“กึ๋น” เป็นอวัยวะสำคัญ มีกันเฉพาะ “ในสัตว์ปีกทั้งหลาย”ซึ่งมีทั้งประเภท “บินได้อย่างผาดโผนกลางเวหา” เช่น อีแร้ง อีกา อีเหยี่ยว อีโก้ง และปักษีน้อยใหญ่ในนภากว้าง ส่วน “สัตว์ปีก” ที่บินได้แบบ “มือสมัครเล่น” เช่น เป็ด ไก่ และห่าน เป็นต้น ก็ “มีกึ๋น” เช่นเดียวกับนก
สัตว์ทั่วไปและโฮโมซาเปี้ยนทั้งพิภพกว่า 8,000 ล้านคนล้วน “ไม่มีกึ๋น” อยู่ในร่างกาย แต่น่าแปลกใจ ที่ “สำนวนไทย”มักจะเรียกคนเก่ง คนดัง คนมีพลังระดับจับกังแรมโบ้ รวมถึงนักวิชาการสมองอัจฉริยะ และนักการเมืองหัวก้าวหน้าทั้งปวง เป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ “คนมีกึ๋น”
ส่วนมนุษย์ “สายพันธุ์แมงโม้ สายพันธุ์ขี้ขลาดตาขาว สายพันธุ์เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ และสายพันธุ์ท่าดีทีเหลว” ก็จะถูกสำนวนไทย “เหมาเข่ง” ด้วยการ “จัดให้”เป็นมนุษย์ประเภท “คนไร้กึ๋น”
แท้จริงแล้ว “กึ๋น” ในสัตว์ปีกทั้งปวง คือ “เครื่องบดที่ดุเด็ด ดุดันและดุฉกรรจ์” ในการ “บดอาหารทุกชนิด”
เห็นได้จากสัตว์ปีกกลางเวหามักจะ “ถลาลม” ลงมาจิกอาหารจากแผ่นดิน กินทั้งกรวด หิน ดิน ทรายและอาหารทุกชนิด โดยอาหารทั้งแข็งกระด้างและอ่อนนุ่ม ล้วนถูกบดขยี้ขย้ำจน แหลกเหลวด้วย “กึ๋นที่สุดอัศจรรย์”
นอกจากนั้น “กึ๋น” ของสัตว์ปีกที่ถูกมนุษย์นำมาทำอาหารล้วนเป็น “เมนูจานเด็ด” ที่ใครๆ ต่างชื่นชอบ “จึงขอเดาเอาว่า” เพราะ “กึ๋นอร่อยจับใจ” สำนวนไทยจึงนำคำว่า “มีกึ๋น” มาใช้เพื่อบ่งบอกถึง “สุดเด็ด สุดโอชะ”ของกึ๋น
“คนมีกึ๋น” หรือ “คนเก่งสุดอัศจรรย์” มีในทุกวงการ เช่น ครูที่สอนหนังสือแบบเปิดตำราอ่านฉอดๆ ให้เด็กฟังก็คือ “ครูไร้กึ๋น” ของแท้ ในขณะที่ “ครูมีกึ๋น” นั้น จะ “สอนวิชาการที่สุดหิน” ด้วยปากเปล่าเป็นภาษาที่ฟังเข้าใจง่ายอย่างสุดมัน โดยโยงใยอย่างสนุกสนานทั้งตำนาน ตำราและตำนัวอย่างสุดจ๊าบ แบบ “ครูมีกึ๋น” ยกมาทั้งภัตตาคารและเหลาดัง จนเด็กนักเรียน “ซี้ดอย่างถูกใจ”
“นักการเมือง” ก็เช่นกัน โดย “นักเลือกตั้งที่มีกึ๋น”นั้น ล้วนเป็นนักพูดที่มีวาทกรรมอัศจรรย์บวกด้วยเรื่องราวที่จะชี้แจงกับประชาชนหรืออภิปรายในสภา “ขนมาเป็นร้อยตู้คอนเทนเนอร์” ล้วนอยู่ในความทรงจำแล้วถ่ายทอดออกมาด้วยปากเปล่า “จนผู้ฟังอ้าปากค้าง ปล่อยให้แมลงวัน บินเข้าปากเป็นฝูงๆ”
นักการเมืองไทยทั้งระดับดาวฤกษ์ ดาวจรัสแสงและดาวเคราะห์ส่วนใหญ่อภิปรายในสภาด้วยปากเปล่า แทนการอ่านจากแผ่นกระดาษที่จดมาแบบ “คนไร้กึ๋น”
“ล่าสุด” ใครที่ได้ดูการอภิปรายงบประมาณ 2567 ทางทีวีก็จะตกใจจ้าน “ไม่อยากเชื่อว่า สส.คนดังจากพรรคสามเหลี่ยมทแยงมุมหลายราย” อภิปรายในสภาด้วยการอ่านหนังสือให้ประธานในที่ประชุม และสส.ทั้งหลายในสภาโคลีเซียมเกียกกายฟังแบบ “คนไร้กึ๋น”
ไม่เน่าเชื่อว่า “คนเก่ง คนดัง และเป็นสส.ดาวจรัสแสง” อย่าง “ท่านตือโป๊ยก่าย” ก็ยังอภิปรายแบบ “อ่านหนังสือให้เด็กฟัง” ราวกับนักการเมืองที่“ไร้กึ๋น” มาแจ้งเกิด?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี