แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn การรักษาความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายเป็นปัจจัยของเศรษฐกิจที่ดี และสังคมที่มั่นคง เพราะร่างกายที่แข็งแรงนั้น โดยปกติจะอำนวยผลให้สุขภาพจิตใจสมบูรณ์ และเมื่อมีสุขภาพสมบูรณ์ดีพร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจแล้ว ย่อมมีกำลังทำประโยชน์สร้างสรรค์เศรษฐกิจ และสังคมของบ้านเมืองได้เต็มที่ ทั้งไม่เป็นภาระแก่สังคมด้วย คือเป็นผู้แต่งสร้าง มิใช่ผู้ถ่วงความเจริญ...(ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.2522...
nn ต้องบอกว่านับเป็นเรื่องประหลาดแต่ดูคล้ายว่ากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในสังคมไทย นั่นคือการอ้างเสรีภาพทางวิชาการ แต่ลึกๆ แล้วมีเป้าหมายอยู่ที่การบ่อนเซาะกัดกร่อน หวังทำลายล้างโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ วิญญูชนพบว่ามีคนสอนหนังสือกลุ่มหนึ่งในมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีอายุเก่าแก่อันดับต้นๆของประเทศ คนกลุ่มที่ว่านั้นแสดงให้วิญญูชนจับได้เป็นประจำว่า ใจจริงส่วนลึกต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เล่นลิ้นแก้ตัวเพื่อให้พ้นความผิดว่า เป็นการทำงานวิชาการบ้าง เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยเจตนาบริสุทธิ์บ้าง เป็นการแสดงความเห็นตามหลักการพื้นฐานของการออกความเห็นในระบอบประชาธิปไตยบ้าง แล้วแต่จะสรรหาเรื่องมาแก้ตัว แต่เมื่อพินิจพิเคราะห์เนื้อหาในข้อความที่แสดงออกโดยคนสอนหนังสือกลุ่มที่ว่านั้นแล้ว
พบชัดเจนว่าเข้าข่ายผิดมาตรา 112...
nn นับเป็นเรื่องตลก แต่จริงๆ เป็นเรื่องน่าสมเพชผสมความขี้ขลาดของคนสอนหนังสือมากกว่า เพราะเมื่อถูกฟ้องร้องว่าทำผิดมาตรา 112 คนขี้ขลาดกลุ่มนี้ก็มักจะอ้างว่าเป็นประเด็นการเมือง ถูกรังแกทางการเมือง ถูกอำนาจการเมืองบีบบังคับกดขี่ แล้วก็อ้างเรื่อยเปื่อยว่าคนที่นำเรื่องไปแจ้งความดำเนินคดีเป็นคนของรัฐบาลเผด็จการ นี่คือลักษณะเด่นของคนขี้ขลาดที่เรียนจบปริญญาเอก ซึ่งมีอาชีพสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยของรัฐ คนจบปริญญาเอก แต่ขี้ขลาดกลุ่มที่ว่านั้นมักจะอ้างด้วยว่ายังติดงานวิจัยในต่างประเทศ โดยใช้ข้ออ้างนั้นเป็นข้อต่อรองขอให้ศาลไม่ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วการไปต่างประเทศก็คือการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงกระเพาะตัวเอง โดยอาศัยคราบคนสอนหนังสือบังหน้า เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนสอนหนังสือกลุ่มที่มีใจฝักใฝ่การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงดีแต่โจมตีสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของประเทศเผด็จการที่ตนเองเข้าไปทำวิจัยเพื่อหาเงินเลี้ยงกระเพาะของตน แสนประหลาดที่คนจำพวกนี้ดีแต่โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย แต่ไม่กล้าวิจารณ์รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในประเทศที่ตนเข้าไปรับจ้างทำวิจัย ย้ำว่านี่คือลักษณะเด่นของคนสอนหนังสือที่ขี้ขลาด แต่ทำเป็นปากเก่งอวดอ้างว่ารักความถูกต้องเป็นธรรม คนพรรค์อย่างนี้มีมากมายพอประมาณในมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนด้านสังคมศาสตร์แบบดาษๆ ดื่นๆ ตื้นๆ ตมๆ ที่ปราศจากผลงานวิชาการระดับโลก...
nn มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กำลังอยู่ในช่วงเวลาหาเสียงของคนที่ต้องการขึ้นไปเป็นอธิการบดีคนใหม่ต่อจาก เกศินี วิฑูรชาติ สำหรับคู่แข่งชิงตำแหน่งอธิการบดี มีดังนี้ พิภพ อุดร, ศุุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ และปริญญา เทวานฤมิตรกุล เท่าที่ดูจากนโยบายที่คู่แข่งแต่ละรายโฆษณาแล้วบอกได้คำเดียวจริงๆ ว่าเห็นแล้วเกิดอาการฝันหวานมาก มากเสียจนเกือบเข้าทำนองเพ้อฝัน ก็รอดูกันต่อไปว่าใครจะได้เป็นอธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็ดูกันต่อไปว่าธรรมศาสตร์ยุคอธิการบดีคนใหม่
จะยังคงมีจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ดังเดิมหรือไม่ แล้วที่ต้องดูให้มากกว่านั้นคือ อธิการบดีธรรมศาสตร์คนใหม่จะยอมให้นักศึกษาชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสาธงของธรรมศาสตร์ได้โดยเสรีหรือไม่ อ้อ! ลืมไป ธรรมศาสตร์เขาอ้างว่าดินแดนของเขามีเสรีภาพทุกตารางเมตร ใครใคร่ทำอะไรก็เชิญตามสบาย แต่อย่าไปจอดรถยนต์ในที่จอดของผู้บริหารก็แล้วกัน อันนั้นห้ามเด็ดขาด
...
nn พูดถึงเรื่องการชิงตำแหน่งอธิการบดีของธรรมศาสตร์ไปแล้ว ก็ต้องพูดถึงเรื่องการชิงตำแหน่งอธิการบดีคนใหม่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบ้าง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเร้นลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่คนในจุฬาฯ ก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ส่วนนิสิตจุฬาฯ นั้นไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ เลยกับตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ เพราะนิสิตไม่มีส่วนเข้าไป vote ซึ่งผิดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรงที่ธรรมศาสตร์ยังอนุญาตให้นักศึกษา vote เลือกอธิการบดีได้...
nn ผู้ท้าชิงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ ซึ่งจะมาแทนบัณฑิตเอื้ออาภรณ์ (ซึ่งกินตำแหน่งนี้มาแล้วสองสมัย) มีดังต่อไปนี้สุพจน์ เตชวรสินสกุล, พรอนงค์ อร่ามวิทย์, วิเลิศ ภูริวัชร,พรชัย จันศิษย์ยานนท์ และบุษกร บิณฑสันต์ ได้ข่าวว่าบางรายสวมบทนักวิ่งสี่คูณร้อย วิ่งมาราธอน และวิ่งไปขอเสียงไป แต่ไม่ว่าจะวิ่งเก่งขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องทำใจเผื่อไว้ด้วย เพราะการสรรหาอธิการบดีจุฬาฯ นั้นเป็นเรื่องชิงไหวชิงพริบกันอย่างเข้มข้นดุเดือด เรื่องนี้ดุเดือดเลือดพล่านขนาดไหน สามารถย้อนไปดูการชิงตำแหน่งอธิการบดีในยุค 20 ปีที่ผ่านมาได้ แล้วจะเข้าใจว่าดุเดือดเลือดพล่านน่าสะพรึงจริงๆ บางปีดุเดือดเสียจนกระทั่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยบางคนทนไม่ไหว ต้องประกาศลาออกทำนองประจานเหตุวิปริตในการเลือกสรรอธิการบดีจุฬาฯ เลยก็แล้วกัน ไม่เชื่อลองไปค้นหาดู แล้วจะรู้ว่าคนที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการชั้นนำของประเทศไทยเขามีพฤติกรรมน่ารังเกียจถึงเพียงนั้น...
nn เชื่อไหมว่าข่าวการเลือกสรรอธิการบดีจุฬาฯ คนใหม่เงียบมาก สื่อมวลชนไทยไม่สนใจนำเสนอข่าวนี้ เพราะว่าหาข่าวยากมากราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในเมืองลับแล ดินแดนเร้นลับ มันช่างประหลาดเสียจริงๆ ที่ข่าวการชิงตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยแต่กลับเงียบเชียบ ราวกับจงใจทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจุฬาฯ ซึ่งก็คงเป็นความตั้งใจของผู้บริหารจุฬาฯ ที่จะทำให้เรื่องนี้เงียบๆ งันๆ และงงๆ แล้วก็ต้องย้ำว่านิสิตจุฬาฯ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องการสรรหาอธิการบดีจุฬาฯ เพราะสนใจไปก็ไม่ได้ทำให้ได้เกรด A ...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องตลก แบบตะโล้ก ตลก ก็จะเรื่องอะไรเสียอีกเล่า หากไม่ใช่เรื่องฮุนเซน แห่งกัมพูชาบินมาเยี่ยม (นักโทษชาย) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ฮุนเซนก็แสนจะดี พอรู้ข่าว (นักโทษชาย) ทักษิณได้รับการพักโทษแบบสุดแสนมหัศจรรย์ แล้วกลับไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ฮุนเซนก็เร่งรุดบินมา
เยี่ยมโดยพลัน แต่ก็น่าอัศจรรย์ใจมากตรงที่เมื่อครั้ง (นักโทษชาย) ทักษิณอ้างว่าป่วยหนักเจียนตายใกล้ตาย ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานาน 6 เดือนต่อเนื่องกัน ก็ไม่เห็นจะมีใครหน้าไหนไปเยี่ยมนักโทษที่ป่วยหนักใกล้ตายสักคน...
nn แหม! คงรู้ดีว่า หากไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจก็คงจะยาก เพราะต้องสร้างเรื่องอีกเยอะแยะ สร้างดีไม่ดีเรื่องไม่เนียน กลายเป็นเปิดโป๊ะให้คนจับผิดได้อีกว่า (นักโทษชาย) ทักษิณ
ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ แต่มันก็น่าคิดนะ เพราะในยามที่ออกข่าวว่า (นักโทษชาย) ทักษิณป่วยหนักใกล้ตายต้องอยู่ใกล้หมอตลอดเวลา กลับไม่มีใครไปเยี่ยมไปดูใจ หรือส่งดอกไม้ไปเยี่ยมแม้แต่ช่อเดียว นี่ยังดีนะที่ (นักโทษชาย) ทักษิณรอดตายกลับไปนอนบ้านได้ เลยทำให้ไปเยี่ยมไปดูใจได้ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องตะโล้ก ตลก แสนตลกจริงๆ เพราะมันคือตลกการเมืองไทยยุคนายกรัฐมนตรีสองสามคนในเวลาเดียวกัน...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี