านั้นรัฐบาลอังกฤษไม่สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพอะไรเลย แถมไม่อนุญาตให้ชาวอาณานิคมส่งตัวแทนเข้าร่วมในรัฐสภาอังกฤษกลับออกกฎหมายหลายฉบับ บังคับให้ชาวอาณานิคมทำตามโดยเน้นการควบคุมและหาผลประโยชน์อย่างเดียว แต่ไม่คุ้มครองป้องกันชาวอาณานิคมทุกครั้งที่ชาวอาณานิคมมีปัญหากับอินเดียนแดง ตัวแทนรัฐบาลอังกฤษจะรักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยเฉพาะส่วนรัฐบาลอังกฤษเท่านั้น นอกนั้นช่างหัวพวกอาณานิคมพอเป็นแบบนี้ชาวอาณานิคมเลยเบ้ปากมองบน แล้วฟันธงว่างั้นไม่ต้องหวังพึ่งอังกฤษก็ได้นี่หว่า
มีการรวมตัวของชาวอาณานิคมที่นิวยอร์กเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อกษัตริย์ให้ยกเลิกกฎหมายที่กดหัวชาวอาณานิคมพร้อมทวงสิทธิในการส่งตัวแทนจากอาณานิคมเข้ารัฐสภาในอังกฤษความไม่พอใจขั้นสุดทำให้เกิดการรวมกลุ่มชาวอาณานิคมที่เรียกตัวเองว่า “บุตรแห่งเสรีภาพ” หรือ Son of Liberty
ชาวอาณานิคมตกลงกันว่าจะไม่ซื้อสินค้าของพวกอังกฤษอีกเป็นอันขาดแล้วจะยื่นข้อเสนอถึงกษัตริย์อังกฤษแม้ว่าชาวอาณานิคมยังไม่คิดแยกตัวหรือเรียกร้องอิสรภาพนอกจากขอให้ยกเลิกฎหมายบางฉบับ แต่อังกฤษระแวงชาวอาณานิคมจนส่งกองกำลังเข้าไปเพิ่มในอาณานิคมเป็นจำนวนมากแม่ทัพที่ส่งไปดูแลกำลังพลคือ นายพลโทมัส เกจส์ชาวอาณานิคมที่แมสซาจูเซสต์จึงรวมตัวกันตั้งกองอาสาเพื่อฝึกการรบโดยเรียกกลุ่มตนเองว่า “มินิทเมน” (Minutemen) ซึ่งก็ไม่ได้รอบรู้มาจากไหนลูกชาวไร่ชาวนาธรรมดานี่แหละลุกขึ้นจับปืนป้องกันตัวเองจากการข่มเหงของทหารอังกฤษ
มีการประชุมสภาแห่งทวีปครั้งที่ 2 ที่ฟิลลาเดลเฟีย แต่หนนี้ชาวอาณานิคมลงความเห็นตรงกันว่าควรแยกตัวออกจากอังกฤษ โดยทั้งสิบสามอาณานิคมรวมตัวกันเป็นสมาพันธ์อาณานิคม มีการส่งข่าวถึงชาวอาณานิคมทุกคนให้ร่วมมือและจัดตั้งกองกำลังแห่งทวีปขึ้นเพื่อต่อสู้กับอังกฤษ มีจอร์จวอชิงตันเป็นผู้บังคับบัญชาการกองกำลังแห่งทวีปซึ่งกองกำลังแห่งทวีปที่ว่านี้มีจุดเริ่มต้นมาจากพวกมินิแมนนี่แหละ
เมื่ออังกฤษรู้ข่าวก็ส่งเรือรบอังกฤษมาปิดล้อมท่าเรือของ 13 อาณานิคมเอาไว้ โดยมองว่าอาณานิคมตั้งตัวเป็นกบฎแม่ทัพฝ่ายอาณานิคมเวลานั้นคือ จอร์จ วอชิงตันรู้ดีว่ากองกำลังมินิทเมนไม่พอเพียงต่อการสู้รบกับทหารอังกฤษที่มีพร้อมทั้งอาวุธและทักษะทางการทหาร ฝ่ายอังกฤษตั้งกองบัญชาการที่บอสตันโดยมีนายพลวิลเลี่ยม ฮาวเป็นแม่ทัพ
ฝรั่งเศสและสเปนตัดสินใจเป็นพันธมิตรร่วมรบอังกฤษกับฝ่ายอาณานิคมอย่างลับๆ จอร์จ วอชิงตันจึงส่งกองกำลังแห่งทวีปไปขุดสนามเพลาะที่เนินเขาดอร์เชสเตอร์ไฮทส์ เพราะสามารถบุกโจมตีท่าเรือบอสตันได้จากนั้นระดมยิงเรืออังกฤษเสียหายทำให้นายพลอังกฤษถอยร่นไม่เป็นกระบวนทั้งแม่ทัพและทหารสองหมื่นกว่าคนหนีตายไปนิวยอร์กทิ้งข้าวของไว้เกลื่อนท่าเรือยกนี้ทางฝ่ายกองกำลังแห่งทวีปหรือฝ่ายอาณานิคมเป็นฝ่ายชนะ
สภาอาณานิคมตั้งคณะกรรมการร่างคำประกาศเอกราช (The Declaration of Independence) มีเบนจามิน แฟรงคลิน จอห์น แอดัมส์ โรเจอร์ เชอร์แมน ฟิลิป ลิฟวิงสโตน และโทมัส เจฟเฟอร์สัน เป็นคนร่างคำประกาศเอกราช แต่โทมัสเจฟเฟอร์สันเป็นคนร่างประกาศฉบับนี้เป็นส่วนใหญ่
จากนั้นนำเสนอต่อสภาอาณานิคมและมีผลบังคับใช้วันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 สภาอาณานิคมประกาศว่าอาณานิคมทั้ง 13 แห่งไม่ขึ้นต่ออังกฤษอีกต่อไป แยกตัวออกเป็นประเทศโดยสมบูรณ์อังกฤษปกครองอเมริการวมทั้งสิ้น 169 ปี คือตั้งแต่ปี ค.ศ1607-1776 หรือรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 จนถึงพระเจ้าเจมส์ที่ 3 หลังประกาศเอกราชในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 และลงนามในสนธิสัญญาปารีส 1783 นับจากนั้นเป็นต้นมาโลกก็รู้จักดินแดนแห่งนี้ว่า “สหรัฐอเมริกา”

'มือเต็ง-แชมป์เก่า' พาเหรด 32 คนคิวลีโอฟีโน่
รัฐบาล คาดช่วงวันพ่อหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท
อัยรินทร์ ย้ำ ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
อรรถกร โอด รับดราม่าซีเกมส์คนเดียว เผยอาจผิดธรรมชาติไปนิดนึง
พยากรณ์อากาศวันนี้ เตือน 10 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนักรอบใหม่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี