วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“คำที่เราเคยบอกว่าสมัยเรายังทนได้ทำไมเด็กสมัยนี้ทนไม่ได้อาจจะต้องมองย้อนกลับไปแล้วก็ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ว่าเราทนได้เพราะเราต้องทนและต้องจำยอมที่จะยอมรับใช่หรือไม่ หรือเรารู้สึกว่ามันไม่กระทบเราเลยจริงๆ”
คำถามชวนคิดจาก ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการบรรยายหัวข้อ “กลไกทางกฎหมายเมื่อมีเหตุความรุนแรง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Teacher Conference “Stop Violence in Schools เยาวชนไทยห่างไกลความรุนแรง ครั้งที่ 2” เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ถึงพ่อแม่ผู้ปกครองมักเปรยๆ กันว่า “รุ่นตัวเองก็เคยเจอมาแบบนี้มาก่อน..แล้วทำไมเด็กสมัยนี้ทนไม่ได้” จนกลายเป็นภาวะ “ช่องว่างระหว่างวัย (Generation Gap)” ที่เด็กกับผู้ใหญ่มีชุดคุณค่าแตกต่างกันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนยุคปัจจุบันมีความรู้สึกถูกกดทับเนื่องจากขาดเครื่องมือที่ทำให้สิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกต้องถูกจัดการ ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) คือช่องทางที่เด็กและเยาวชนยุคปัจจุบันใช้ระบายความรู้สึกของตน ซึ่งต่างจากเด็กและเยาวชนรุ่นก่อนๆ ที่ไม่มีช่องทางนี้ และแม้แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็อาจไม่รู้ว่าบุตรหลานได้ระบายอะไรไปบ้าง อีกทั้งยังมีปรากฏการณ์ห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber) ที่เด็กและเยาวชนซึ่งมีปัญหาแบบเดียวกันได้มารวมตัวพูดคุยกันในสิ่งที่ไม่ถูกต้องจนวันหนึ่งก็ระเบิดออกมา
เมื่อพูดถึงความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ในประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) ได้แก่ “ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย” ตั้งแต่ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย (มีเจตนา) ซึ่งความผิดที่โทษจะหนักขึ้นตามอาการบาดเจ็บ (ตั้งแต่ความผิดลหุโทษ-ยังไม่ถึงกับได้รับอันตราย, ได้รับอันตราย, ได้รับอันตรายสาหัส, ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต) จนถึงความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ความผิดฐานประมาท (ไม่มีเจตนา) เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย (อัตราโทษหนักขึ้นตามความเสียหายที่ผู้ถูกกระทำได้รับ เช่นเดียวกับความผิดฐานทำร้ายร่างกาย) เป็นต้น
“ความผิดเกี่ยวกับเพศ” อาทิ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา, ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่ถึง... ปี(ซึ่งกรณีเด็กอายุไม่ถึง เหตุที่ไม่มีคำว่าข่มขืนเพราะให้ถือเป็นความผิดไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ในขณะที่คำว่าข่มขืนหมายถึงการกระทำที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม), ความผิดฐานกระทำอนาจาร (ยังไม่ถึงขั้นกระทำชำเรา) ไปจนถึงความผิดที่คาบเกี่ยวกับกฎหมายอื่นๆ อาทิ เป็นธุระจัดหาไปเพื่อสนองความใคร่ (คาบเกี่ยวเข้าข่าย พ.ร.บ.ค้ามนุษย์-พ.ร.บ.ค้าประเวณี) การเผยแพร่หรือส่งต่อสื่อลามกผ่านอินเตอร์เนต (คาบเกี่ยวเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) เป็นต้น
“ความผิดต่อชื่อเสียง” อาทิ ความผิดฐานหมิ่นประมาท (สร้างเรื่องเท็จใส่ร้าย), ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า (ด่าทอ) นอกจากนั้นยังมีความผิดอีกหลายฐานในหมวดลหุโทษตาม ป.อาญา อาทิ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ข่มเหงรังแกให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ(ซึ่งการแอบถ่ายภาพบุคคลอื่นแล้วนำไปวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ทำให้บุคคลดังกล่าวได้รับความเสียหายหรือเข้าข่ายคุกคามทางเพศ อาจเข้าข่ายความผิดข้อหานี้ แม้จะอ้างว่าเป็นกลุ่มปิดในพื้นที่ออนไลน์ก็ตาม) ความผิดฐานทารุณกรรมเด็ก เป็นต้น
ประการต่อมา “ความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชนเกิดขึ้นโดยใครได้บ้าง” หากดูจากตัวอย่างที่เป็นข่าว จะมีตั้งแต่เด็กและเยาวชนด้วยกัน เช่น การรังแก (Bully) ไปจนถึงทะเลาะวิวาท-ทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงผู้ใหญ่ อาทิ ครู ที่อาจเริ่มตั้งแต่ชวนนักเรียนคุยเรื่องทางเพศจนอาจนำไปสู่การอนาจารหรือล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน หรือครูใช้กำลังทำร้ายนักเรียน, พ่อแม่ผู้ปกครอง ดังที่มีข่าวแม่พาลูกสาวไปขายบริการทางเพศ อีกทั้งยังถ่ายคลิปวีดีโอไว้ขายด้วย,
บุคคลอื่น เช่น เหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ที่ผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลภายนอกแต่เข้ามาก่อเหตุในสถานศึกษา ไปจนถึงประเด็นที่อาจไม่ค่อยถูกพูดถึงนัก คือกรณีบุตรหลานของผู้กระทำผิดในคดีอาชญากรรม ที่เมื่อปรากฏเป็นข่าว เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้มักได้รับผลกระทบไปด้วย อาทิ อาจไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนเดิมได้อีก
อีกด้านหนึ่ง “ในกรณีของเด็กและเยาวชน มาตรการเยียวยาจะไม่เพียงผู้เสียหายเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเด็กและเยาวชนที่เป็นผู้กระทำผิดด้วย” ซึ่งสังคมอาจมีคำถามว่าในเมื่อเด็กและเยาวชนเหล่านั้นก่อปัญหาแล้วเหตุใดต้องไปช่วยเหลือด้วย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดี อยู่ในการควบคุมของสถานพินิจ วันหนึ่งก็ต้องกลับออกมาสู่สังคมภายนอก หากไม่มีโอกาสให้ได้เปลี่ยนแปลง ถามว่าเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้มีทางเลือกอย่างไรบ้าง
“หลายๆ แห่งพยายามให้การศึกษาตามความสนใจของเด็ก ไม่บังคับว่าต้องมานั่งเรียน ก็คือว่าเขาจะวิเคราะห์เด็กรายบุคคลว่าเด็กคนไหนมีความสนใจด้านอะไรแล้วส่งต่อไปในทางที่เขาสนใจ เพราะฉะนั้นจะมีทางเลือกทางการศึกษา ม.3 หรือทางเลือกของทางวิชาชีพ แล้วก็ไม่ต้องเป็นช่างไม้อย่างเดียว ฉะนั้นกระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ศูนย์ฝึกเขามี” ผศ.ดร.ปารีณา กล่าวถึงบทบาทของสถานพินิจในปัจจุบัน
สำหรับความท้าทายของการดูแลเด็กและเยาวชนในประเทศไทย “แม้จะมีกฎหมายและแนวทางที่วางไว้อย่างดีแต่การบังคับใช้หรือการปฏิบัติจริงยังมีข้อจำกัด” เช่น กรณีเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด ด้านหนึ่งแนวปฏิบัติไม่ต้องการให้เด็กและเยาวชนถูกควบคุมตัวในสถานพินิจโดยไม่จำเป็น ซึ่งทำให้ระยะหลังๆ จำนวนเด็กและเยาวชนถูกควบคุมตัวลดลง จนสถานพินิจสามารถวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางฟื้นฟูและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมแบบเป็นรายบุคคลได้ แต่อีกด้านหนึ่ง เด็กและเยาวชนในกลุ่มที่ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้าสถานพินิจแต่ก็ไม่สามารถอยู่ในระบบการศึกษาได้เช่นกัน คำถามคือแล้วใครจะดูแลเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้
หรือกรณีเด็กและเยาวชนที่ถูกกระทำความรุนแรง แม้จะมีช่องทางดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แต่สิ่งที่ต้องเสริมคือกลไกสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจเพื่อให้กล้าออกไปดำเนินการ รวมถึงการขาดแคลนบุคลากร เช่น กฎหมายให้บทบาทหน้าที่กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการรับช่วงดูแลเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง แต่สัดส่วนของเจ้าหน้าที่ พม. ประจำจังหวัดกับการดูแลเด็กและเยาวชนในจังหวัดไม่สอดคล้องกัน ไปจนถึงเรื่องใหม่ๆ อย่าง “สิทธิที่จะถูกลืม” เพราะในยุคดิจิทัลเรื่องราวของความรุนแรงนั้นยังสามารถถูกค้นหาได้บนโลกออนไลน์ ที่ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ
เหล่านี้เป็นประเด็นที่ “ที่นี่แนวหน้า” หยิบยกมานำเสนอในสัปดาห์นี้ โดยหวังให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมหาทางออกอย่างจริงจังและครอบคลุม ปิดช่องว่างหรือข้อจำกัดต่างๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง!!!

เพื่อไทยฉะเชิงเทรา ดันลูกชาย ‘โจ๊ะ พันธุ์พงศ์’ ลงชิงพื้นที่เขต 2 ฉะเชิงเทรา
ภูมะเขือ-ห้วยตามาเรีย ยังปะทะต่อเนื่อง ทบ.รับแม้ควบคุมพื้นที่ได้หลายจุด แต่ยังมีความเสี่ยง
เผ็ดซี๊ดมาก! ใบเตย อาร์สยาม แปลงโฉมเป็นซานตี้สุดแซ่บ
สะเทือน Scambodia! ทบ.ตัดวงจรแก๊งคอลฯ ตึกหลังคาฟ้า ลวงเหยื่อสูญ 25 ล้าน
ทอ ยันชัด การโจมตีเชิงลึกในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี