กองสลากพลัส เงินสะพัด...
ที่ผ่านมา ได้หว่านเงินไปในหลายวงการ โดยเฉพาะการโฆษณา สร้างภาพลักษณ์ การตลาด การประชาสัมพันธ์
จ้างดารา คนดัง สื่อออนไลน์ อินฟลูฯ และอื่นๆ
หน่วยงานรัฐเกียร์ว่าง เล่นปาหี่ ไม่จัดการจริงจัง จนได้ใจ ลำพองใจ
ดำเนินกิจการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในราคาแพงกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยอ้างว่าขายบวกค่าดำเนินการรวบรวมสลากด้วย และยังปรากฏเส้นทางเงินจากขบวนการฟอกเงินโอนเข้าบัญชีผู้บริหารอีกจำนวนหลายล้านบาท
กระทั่งล่าสุด หน่วยงานรัฐต้องขยับ เมื่อนายกฯ บัญชาการ บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
เที่ยวนี้ ถ้าเอาจริง ไม่ปาหี่เหมือนที่ผ่านมา ดูท่าจะรอดยาก
หลังจากนี้ ใครยังเข้าไปเกี่ยวข้อง รับเงินรับทอง หรือรับถ่ายโอนเงิน ก็อาจจะซวยไปด้วย
1. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับสถานีข่าวท็อปนิวส์ ระบุว่า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจค้นเก็บข้อมูลกองสลากพลัส อาทิ ชุดสืบสวน บช.น.,บก.ปคบ.,สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล, ปปง., สคบ., กรมสรรพากร ฯลฯ ได้มีการประชุมหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบหลักฐาน ว่าเข้าข่ายความผิดของกฎหมายในแต่ละหน่วยงานใด อย่างไรบ้าง
แนวทางหลังจากนี้ จะเห็นการดำเนินการของแต่ละหน่วยงาน อาทิ
การเอาผิดฐานขายสลากเกินราคา เมื่อกองสลากพลัสยังขายสลากเกินราคา งวดละหลายล้านใบต่อไป จะดำเนินคดีตามแนวทางที่จัดการกับการพนันออนไลน์ คือ ไม่ต้องรอให้ผู้ซื้อแต่ละใบมาเป็นเจ้าทุกข์ เพราะแพลตฟอร์มมีหลักฐานอยู่แล้ว คือ คนซื้อจะมีการลงทะเบียน และโอนเงินซื้อผ่านบัญชีบริษัท เราก็ตรวจสอบได้ง่าย ชัดเจน เป็นธรรม เพราะปรากฏยอดโอนเงินเกินราคา 80 บาทอยู่แล้ว มีการโอนจากใคร กี่ครั้งครั้งละกี่บาท ซื้อกี่ใบ ฯลฯ เพียงแต่รวบรวมหลักฐานทางการเงิน แล้วนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป
2. จับตาคดีฟอกเงิน หลังรัฐมนตรียุติธรรมปลดอธิบดีดีเอสไอ
จับตามองว่า การดำเนินคดีของดีเอสไอ หลังจากตรวจสอบเส้นทางการเงินพัวพันกับขบวนการฟอกเงิน (แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหาสอบในฐานะพยานก่อน)
“นอท กองสลากพลัส” ปฏิเสธตลอดมา ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน
แต่ดีเอสไอ ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกว่า มีเส้นทางการเงินจากทุนสีเทาดำ ไหลเข้าสู่บัญชีของนอท กองสลากพลัส เป็นเหตุให้ต้องเรียกมาชี้แจง จำนวนเงินรวมนับพันล้านบาท
นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยเองว่า มีเงินจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายจำนวน 53 ล้านบาท จากบุคคลที่เป็นผู้ต้องหาในขบวนการฟอกเงิน
และดีเอสไอยังได้สืบสวนคดีพิเศษอีก 1 คดี คือ คดีพิเศษที่ 6/66 ตรวจสอบเส้นทางการเงินจำนวน 39 รายการ รวมเป็นเงินพันล้านบาท พบว่า มีการโอนเข้ามาในบัญชีของนายพันธ์ธวัช เป็นเงินจากกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าตัวจะต้องชี้แจงเส้นทางการเงินภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ พร้อมย้ำว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะดำเนินคดีต่อไป
ล่าสุด เมื่อวานนี้เอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ลงนามในคำสั่งลงวันที่ 18 ม.ค.2566 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ราชการและรักษาราชการแทน โดยให้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ระบุแต่เพียงว่า เพื่อให้การบริหารงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่เหมาะสมกับภารกิจในความรับผิดชอบของส่วนราชการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของทางราชการ
นับเป็นการโยกย้ายแบบฟ้าผ่า!!!
สังคมยิ่งต้องจับตามองว่า การตรวจสอบดำเนินคดีในหลายๆ เรื่องที่กำลังเข้าข้นนั้น จะเดินหน้าต่ออย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือจะเกียร์ว่าง ออกทะเล เหลวเป๋ว เย้ยนโยบายและกฎหมายบ้านเมืองต่อไป
3. สมาชิกวุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แสดงข้อคิดความเห็นไว้อย่างแหลมคม น่าสนใจ
ว่าด้วยเรื่อง “เปิดปฏิบัติการแล้วต้องจัดให้จบ #หวยเถื่อนออนไลน์ #ขบวนการฟอกเงิน” ระบุว่า
ฝากข้อเสนอผ่านไปยังนายกฯลุงตู่และผู้เกี่ยวข้องในการจัดการปราบปรามแพลตฟอร์มหวยเถื่อนออนไลน์ ดังนี้
1) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต้องเป็นผู้เสียหายแทนรัฐแจ้งความดำเนินคดีข้อหาขายเกินราคาทั้ง 11 ล้านใบ ต่างกรรมต่างวาระ เพราะ
หลักฐานการขายทุกธุรกรรมมันชัดเจนว่าเกินราคาทุกธุรกรรม ขาย 11 ล้านใบ 8 ล้านครั้ง ต้องดำเนินคดีปรับ 10,000 บาททุกคดี
ย้ำว่า ความผิด 8 ล้านธุรกรรม ธุรกรรมละ 10,000 บาท ปรับ 8 หมื่นล้านครับ
ไม่ใช่ปรับ 1 ใบ แบบที่เคยปาหี่ศรีธนญชัยเลี่ยงบาลีกฎหมายกันแบบเดิม #อย่าปาหี่เลี่ยงบาลีกฎหมาย
2) สำนักงานสลากฯ ต้องตัดโควตาสลากทั้ง 11 ล้านใบที่ถูกขายต่อ ทุกโควตาทั้งที่เป็นสมาคม มูลนิธิและรายย่อยทั้งหมดทันที และห้ามขอรับโควตาสลากอีก #ตัดโควตาขึ้นบัญชีดำ
3) นำสลากที่ตัดโควตา 11 ล้านใบจัดสรรให้กับรายย่อยแบบมีเงื่อนไขห้ามขายส่งต่อและหากพบขายต่อตัดโควตาและ ขึ้น blacklist ทุกกรณี #จัดสรรรายย่อยใหม่
4) คณะกรรมการสลากฯ ต้องอนุมัติเปิดช่องทางเพิ่มการฝากขายสลาก 80 บาท บนแพลตฟอร์มของสำนักงานสลากเฉพาะกิจเป็น 30-40 ล้านใบ
เพิ่มโอกาสฝากขายให้รายย่อยอีก เพื่อให้คุมราคาขายไม่เกิน 80 บาทได้จริง #ขยายช่องทางสลาก 80 บาท
5) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องใช้กฎหมายตามพ.ร.บ. ปปง. 28 มูลฐานความผิดกับแพลตฟอร์มหวยเถื่อนออนไลน์ เพื่อปราบปรามการฟอกเงินที่มาจากบ่อนกาสิโน พนันออนไลน์ เจ้ามือหวย ยาเสพติด ฯลฯ ที่ใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน อย่างจริงจังมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะรัฐเสียหายเป็นอาญาแผ่นดินที่ปปง.มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายอยู่ #อย่าเกียร์ว่าง
6) กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ต้องเป็นแม่งานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บูรณาการปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดกับทุกแพลตฟอร์มหวยเถื่อนออนไลน์และขบวนการฟอกเงินอาชญากรรมเหล่านี้ #อย่าให้ใครเคลียร์
7) กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม(DES) ต้องทำหน้าที่เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ขอคำสั่งศาลปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์และทุกแพลตฟอร์มหวยออนไลน์เถื่อนและประสานจนท.ตร.ดำเนินคดี #ผิดทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และพ.ร.บ.การพนัน...”
4. ถึงเวลากอบกู้ศักดิ์ศรีของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เรียกคืนความเชื่อมั่นศรัทธาของสังคม เพื่อให้พ้นครหาหลับหูหลับตารับใช้นายทุนฟอกเงินหวยเถื่อนออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย
ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน
ข้าราชการ ไม่ใช่ขี้ข้านายทุนฟอกเงิน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี