จบไปแล้วครับ “ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.” และ “ศึกเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา” สองศึกใหญ่ที่ “ห้ำหั่น” กันอย่างมีสีสันมาถึงสองเดือนเศษ

แล้ววันนี้ ชาวบางกอกเกี้ยนก็ “ได้ผู้ว่าในดวงใจ” และชาวพัทยาก็ “ได้นายกตามที่ปองหมาย”

“สงครามเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา” นั้น เป็น “สงครามสามเส้า” ประกอบไปด้วย กองกำลังจาก “บ้านใหญ่”กองกำลังจาก “บ้านเล็ก” และสอดแทรกเข้ามาอีกรายกองกำลังจาก “บ้านใหม่”

“บ้านไหนได้เป็นแชมป์?” ก็คงจะไม่มีเวลาฉลองชัยเพราะพัทยาถูกสถานการณ์โควิด-19 “ตุ๊บตั๊บ” จนเดี้ยงพิการมากว่าสองปี

ดังนั้น นับจากชั่วโมงนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นทีม “บ้านไหน” ได้เข้ามาบริหาร ก็จะต้องรีบ “ลุยงาน” เพื่อ “พลิกฟื้น” พัทยาให้กลับมามีสีสันเหมือนลาสเวกัสหรือเหมือนนิวออร์ลีนอีกครั้ง

“สงครามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.” นั้น ทั้งสื่อ ทั้งนักวิชาการต่างวิจารณ์กัน “สุดมัน” ว่า เป็นมหกรรมรวมพลระดมคนเก่งมาให้ชาวบางกอกเกี้ยนเลือกมาทำงานเป็นผู้ว่าฯ กทม.

ยอมรับว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ต่างต้องเจอะรายการ “รักพี่เสียดายน้อง รักคนดังแต่เสียดายคนเก่ง รักคนลุยงานแต่ก็อยากได้คนวิสัยทัศน์สุดเจ๋ง”

ในขณะที่กูรูการเลือกตั้งบางราย ถึงกับระบุว่า ผู้สมัครทั้งหลาย ล้วนเป็น “มนุษย์กลายพันธุ์ที่ทรงพลังของหนังฮอลลีวู้ด”

บางรายเป็นกัปตันอเมริกา บางรายเป็นมนุษย์เขียว บางรายเป็นคนเหล็ก บางท่านเป็นซูเปอร์แมน และบางสตรีเป็นซูเปอร์วูแมน ชนิดคนหนึ่งคนใดพลาดจากตำแหน่งแชมป์ “ล้วนน่าเสียดายทั้งสิ้น”

สื่อจอมซนปากบุกซุกปากบอนบางรายถึงกับเปรียบเทียบผู้สมัครล้วนเป็น “มนุษย์อัศจรรย์” จากเรื่อง “ไซอิ๋ว” มีทั้งพระถังซัมจั๋ง มีทั้งเห้งเจีย มีทั้งตือโปยก่าย มีทั้งซัวเจ๋ง และมีทั้งม้าเทพเจ้า

ไม่มีดอกครับ ที่ใครจะถูกเปรียบเทียบเป็นปีศาจแปลงกาย หรือ มารแปลงร่าง หวังเข้ามากินเนื้อพระถังซัมจั๋ง

วันนี้แล้วครับ ก็จะรู้กันชัดๆ ท่านใดกันแน่จะมาเป็น “เห้งเจีย” แก้ปัญหาให้ชาวกรุงเทพฯ

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม