แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn
ทุกอย่างที่ท่านทำมานี้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และก็พูดกันตรงๆ ว่าท่านก็ได้ทำประโยชน์กับประเทศชาติ ตอนนี้ก็คงจะเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องการคนรักชาติ ต้องการคนรักสถาบันฯ แล้วก็ประสบการณ์ใดๆ ที่ทำมา หรืองานที่ผ่านมาเอามาใช้ประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองได้ แล้วก็สามารถที่จะสอนเด็กๆ รุ่นใหม่ถึงประสบการณ์ที่ตนเองได้มีมาเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่เข้าเฝ้าฯเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน จังหวัดสกลนคร วันที่ 15 ตุลาคม 2564)...
nnขอเชิญร่วมเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และร่วมทำบุญในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี พ.ศ. 2565 ณ วัดไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง วันที่ 15 ตุลาคม 2565 เวลาบ่าย (เวลาเสด็จพระราชดำเนินที่ชัดเจนจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป)ผ้าพระกฐินพระราชทานองค์นี้ ทรงพระกรุณาฯ ให้ ดร.นฎาประไพ สุจริตกุล ภริยาของ ยศ เอื้อชูเกียรติ รับหน้าที่ดำเนินการ และในโอกาสนี้จึงขออนุญาตเรียนแจ้งเพื่อบอกบุญมายังทุกท่าน เพื่อจะได้ร่วมกันทำบุญทำกุศลในโอกาสนี้...
nnประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าสบายใจเมื่อผ่านพ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และขอบคุณทุกคะแนนที่มอบให้ พร้อมทั้งบอกว่านี่คือระบอบประชาธิปไตยตามระบบรัฐสภา เมื่อนายกรัฐมนตรีถูกสื่อมวลชนถามว่าจะปรับอนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ เพราะได้รับเสียงสนับสนุนน้อย ประยุทธ์ก็ถามกลับว่า ได้คะแนนน้อย แล้วผ่านหรือไม่ ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น ตอบว่า ยังไม่ได้คิดอะไรในขณะนี้ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ส่วนประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อฯ ว่าเรื่องจะไปนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยนั้น แล้วแต่นายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่องไลน์แจกเงิน สส. บางกลุ่มนั้น ก็ตอบแบบเดิมว่า ใครพูดเรื่องนี้ก็ไปถามคนพูดเอาเอง ตนเองไม่รู้เรื่อง...
nn จบสิ้น สิ้นสุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ครั้งสุดท้ายของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสมัยนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม แล้วลงมติไปเมื่อช่วงสายวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม ขอเรียนแจ้งผลการลงมติให้รับทราบกันอีกครั้ง เพื่อให้รับรู้กันชัดๆ ไปเลยว่า รัฐมนตรีทุกรายที่ถูกอภิปรายฯ ยังคงอยู่รอดปลอดภัยดี แม้บางรายจะได้คะแนนสนับสนุนน้อยกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายก็คือไม่มีใครถูกคว่ำจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจถูกมองว่าเป็นเพียงปาหี่การเมืองเท่านั้น...
nn คะแนนที่รัฐมนตรีแต่ละคนได้รับมีดังนี้ (จากจำนวน สส. ที่ลงมติทั้งหมด 470-472 คน) ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ 268 คะแนน ถือว่ามีคะแนนนำโด่งมาเลย ตามมาด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ 264 คะแนน ตามมาด้วย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ 262 คะแนน อันดับสี่ คือประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ 256 คะแนน ตามมาด้วย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อสังคม และสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้คะแนนเท่ากันคือ 249 คะแนน ตามมาด้วย นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ 246 คะแนน อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ 245 คะแนน จุติ ไกรกฤษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ 244 คะแนน สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ 243 คะแนน ปิดท้ายด้วย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้คะแนนน้อยที่สุดคือ 241 คะแนน...
nn จะเห็นได้ว่าประวิตร ได้คะแนนไว้วางใจสูงกว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทุกคน นั่นแสดงให้เห็นชัดๆ ว่าบารมีของประวิตรในสภายังมีอยู่ในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญสูงกว่าคะแนนที่นายกรัฐมนตรีได้รับถึง 12 เสียง มีคำถามว่าทำไมประวิตรจึงได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าประยุทธ์ ก็ตอบตรงๆ ว่าบารมีการเมืองของประวิตรในสภามีสูงกว่าประยุทธ์ ดังนั้นจึงทำให้คอการเมืองไทยตอบได้ตรงกันว่า ไม่ว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีอีกกี่ครั้งก็ตาม ชื่อของประวิตรก็ไม่มีวันหลุดจากคณะรัฐมนตรี แล้วการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ชื่อประวิตรจะต้องไปอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยก็เป็นได้ เพราะประยุทธ์ต้องอาศัยบารมีการเมืองของประวิตรในการทำศึกเลือกตั้ง สส. ในครั้งหน้า...
nn เป็นความจริงที่คอการเมืองไทยรับรู้โดยทั่วกันคือ การอภิปรายฯ ครั้งนี้ (รวมถึงทุกครั้งด้วย) มีการ lobby กันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชเพื่อให้ผู้ถูกอภิปรายฯ แต่ละคนได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส. ในสภา โดยเฉพาะเหล่า สส. จำพวกลิงที่ชอบกินกล้วยแจกฟรี ไม่แค่เพียงผู้ถูกอภิปรายฯ จะพยายาม lobby อย่างหนักเท่านั้น แต่ก็พบด้วยว่าบรรดา สส. จำพวกลิงรักกล้วย ต่างก็วิ่งหากล้วยกันจนตีนพลิกฝุ่นตลบ เพราะรู้ว่านี่คือโอกาสทองในการเก็บกล้วยเข้ากระเป๋า เนื่องจากไม่แน่ใจว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า สส. จำพวกลิงรักกล้วยจะมีโอกาสเข้าไปหากล้วยฟรีกินในสภาอีกหรือไม่ เพราะตอนนี้เกมการเมืองที่ว่าด้วยการหาร 100 และหารด้วย 500 ยังดูจะยังไม่สะเด็ดน้ำ...
nn เป็นความจริงที่ว่า รัฐมนตรีก็อยากอยู่ในตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ เพราะเป็นรัฐมนตรีแล้วมันดีหลายอย่าง ดีทั้งเรื่องสถานภาพและเรื่องการเงินการทอง เมื่อรัฐมนตรีไม่อยากเสียตำแหน่ง ก็ต้องยอมให้กล้วยกับลิง เกมการเมืองแบบนี้ เป็นการสมประโยชน์ทั้งลิงหิวกล้วย กับรัฐมนตรีที่ไม่ต้องการกระเด็นตกเก้าอี้แห่งอำนาจและผลประโยชน์...
nn หลังจากพลาดหวังในการเชือดรัฐมนตรีด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ทำให้ ธรรมนัสพรหมเผ่า จากพรรคเศรษฐกิจไทย ที่เคยพูดไว้ว่า ผมนั้นเปรียบเหมือนคนเลี้ยงลิง ก็ต้องเอากล้วยให้ลิงกินอยู่ตลอดเวลา แต่มาบัดนี้ ธรรมนัสก็มีคำพูดใหม่ออกมาอีก หลังจากพบว่าตนเองถูกเทแบบไม่ไยดี (เทแปลว่าทอดทิ้ง) โดยพรรคการเมืองเล็กๆ คำพูดล่าสุดหลังธรรมนัสถูกเทคือ ผมทำการเมืองไม่ชอบเป็นโสเภณีการเมือง เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการจงใจปล่อยให้ไลน์หลุดออกมา โดยในไลน์มีการระบุชื่อ สกุล หน้าตาของ สส. จำพวกลิงรับกล้วย ที่รับเป็นประจำรายเดือน เดือนละ 1 แสนบาท เรื่องนี้คนวงในกลุ่มลิงรับกล้วยบอกว่า เกิดขึ้นที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และบอกอีกว่าประวิตรรู้เรื่องนี้ดีแล้วก็ยังบอกอีกว่าธรรมนัสก็รู้เรื่องนี้ดีด้วย พร้อมๆ กับมีเสียงย้ำว่า ธรรมนัสต้องไม่ลืมตัวว่าเคยได้รับมอบหมายจากประวิตรให้ดูแลพรรคเล็กๆ เพราะพรรคเล็กๆ มีค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่พบปะประชาชน แล้วขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามเล็กๆ ว่า ธรรมนัสอย่าเพิ่งห้าวมากนัก อายุยังน้อย ยังมีอนาคตการเมือง หากใช้วิธีไม่น่ารักกับคนอื่นๆ ขอถามว่า แล้วใครเขาจะเข้าไปข้องเกี่ยวทางการเมืองด้วย พร้อมกับมีเสียงบ่นว่า ธรรมนัสชอบใช้วิธีหักหาญน้ำใจคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเสมอมา...
nn สรุปว่า เกมการเมืองเรื่องนี้เป็นการชกกันคนละหมัดระหว่างลิงที่รับกล้วยกับธรรมนัส ผู้ที่เคยบอกว่าตนเองเป็นคนเลี้ยงลิง ต้องแจกกล้วยลิง แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าการแฉกันไปกันมาแบบนี้ คนที่น่าจะก้นร้อนนั่งไม่ติดเก้าอี้คือประวิตร เจ้าของสวนกล้วย...nn เรื่องสนุกแบบแสบๆ คันๆ ภายในพรรคเศรษฐกิจไทยของธรรมนัสที่หลายคนเห็นแล้วขำกลิ้งคือ การที่ สส. ของพรรคนี้จำนวนสี่คนลงมติสนับสนุนประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการอภิปรายฯ ครั้งล่าสุด เรื่องนี้ทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยต้องเรียกตัว สส. ของพรรคฯ ที่แหกมติพรรคฯ ไปสอบถามก่อนจะพิจารณาลงโทษต่อไป คืออาจถูกภาคทัณฑ์ หรือหนักสุดคือถูกขับออกจากพรรค แต่ถามจริงๆ เถอะ ใครจะกลัวการถูกขับออกจากพรรค เพราะถูกขับก็หาพรรคใหม่ได้โดยไม่ยาก แน่จริงขับออกจากพรรคให้ไวเลยก็แล้วกัน จะได้ไปอยู่พรรคใหม่...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี