l จบไปแล้ว! การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อวันอาทิตย์ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ต่อไป เมื่อผ่านการรับรองจาก กกต. เขาก็จะเป็นผู้ว่าฯกทม. และเริ่มทำงานประชาชน ชาวกทม. ต้องติดตามผลงานนโยบายของผู้ว่าฯกทม.ที่เสนอต่อประชาชน
ผลงานคือ ของจริง ที่จะพิสูจน์ “คำพูดของผู้ชนะ” ว่า แท้จริงเป็นอย่างไร
l การเมืองไทยภายใต้โครงสร้างและระบบเดิม ใช้เวลายาวนาน ในการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นดูการเมืองต้องดูยาว มิใช่สั้นๆ เช่น มีเหตุการณ์หนึ่ง
แล้วรีบตัดสิน จะมีบางช่วง เมื่อมีสิ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ จะเกิดกระแสการเมืองขึ้นเป็นครั้งคราว แล้วจะย้อนกลับ มาสู่สถานะเดิม เพราะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย ได้ยืนยันมาแล้ว ไม่ว่า เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๕ยุคทุนสามานย์ทักษิณ ๒๕๔๔ มาถึงนอมินียิ่งลักษณ์ ๒๕๕๔ ซึ่งมีการใช้ทุน สื่อ การจัดการใหญ่ต่อมาถึง กรณีพันธมิตร ๒๕๔๙ - ๒๕๕๑ และกปปส. ๒๕๕๖ – ๒๕๕๗ ฯลฯ
หรือกรณีเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในยุคจำลอง ศรีเมือง พิจิตต รัตตกุลอภิรักษ์ สุขุมพันธ์ุฯ มียุคกระแสสูงและกระแสต่ำ โดยจะขึ้นลงสลับกัน สภาพปกติ กระแสต่ำ และกระแสสูง
เราต้องติดตามกันต่อไป
l นักวิชาการ และผู้สันทัดกรณีทางการเมือง จะได้ความรู้ความเข้าใจ การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อย่างแท้จริง
ด้วยการสังเคราะห์เจาะลึกออกมาอย่างถูกต้อง มีเหตุมีผล ถึงที่มาที่ไป
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง
1.การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ที่สำคัญคือ
๑.เป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ในรอบ ๙ ปี หลังจากปี ๒๕๕๖
๒.สถานการณ์ทางการเมืองมีการขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงของ ๒ ฝ่ายใหญ่ ฯลฯ
ฝ่ายแดง มี ๓ คน คือ ชัชชาติ วิโรจน์ ศิธา
ฝ่ายเหลือง มี ๓ คน คือ สุชัชวีร์ สกลธี อัศวิน
ฝ่ายอิสระ มี ๑ คน คือ รสนา
๓.ผู้ชนะการเลือกตั้ง ได้รับคะแนน 1,386,215 คะแนน
เป็น 51.84% ของผู้มาใช้สิทธิ 2,673,696 คน
คิดเป็น 31.52% ของประชาชนผู้มีสิทธิ 4,402,948 คน
ผู้ใช้สิทธิ 2,673,696 = 60.73% (ลดลงจากครั้งก่อน 3.25%)
บัตรดี 2,561,447 = 95.80%
บัตรเสีย 40,017 = 1.50%
บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 72,227 บัตร = 2.70%
ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ 1,386,215 = 51.84%
ประชาธิปัตย์ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 254,647 = 9.52%
ก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิศร 253,851 = 9.49%
อิสระ สกลธี ภัททิยกุล 230,455 = 8.61%
กลุ่ม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง 214,692 = 8.02%
อิสระ รสนา โตสิตระกูล 78,993 = 2.95%
ไทยสร้างไทย นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี 73,720 = 2.75%
อื่นๆ
@ คะแนนที่ผู้ชนะได้รับ มีที่มาสำคัญ ๔ ทาง เรียงลำดับคะแนนมากไปสู่น้อย
(๑) คะแนนเกือบครึ่งหนึ่ง มาจากพรรคเพื่อไทย (กรรมการพรรค สส. สก.สมาชิกพรรค) ที่มีลักษณะเป็นเอกภาพสูง ซึ่งแสดงถึงมีการสั่งการและกำกับจากผู้มีอำนาจสูงสุด
(๒) คะแนนที่มาจากจากตัวของ “คุณชัชชาติเอง” มีไม่น้อย
(๓) คะแนนที่มาจากการจัดการในพื้นที่ชุมชน โดยผู้มีอำนาจบทบาทในท้องถิ่นกทม.
(๔) คะแนนมาจากคนชั้นกลาง ที่มีลักษณะอิสระ เลือกตามอารมณ์ความรู้สึก
๔.ไม่ปรากฏว่า มีการแทรกแซงจากทางรัฐบาล***
ซึ่งผิดกับนายกรัฐมนตรีบางพรรคบางสมัย ที่ใช้อำนาจแทรกแซงในหลายกรณี
ไม่ว่าจะมีผู้นำฝ่ายหนึ่ง พยายามผลักดันให้ รัฐบาลส่งสัญญาณเชียร์ และมีความรู้สึก ไม่พอใจรัฐบาล ที่วางตัวเป็นกลาง
๕.มีเรื่องสำคัญที่ต้องรอคอยการพิสูจน์ ด้วยตัว “ผู้ว่าฯกทม. ชัชชาติ”
ในเรื่องความเป็นอิสระจริง หรืออิสระเทียม (นอมินี)
เพราะหลังการเลือกตั้ง ผ่านไปวันเดียว มีการเคลมผลงานของผู้ชนะจากคนอยู่แดนไกล “ส่งเสียงดังก้อง” ว่า จะเกิด Land Slide ในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทย นี่คือ “อุปสรรคใหญ่ที่แท้จริงของผู้ว่าฯกทม. ที่ชื่อ ชัชชาติ”
2.ปัจจัยของการชนะของ “คุณชัชชาติ” อย่างขาดลอย
๑.ฝ่ายคุณชัชชาติ
(๑) บุคลิก ความรู้ความสามารถส่วนตัว และคุณสมบัติทางครอบครัว ถูกนำไปใช้ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ซึ่งได้ผลค่อนข้างมากและมีส่วนทำให้คนเชื่อว่า “อิสระจริง”
(๒) การเตรียมตัว และออกตัว มาเป็นเวลา ๒ ปี รวมทั้งมีความพร้อมในเรื่องทุน เสนาธิการ ทีมงาน สื่อ ฯลฯ
(๓) นโยบาย ที่นำเสนอตัว เป็น “อิสระ” ให้หลุดจากขั้วความขัดแย้งลอยตัวอย่างโดดเด่นเหนือ “พายุลมฝนแห่งความขัดแย้ง” ในขณะที่คู่แข่งคนอื่นๆ อยู่ในขั้วความขัดแย้ง ฝ่ายสีต่างๆ มีผลทำให้ได้คะแนน จากทุกฝ่ายทุกเขต ทั้งระดับบนและล่างทั้งเป็นผลงานด้วยตัวเอง และการจัดการของเสนาธิการและทีมงานจำนวนมาก
(๔) เสนาธิการและทีมทำงาน ที่มีความพร้อม และการทำงานหลายระดับพิจารณาจากคะแนนที่ได้ ในสังคมทุกระดับ ตั้งแต่บนลงล่าง ทำให้เห็นว่า “มีการทำงานเอาจริง อย่างต่อเนื่อง” และทีมเสนาธิการ เป็นมืออาชีพจาก พรรคการเมือง สื่อ นักวิชาการ มวลชนฯ โดยเฉพาะ “คนที่มีประสบการณ์และอิทธิพลในพื้นที่ ชุมชนฯ” มีผลค่อนข้างสูง
(๕) กลุ่มทุนใหญ่ ที่ให้การสนับสนุน ค่าใช้จ่าย ในทุกเรื่อง ซึ่งคงจะสูงมากทีเดียว เพราะระบบการเลือกตั้งไทย โดยฉพาะในช่วงหลังๆ ตั้งแต่ “ยุคทุนสามานย์” มีการใช้ทุนสูงมากซึ่งบางส่วนเริ่ม ทยอยเปิดตัวมาบ้างแล้วและส่วนใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง จะเห็นเงา จากการดำเนินนโยบายจะเอื้อให้แก่ใคร
(๖) ใช้ความขัดแย้งทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และประชาชนที่เดือดร้อนจากวิกฤตโควิด เศรษฐกิจ ฯลฯ มาเป็นเครื่องมือเพื่อดึงคะแนนจากประชาชน และสร้างความไม่พอใจต่อรัฐบาลโดยการสื่อความออกไปยังสาธารณชน ว่า “อีกฝ่ายเป็นตัวแทนของรัฐบาล”
๒.สื่อ และผู้สนับสนุนที่กุมแผนงาน และเป็นฝ่ายรุก หรือเป็นฝ่ายกำหนดเกมการเลือกตั้ง จะเห็นได้ จากการเดินเกมของสื่อออนไลน์
ในค่ายดังหลายค่ายที่จัดรายการดีเบต ทั้งในมหาวิทยาลัย สถานที่ต่างๆ และในห้องของสื่อฯจะมีการตั้งคำถามที่เป็นฝ่ายรุก ให้ตัวเองได้เปรียบและคนอื่นเสียเปรียบ เช่น “คิดและรู้สึกอย่างไร ต่อการรัฐประหาร”(ขณะเดียวกัน ก็จะสร้างความเข้าใจกับคนชมว่า ผู้สมัครฝ่ายเหลืองเป็นฝ่ายเดียวหรือฝ่ายสนับสนุนรัฐประหารฯ) โดยไม่มีการอธิบายความจริงถึง สาเหตุที่แท้จริงของการทำรัฐประหาร เนื่องจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และทุนสามานย์ทักษิณ โกงชาติ ใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา ขัดรัฐธรรมนูญและรัฐบาลประยุทธ์ ในตอนนี้ มาจากการเลือกตั้ง ฯลฯ
๓.สื่อ และผู้สนับสนุน ฝ่ายอื่นหรือผู้สมัครคนอื่นๆ ตกเป็นฝ่ายรับแสดงถึงความอ่อนด้อยกว่า ที่ขาดการเดินแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ต้องกลายเป็นฝ่ายรับตลอดช่วงเวลาการหาเสียงทำให้เกิดการเสียเปรียบอย่างมาก
๔.คนกลางๆ มีการสนับสนุนคุณชัชชาติ หลากหลาย
(๑) คนส่วนไม่น้อย เชื่อว่า “คุณชัชชาติอิสระจริง” มิใช่เป็นนอมินี
(๒) มีผู้นำบางส่วน ออกมารับรอง และหรือ แก้ตัวแทน
(๓) คนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร เกิดความสงสาร
๕.คะแนนของผู้สมัครคนอื่น และฝ่ายอื่นๆ มีคะแนนน้อยมาก ในเชิงเปรียบเทียบกับคะแนนของคุณชัชชาติการตัดสินใจลงสมัครของผู้สมัครบางคน โดยขาดการวางแผนที่ดี ที่มองภาพรวมทั้งหมดถึงผลได้เสีย และโอกาสแพ้ชนะของตัวเองและฝ่ายเดียวกัน
ผลคือ
(๑) คะแนนของตัวเองได้น้อย
(๒) ไปตัดฐานคะแนนของฝ่ายเดียวกัน
(๓) และเกิดความขัดแย้ง และตอบโต้กันเอง ทำให้เกิดภาพไม่ดี และผลเสียต่อตนเอง
๖.การตอบรับของประชาชนผู้เลือก
ในส่วนนี้ ต้องนำความเห็นเชิงสรุปของนักวิชาการที่มีบทบาทในสังคมหลายคนที่ให้ข้อสรุปว่า “ประชาชนไทยขาดคุณภาพ เพราะระบบไม่เอื้อ และการตื่นตัวของประชาชนมีน้อย” ทำให้ประชาชนส่วนไม่น้อย อยู่ในกระแสของการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง และไปลงคะแนนเฉพาะหน้ามากกว่า การคิดคำนึงถึงอนาคตและประชาชน ที่ขาดคุณภาพ อารมณ์จะแกว่งไปมา ตามสถานการณ์ จากสนับสนุนมาก จะกลายมาเป็นคัดค้านแรง หากมีอะไรไม่ถูกใจฯ
l บทบาทของฝ่ายสำคัญต่างๆ ที่แสดงออกในการเลือกตั้งครั้งนี้
1.ผู้นำ นักการเมือง
2.นักวิชาการ
3.สื่อ สังคมออนไลน์
4.กลุ่มทุน
5.ฝ่ายแดง
6.ฝ่ายเหลือง
7.ภาคประชาชน
8.รัฐบาล
จะไม่ลงลึกไปในรายละเอียด แต่สรุปได้ว่า ฝ่ายผู้ชนะ รวมทั้งเสนาธิการ การกำหนดนโยบายเชิงรุก ทุน ทีมงาน สื่อ นักวิชาการและมวลชน ฯลฯ มีความเหนือกว่ามาก ขณะที่ฝ่ายหนึ่ง มองไปยังอนาคต แต่อีกฝ่ายหนึ่ง มองปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก นี่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่จะต้องถูกพิจารณาในการดำเนินการทางการเมืองต่อไป
l ปัจจัยสำคัญ คือ ลักษณะที่ต่างกัน ระหว่าง ฝ่ายแดง และฝ่ายเหลือง ของสังคมไทย
๑.ฝ่ายแดง ออกจะมีลักษณะในเชิงอุดมการณ์ ที่ยึดมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง ย้ายค่าย
๒.ฝ่ายเหลือง ขาดอุดมคติทางการเมือง จะยึดหลักการเป็นนามธรรม ไม่เข้าใจ ระบบและโครงสร้างการเมืองของสังคมไทยอย่างแท้จริง จะใช้อารมณ์ความรู้สึก ตามความเข้าใจของตนและพวกพ้อง คล้อยไปตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงฯ
l บทเรียนที่ฝ่ายต่างๆ และประชาชน ควรได้สรุปบทเรียน
๑.ทำไม คะแนนของผู้สมัครนำ อีก ๖ คน จึงมีคะแนนน้อย ผิดคาด
ทั้ง สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สกลธี ภัททิยกุล พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รสนา โตสิตระกูล นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารีโดยเฉพาะ ๒ คนสุดท้ายที่คะแนนออกมาน้อยมาก ไม่ถึงแสนคะแนน
๒.การตัดสินเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.(และ สก.) มีปัจจัย หรือหลักคิดอะไร
มีการแสวงหาข้อมูลที่ถูกต้อง และมีการตรวจสอบข้อมูล ก่อนลงคะแนนไหม
l การติดตามผลงาน และการกระทำของผู้ว่าฯกทม.จะเป็นคำตอบ ถึงความเป็นอิสระจริงหรือไม่
๑.การให้โอกาส ผู้ว่าฯกทม. แถลงนโยบาย การแต่งตั้งรองผู้ว่าฯกทม. และการทำงานฯ
๒.อย่ารีบตัดสินใจออกมาคัดค้าน หรือสนับสนุน ควรจะรอดูผลงานออกมาก่อนฯ โดยเฉพาะ “น่าห่วงมาก” กรณีมีผู้นำบางกลุ่ม ออกมายกย่อง “ทุกเรื่อง” เกี่ยวกับผู้ชนะ
ขอให้ ทุกคนทุกฝ่าย “ใช้สติปัญญา ความจริง” พิจารณาอย่างมีเหตุมีผล ทั้งข้อดีและข้ออ่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี