@ การติดตาม สถานการณ์การเลือกตั้งที่ถูกต้อง ด้วยสติปัญญา ความจริง : เพื่อบ้านเมือง
ต้องอาศัยหลักคิดที่ถูกต้อง สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เป็นจริงของสังคมไทยในปัจจุบัน
1.หลักคิด
๑.การยึดและเข้าใจ รัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ ที่ กำหนดการเลือกตั้งทั่วไป
๒.ระเบียบ กกต. เกี่ยวกับ การเลือกตั้งทั่วไป
๓.บทบาทสำคัญของพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านที่จักสามารถสร้างการยอมรับ และการสร้างกระแสให้ประชาชนมาหนุนพรรคฯ
๔.ระบบและโครงสร้างการเมืองของประเทศที่เหลื่อมล้ำไม่เสมอภาคเป็นธรรมมีส่วนสำคัญ ในการเอื้อ ให้แก่ พรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่มีกลไกครบเงินทุนก้อนใหญ่ ทีมหาเสียง สื่อนักวิชาการ ข้าราชการ มวลชน
๕.ประชาชนส่วนใหญ่ ยังขาดคุณภาพ ในการคิดและแสวงหาข้อมูลได้ด้วยตนเองยังขาดความอิสระ ที่จะพึ่งพาตนเองได้แต่ประชาชนส่วนน้อย ที่มีวุฒิภาวะ มีคุณภาพฯ มักจะอยู่ในเมืองเป็นหลัก
๖.นักการเมืองและพรรคการเมือง ยังด้อยคุณภาพระบบการเลือกตั้ง ยังไม่สุจริตเที่ยงธรรม และกระบวนการยุติธรรมในการตัดสินและลงโทษนักเลือกตั้งและพรรคการเมือง ยังล่าช้าไม่ทันกาล
๗.สัดส่วนประชากรเปลี่ยนไปมาก คนสูงอายุมีมาก และคนเยาวชน หนุ่มสาวที่สัดส่วนลดลง
๘.คนหนุ่มสาวที่มีทัศนคติค่อนข้างรุนแรง (ตามพรรคก้าวไกล)มีสัดส่วนน้อยในหมู่คนหนุ่มสาว
๙.แนวคิดของผู้เลือกตั้ง จะเน้นอะไรเป็นหลัก
(๑) ผู้ที่จะมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี
(๒) พรรคการเมือง ที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล
๑๐.ปัจจัยสำคัญในการลงคะแนนเลือกตั้ง ในระบบและโครงสร้างเช่นนี้ต้องมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอนในการพิจารณา คือปัจจุบัน เรายังไม่มี พรรคการเมือง นักเลือกตั้ง ที่มีคุณภาพ และดีพร้อม
การเลือก ต้องเดินทางสายกลาง พิจารณาจากสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย คือ เลือกพรรคการเมือง และผู้สมัครนายกรัฐมนตรี ที่ดีกว่า พรรคการเมืองอื่นๆ แล้ว ให้โอกาส ในการทำงาน พัฒนาปฏิรูปประเทศต่อไปเราจึงต้องพิจารณา ด้วยสติปัญญา ความจริง ของสังคมไทยให้ถูกต้องเกิดประโยชน์จริง
เป็นความจำเป็นของสังคมไทย ที่ต้องการ “พรรคการเมืองและคนที่ดีกว่า” มาทำหน้าที่
2.แนวทาง
๑. การได้มา ซึ่งการเป็นผู้แทนเขต และบัญชีรายชื่อของประเทศไทยของพรรคต่างๆ
๒. การรณรงค์หาเสียง รวมทั้งวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้เป็นสส.เขต และคะแนนบัญชีรายชื่อ
๓. แนวคิดในการใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง(มีความหลากหลาย) และการเลือกจะยากขึ้น เพราะในกลุ่มที่มีความคิด
แบบ ๑ : เน้นความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
แบบ ๒ : เน้นผลประโยชน์ของเจ้าของพรรคและอุดมการณ์ ไม่ให้ความสำคัญต่อสถาบันหลักจะแบ่งกันเป็นหลายพรรค
3.เหตุปัจจัยใหญ่ที่มีผลต่อการเลือกตั้ง
๑. ผลงานของพรรครัฐบาล - พรรคฝ่ายค้าน
พรรคร่วมรัฐบาล มีความได้เปรียบค่อนข้างมาก ในฐานะได้เป็นรัฐบาลมาเกือบครบ ๔ ปี พรรคร่วมฝ่ายค้าน เสียเปรียบเพราะไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม ในรอบ ๔ ปีที่ผ่านมา
๒. กระแสความคิดของประชาชนส่วนใหญ่
(๑) ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ความคิด เคารพในสถาบันหลักของชาติและรัฐธรรมนูญ และได้เห็นผลงานของรัฐบาล ที่แตะต้องได้ในหลายเรื่องที่สำคัญรวมทั้งการที่ประเทศไทย ได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ (สากล) เช่น การรักษาและป้องกัน การระบาดของ “โควิด-19” รวมทั้งงานด้านการสาธารณสุขระดับประเทศและพื้นที่ มาตรการด้านการเงินการคลังของประเทศ นโยบายด้านการต่างประเทศ ที่มีลักษณะเป็นตัวของตนเอง ก่อประโยชน์แก่ประชาชนไทย
ฯลฯ
(๒) ผิดกับทางพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่มีข้อผิดพลาดใหญ่ อย่างน้อย ๓ ประการ
หนึ่ง เจ้าของพรรค คิดและทำ เรื่องต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ของตน ครอบครัวและพวกพ้อง
สอง มีพฤติกรรม ในการใช้อำนาจและบทบาทมิชอบการโกหก นำเสนอข่าวเท็จ Fake News บิดเบือนหลอกลวงประชาชน
สาม มีการกระทำด้วยตนเองและสนันสนุน “คนบางกลุ่ม” มาชุมนุมการต่อต้านคัดค้านและจาบจ้วงต่อสถาบันที่เป็นหลักชัยของประชาชน
(๓) การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง มิได้นำเสนอแนวคิดสร้างสรรค์ สามัคคี แต่เป็นการสร้างความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวกโดยรูปแบบ แนวทาง วิธีการต่างๆ ที่มิใช่ประชาธิปไตยเพื่อคนส่วนใหญ่
๓.การถูกยุบพรรค
มีโอกาสไม่น้อย ที่พรรคการเมืองส่วนหนึ่ง ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจะถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรคข้อหาที่ถูกยุบพรรค(ถ้าพิจารณาจากการยุบพรรคที่ผ่านมา) จะเป็นกรณีไม่ใหญ่นักแต่มีหลักฐานความผิดที่ชัดเจน
๔.การสร้างกระแสใหญ่ทางการเมืองของพรรคการเมืองบางส่วน
ที่สามารถพัฒนาไปถึงจุดแตกหัก หรือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสังคม ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีแรงมากพอจะต้องติดตามดูกันต่อไป อย่ากะพริบตา
๕.บทบาทและอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจ ที่จะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งประเทศไทย เพราะประเทศไทย เป็นประเทศที่มีศักยภาพและบทบาทสูงไม่น้อยในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ
lไทม์ไลน์เลือกตั้ง ของ กกต.ในการเลือกตั้วทั่วไปครั้งนี้ ปี 2566
-20 มี.ค. : พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้
-21 มี.ค. : กกต. ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
-25 มี.ค.-9 เม.ย. : วันลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต/นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร
-3-7 เม.ย. : วันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
-4-7 เม.ย. : วันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
-3 พ.ค. : วันสุดท้ายเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
-7-13 และ 15-21 พ.ค. : วันแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
-7 พ.ค. : วันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตเลือกตั้ง และวันลงคะแนน ณ ที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ
-14 พ.ค. : วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
lกกต. กำหนด “ค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้ง” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการ “เลือกตั้ง 66”
๑. ผู้สมัครแต่ละคน : ต้องใช้จ่าย ไม่เกิน 1,900,000 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนบาทถ้วน)
๒. พรรคการเมืองแต่ละพรรค : ต้องใช้จ่าย ไม่เกิน 44,000,000 บาท (สี่สิบสี่ล้านบาทถ้วน)
lเลือกตั้ง 2566 : ใคร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 30 จากพรรคการเมืองที่มีโอกาส
๑. พรรครวมไทยสร้างชาติ No. 22
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
๒. พรรคพลังประชารัฐ No. 37
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
๓. พรรคภูมิใจไทย No. 7
อนุทิน ชาญวีรกูล
๔. พรรคประชาธิปัตย์ No. 26
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
๕. พรรคชาติพัฒนากล้า No. 14
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
กรณ์ จาติกวณิช
เทวัญ ลิปตพัลลภ
๖. พรรคชาติไทยพัฒนา No. 18
วราวุธ ศิลปอาชา
๗. พรรคเพื่อไทย No. 29
แพทองธาร ชินวัตร
เศรษฐา ทวีสิน
ชัยเกษม นิติสิริ
๘. พรรคไทยสร้างไทย No. 32
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
สุพันธุ์ มงคลสุธี
น.ต.ศิธา ทิวารี
๙. พรรคก้าวไกล No. 31
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี