ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 29 คนส่วนนายกรัฐมนตรีรักษาการไม่นำมาคิด และไม่ขอพูดถึงในที่นี้ เพราะแค่พูดถึงนายกรัฐมนตรีทั้ง 29 คนก็ทำให้หลายคนถึงกับส่ายหัวจนคล้ายคนมีอาการบ้านหมุนไปแล้ว
นายกรัฐมนตรีที่ผ่านๆ มา รวมถึงรายล่าสุดเป็นใคร มีหน้าตา ตัวตนเช่นไร คอการเมืองไทยต่างรู้ดีแต่คนที่ไม่สนใจเรื่องการเมืองไทย ก็ไม่น่าจะจดจำได้ เพราะไม่เคยสนใจ เมื่อไม่สนใจก็ไม่จดไม่จำ
คอการเมืองไทยรู้ดีว่า การขึ้นสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่ละคน มีความเป็นมาอย่างไร มาจากการเลือกตั้ง มาจากการแต่งตั้ง มาจากการทำรัฐประหาร หรือมาจากการเป็นหุ่นกระบอก หุ่นเชิด หุ่นชัก ของเจ้าของพรรคการเมืองบางราย
อดีตของนายกรัฐมนตรีไทย เป็นเรื่องที่น่าศึกษา น่าเรียนรู้ เพราะมันสามารถสื่อสะท้อนได้ว่าสังคมไทยเป็นเช่นไร จึงเรียกได้ว่านายกรัฐมนตรีเป็นกระจกสะท้อนสภาพสังคมไทยได้ค่อนข้างดี
ในยุคที่คนทำรัฐประหารแล้วได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บ้านเมืองก็จะมีสภาพแบบหนึ่งที่แตกต่างไปจากยุคที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ส่วนจะมาจากการโกงเลือกตั้งหรือไม่ ก็ต้องไปวิเคราะห์กันอีกทีหนึ่ง เพราะการโกงเลือกตั้งในเมืองไทยมีความลึกลับ เร้นลับ และซับซ้อนมาก มากชนิดที่ว่าโกงอย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถจับโกงได้
ในอดีตนั้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นตำแหน่งที่ใครๆ ทั่วไป เข้าไปถึง เข้าไปครองได้ยากเย็นมาก เพราะมีกระบวนการที่สลับซับซ้อนและซ่อนเงื่อนมากมาย ตั้งมีทั้งอำนาจสารพัดชนิดที่จะผลักและดันให้คนคนหนึ่งขึ้นไปนั่งกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
แต่ทว่าในยุคที่ผ่านมาประมาณ 2 ทศวรรษ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย กลายเป็นตำแหน่งที่ถูกมองว่า ใครๆ ก็สามารถเป็นได้ พ่อค้ารับเหมาก่อสร้าง หรืออาเจ๊ที่มีพี่ชายเป็นเจ้าของพรรคใหญ่มีเงินทุนหนา ก็สามารถคว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปรองก้นได้ โดยไม่มีอะไรยากเย็น
เมื่อนายกรัฐมนตรีไทยเป็นตำแหน่งที่ใครๆ ก็เป็นได้ ก็จึงเกิดกระแส ฉันอยากเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง ส่วนรายที่เคยเป็นแล้ว ก็ยังทุรนทุราย และกระเสือกกระสนจะกลับมาเป็นอีก เนื่องจากติดใจในรสชาติหวานหอม และผลประโยชน์มหาศาลของการได้กินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้บางคนอุตส่าห์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทว่าไม่เคยได้เข้าไปนั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาลเลยแม้แต่วันเดียว ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนบางคนก็เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังอุตส่าห์ตะกายไปรับงานอื่น จนถูกปลดจากตำแหน่ง เรียกได้ว่านายกรัฐมนตรีไทยมีความหลายหลากมากมายเกินบรรยายจริงๆ
เมื่ออ้างอิงจากกฎหมายไทย (รัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด) จะพบว่าได้กำหนดคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีไว้ ดังนี้
ได้รับการแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตาม มาตรา 159
สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 160และเป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็น สส. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวน สส. ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร
ได้คะแนนเสียงรับรองการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีโดยสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร
คะแนนเสียงการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีต้องทำโดยการลงคะแนนอย่างเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ยังมีบทเฉพาะกาล ในมาตรา 272 ว่า ในช่วง 5 ปีแรก ให้ สว. มีอำนาจพิจารณาเลือกบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กำหนดให้ สส. มีสิทธิ์เสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพราะ สส. เป็นผู้ที่ประชาชนเลือกมา
นอกจากนั้นยังต้องมีคุณสมบัติดังนี้
มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีบริบูรณ์
สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่า
นอกจากนั้น ยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดด้วย
เมื่อดูข้อกำหนดคุณสมบัติของการจะได้รับการพิจารณาเป็นนายกร้ฐมนตรีแล้ว หลายคนก็หัวเราะ เพราะความขบขัน แต่ที่ตลกคือเรื่องการกำหนดอายุ และวุฒิการศึกษา จนทำให้มีคำถามว่า คนที่อายุ 31 ปี จะมีความสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือ แล้วทำไมต้องกำหนดว่าต้องจบปริญญาตรี จบปริญญาตรีมีความสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ดีกว่าคนไม่จบปริญญาตรีหรือ แล้วหากได้ปริญญาตรีมาโดยการฉ้อฉลดังที่เห็นกันเกร่อในทุกวันนี้ ยังยอมรับปริญญาตรีนั้นๆ ได้หรือไม่
แต่เอาเถอะ ข้อกำหนดตามกฎหมาย ก็คือข้อกำหนดที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นใช้เป็นเกณฑ์การพิจารณาเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วคุณสมบัติที่ระบุนั้น อาจจะเป็นเพียงแค่หลักการ แต่ในความเป็นจริงมันพิสดารกว่านั้นมากมาย
มีคำถามที่น่าสนใจมาก และน่าจะช่วยกันหาคำตอบว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นใครกันหนอ
คนที่พ่อหนีคดีอาญาจนต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสี
คนทำธุรกิจขายที่อยู่อาศัยที่ถูกใช้เป็นหุ่นเชิด
นักกฎหมายที่ถูกเชิดเป็นหุ่นชัก
คนที่ยืมนาฬิกาหรูของเพื่อนมาตั้งหลายเรือน
คนที่บอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่ดันอยู่มานาน แล้วไม่ปฏิรูปการเมือง
คนที่บอกว่าต้องแก้ มาตรา 112 ต้องล้มเจ้า
คนที่ชูเอาสิ่งเสพติดมาเป็นจุดขาย
เท่าที่เห็นก็มีแค่หน้าของคนพรรค์อย่างว่า ที่หลายคนนึกหน้าออกในขณะนี้เท่านั้น ส่วนหน้าอื่นๆ นั้น นึกไม่ออกเลย
เมื่อนึกได้เท่านี้ก็จึงได้แต่สมเพชตัวเอง และสมเพชประเทศไทยเสียเหลือเกิน ทำไมหนอ คนไทยมีตัวเลือกบุคคลที่จะกระเสือกกระสนไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงเท่านี้ เมืองไทยสิ้นไร้คนดีมีฝีมือมากกว่าที่นึกออกจริงๆ หรือ หรือว่าคนดีๆ เขาปฏิเสธการเป็นนายกรัฐมนตรีไทย เพราะเขากลัวว่าเมื่อเข้าไปเป็นแล้ว เขาจะเสื่อมเสียความดีที่ได้สั่งสมมานาน
ดังนั้น นายกรัฐมนตรีไทยจึงมีตัวเลือกที่แสนจำกัด และแสนน่ากลัว จนบางคนบอกว่า น่าขยะแขยงมากจริงๆ
โอย! วันไปลงคะแนนเลือกตั้ง จะกาช่องไหนดีหนอ หรือจะกาช่อง VOTE NO แต่อย่างไรก็ตามขอร้องเถอะ ไม่ต้องเข็นรถถังออกมาอีกแล้วนะเพราะเสียเวลา เข็นมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากเปลี่ยนตัวดูด ตัวโกง เท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี