“บุคคลแนวหน้า ใน หนังสือพิมพ์แนวหน้า, แนวหน้าออนไลน์สื่ออุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสามย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ ให้สังคมไทยทันเล่ห์ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติ ติ่งแดงด้อมส้มส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสีโกงบ้านกินเมืองฉ้อฉลงบประมาณแผ่นดินอย่างเท่าเทียม”...nn กัปตัน “รัฐนาวานิด 1” ติวเข้ม 17 รัฐมนตรีในสังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งดูแลงานด้านเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ลั่นประโยคต้องห้ามเมื่อลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชาวบ้าน ห้ามสำรอกสำรากเด็ดขาด “ทำไม่ได้” ... เรื่องอะไรที่ทำได้ต้องทำก่อนก้าวข้ามขีดจำกัดงบประมาณ...
nn สัปดาห์หน้า “รัฐนาวานิด 1” จะแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรตามกระบวนการรัฐธรรมนูญก่อนจะรับมอบงานเข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอย่างเป็นทางการ มีเรื่องน่าสนใจที่ “ไม้หน้าสาม” อดเป็นห่วงและต้องขออนุญาตติติงอย่างตรงไปตรงมาในคำแถลงนโยบายก็ดี การพูดเรื่องเศรษฐกิจภาพรวมก็ดี ท่านนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” อุตส่าห์มานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอง ทั้งยังเป็นนักธุรกิจมือพระกาฬในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ย่อมรู้แก่ใจดีว่า เศรษฐกิจของประเทศขณะนี้เป็นอย่างไร และจะเป็นอย่างไรต่อไป หากนักเลงพอใจกว้างสักนิดให้เครดิตรัฐบาล “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นผู้วางรากฐานลดน้ำพรวนดิน จะผลิดอกออกผลมาอย่างที่เห็นที่ทราบก็น่าจะเป็นเรื่องดี เป็นการสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่ ไม่ใช่เรื่องเสียหายเสียเหลี่ยมเสียคมแต่อย่างใด...
nn ในเมื่อ “นักโทษชายเด็ดขาด-ทักษิณ ชินวัตร” ยังถูกยกยอปอปั้นเป็น “เทวดา” โดยท่าน กับเหล่าส่ำสัตว์สมาชิกในพรรคการเมืองท่านยังชื่นชมเชิดชู โจรที่ปล้นประเทศชาติบ้านเมือง กระทำทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเลิศเลอไม่กระดากปากตะขิดตะขวงใจเยี่ยงนั้น กับ “ลุงตู่-ทหารแก่” ที่ปวารณาตัวเป็น “ท้าวมาลีวราช” หย่าศึกสองสีลดความขัดแย้งของชนในชาติของสังคมไทย จนพัฒนามาเป็นรัฐบาลพันธุ์พิเศษก้าวข้ามความขัดแย้งโดยมีท่าน “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นหัวเรือใหญ่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะกระทำในลักษณะนั้นมิใช่หรือ แค่บอกว่า “... รัฐบาลรปภ.ลุงตู่” บริหารราชการแผ่นดินมา 8-9 ปี หลังการรัฐประหารพบว่ารัฐสามารถจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2565 เกินเป้าหมาย 2.566 แสนล้านบาทในขณะที่ 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าประมาณการ 1.25 แสนล้านบาท ดอกผลที่เกิดขึ้นนับต่อจากนี้รัฐบาลจะทำงานด้วยความโปร่งใส ใช้งบประมาณอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย...” ก็น่าจะถือเป็นมารยาทเป็นสุภาพบุรุษการเมืองที่น่ายกย่องเป็นแบบอย่างเป็นไอดอลให้นักการเมือง ให้เยาวชนไทยให้ต้นกล้าที่จะเติบใหญ่ของประเทศในอนาคตมิใช่หรือ...
nn ที่สำคัญใครจะยกจะยออย่างไร “ไม้หน้าสาม” ไม่รู้ แต่สำหรับ “เฮียอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” ถ่างขานั่งทั้ง “รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” น่าจะเป็น “เจ๊กตื่นไฟ” เร่งสร้างผลงานการส่งออกด่วน ก่อนที่ตลาดผลไม้ไทยใน “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ซึ่งเป็นตลาดส่งออก “ทุเรียน” จะป่นปี้ ล่าสุดโดนทางการจีนตีกลับ “ทุเรียนไทย” ผลผลิตจากภาคใต้29 ตู้ จำนวน 300,000 ตัน เพราะพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ทำให้สำนักงานศุลกากรจีนทำหนังสือแจ้งเตือนผ่านทางทูตเกษตรประจำกรุงปักกิ่งให้ตรวจสอบก่อนตีกลับทั้งหมดส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์คุณภาพ“ทุเรียนไทย” เรื่องเยี่ยงนี้ปล่อยผ่านไปแบบเงียบๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ รู้แก่ใจดีว่าในปี 2565 “เวียดนามมีผลผลิต 642,600 ตัน มาเลเซีย 448,000 ตัน, อินโดนีเซีย 1,370,000 ตัน ขณะที่ไทยมีผลผิลตราว 1,200,000 ตัน” โดยที่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนไทยมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 1 ใน 4 ของราคาขาย ขณะที่เวียดนามมีต้นทุนอยู่ที่ 1 ใน 5 ของราคาขาย ...“ทุเรียนมูซานคิง” ของมาเลเซียสามารถขายในราคาที่สูงกว่าทุเรียนหมอนทองจากไทยถึง 4 เท่า โดยที่ปี 2565 จีนนำเข้า “ทุเรียนไทย” จำนวน 825,000 ตัน มูลค่า 4,030 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.33 แสนล้านบาท ไม่ใช่แค่ “เฮียอ้วน-ภูมิธรรม” ที่ต้องลงมาใส่ใจเรื่องนี้ “ลูกชาวนาพ่อค้าแป้ง”อย่าง “ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่ตะเกียกตะกายจนได้มานั่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” อย่ามัวแต่ดูแลมันสำปะหลังเพื่อค้าแป้งเพียงอย่างเดียวสมควรที่จะสั่งการให้ “กรมวิชาการเกษตร”หามาตรการป้องกันความมักง่ายของล้งทุเรียนไทยส่งออกผลผลิตที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะกระทบการส่งออกผลผลิต “ทุเรียนไทย” โดยรวม ยิ่งเวียดนามรุกคืบ นำสินค้าเกษตรหลายชนิดของเวียดนามส่งออกไปยังจีนได้ ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน กล้วยหอม เสาวรส มันเทศ และรังนก พร้อมกระชับความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าทางบกผ่านเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงจะทำให้การขับเคลื่อนการค้าสินค้าเกษตรของเวียดนามกระเตื้องขึ้น...
nn ทิ้งท้ายฉบับนี้ มีเรื่องน่ายินดีจาก 2 เรื่องที่ต้องขอแสดงความยินดี เรื่องแรกกรณี “เว็บไซต์ราชกิจจาฯ” เผยแพร่ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ให้มีผู้มีรายชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง สืบเนื่องจาก “พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ผู้มีรายชื่อในลำดับที่ 1 ในบัญชีรายชื่อของพรรคเสรีรวมไทย ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสส. เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2566เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ “พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงเลื่อน “มังกร ยนต์ตระกูล” ผู้มีรายชื่อในลำดับที่ 2 ในบัญชีรายชื่อของพรรคเสรีรวมไทย ขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทยตามจำนวนโควตาที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ “ไม้หน้าสาม” ก็ขอแสดงความยินดีและหวังว่าจะเป็นปลาน้ำดีในข้องน้ำเน่าด้วยวิริยะอุตสาหะและความอดทน...
nn กรณีที่สองคือ ขอแสดงความยินดีกับ “สมพร ใช้บางยาง” นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย อดีตหัวหน้าฝ่ายอัตรากำลัง กองการเจ้าหน้าที่ กระทรวงมหาดไทย และเลขานุการปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่บริหารจัดการสมาคมฯจนนำพาทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ประสบความสำเร็จคว้าตำแหน่งแชมป์เอเชีย ประจำปี 2023 ซึ่งเป็นแชมป์ครั้งที่สาม โดยจัดการแข่งขันที่จังหวัดนครราชสีมามาครองได้สำเร็จจากการเอาชนะทีมชาติจีนแชมป์ 13 สมัย แบบใจหายใจคว่ำ 3 ต่อ 2 เซต สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยกระฉ่อนไปทั่วโลก...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี