แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ เมื่อบัดนี้ทุกคนมีอุดมคติและความตั้งใจดีพร้อมแล้ว ต้องรักษาไว้ให้หนักแน่นมั่นคงต่อไป อย่ายอมให้กาลเวลา ความเห็น
แก่ประโยชน์ส่วนตัว หรือสถานการณ์ใดๆ มาทำลายเสียได้... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 11 กรกฎาคม 2511)...
■■ วันที่ 22 มีนาคม 2567 เป็นวันที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าเปิดดำเนินการเข้าสู่ปีที่45 ปี ในโอกาสนี้กองบรรณาธิการ และเจ้าหน้าที่ทุกคนของแนวหน้า ขอกราบขอบพระคุณคุณผู้อ่าน และผู้สนับสนุนแนวหน้าทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกองค์กร ที่ให้ความอุปการะหนังสือพิมพ์แนวหน้าด้วยดีเสมอมา ทั้งนี้ชาวแนวหน้าทุกคนขอให้คำสัญญาว่า หนังสือพิมพ์แนวหน้าจะยึดมั่นในหลักจรรยาบรรณวิชาชีพนักสื่อสารมวลชนอย่างเคร่งครัด นำเสนอแต่ข่าวจริงที่กลั่นกรองแล้ว เพื่อให้เกิดสาธารณประโยชน์ และขอเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์สานต่อระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหนังสือพิมพ์แนวหน้าจะเดินหน้าขุดคุ้ยและเปิดโปงความไม่ชอบธรรมทั้งหลายบนแผ่นดินนี้ เพื่อให้แผ่นดินไทยมีความสะอาด โปร่งใสมากขึ้น เพื่อความอยู่ที่ดีมีสุขของเราทุกคน และเพื่อคนรุ่นหลังที่จะก้าวเข้ามารับหน้าที่ดูแล ปกป้องประเทศไทยของเราให้ร่มเย็นเป็นสุขต่อไป...
■■ มีคำถามว่าหลังจากนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ออกเดินทางไปเชียงใหม่ ไปทำกิจกรรมการเมืองต่างๆ นานา มากมายแล้ว หลังจากนี้นักโทษชายทักษิณจะเดินทางไปทำกิจกรรมการเมืองที่ไหนต่ออีก แล้วก็มีคำถามเหมือนเดิม แต่ไม่เคยได้คำตอบใดๆ จากกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงยุติธรรมเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่า ทำไมปล่อยให้นักโทษชายทักษิณเพ่นพ่านไปไหนต่อไหนได้...
■■ ในเมื่อนักโทษชายทักษิณได้รับอภิสิทธิ์มากล้นเช่นนี้แล้ว ทำไมนักโทษอื่นๆ ในคุกไม่ได้รับอภิสิทธิ์บ้าง ไม่ต้องได้อภิสิทธิ์มากมายมหาศาลเท่านักโทษชายทักษิณในเรื่องการเดินทางไปไหนต่อไหนได้หรอก แต่ขอแค่เพียงออกไปรักษาตัว รักษาโรคร้ายนอกคุกให้ได้ก็พอแล้ว มีญาตินักโทษหลายรายคุยกับ ธรรมกร ว่า ญาติของเขาป่วยหนัก แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปรักษาในโรงพยาบาลอื่นใดนอกจากไปแค่โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ แล้วก็กลับเข้าไปนอนในคุกต่อ เขาบอกว่าเขามีเงินพอจะส่งญาติไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลพระรามเก้าได้เขาจึงฝากถามว่าเมื่อกรมราชทัณฑ์อนุญาตนักโทษชายทักษิณแล้ว ทำไมไม่อนุญาตนักโทษรายอื่นๆ บ้าง มีผู้ฝากถามเรื่องนี้ไปยัง ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีผู้ดูแลกระทรวงยุติธรรมด้วย...
■■ เศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (แต่ไม่เคยเข้าไปทำงานในกระทรวงการคลัง) ยังคงใช้กลอุบายปากหวานต่อไปเรื่อยๆ สัญญาว่าจะทำโน่น ทำนี่ทำนั่นตลอดเวลา แต่ไม่ปรากฏว่าทำอะไรสำเร็จเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย ล่าสุดไปให้คำสัญญากับชาวพะเยา เมืองที่เป็นฐานเสียงของธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ที่ดูเสมือนว่าน่าจะย้ายจากพลังประชารัฐไปซบเพื่อไทยแล้ว เพราะดูจากการเข้าไปต้อนรับ และติดตามนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อย่างใกล้ชิด ก็บ่งบอกความในใจของธรรมนัสได้เป็นอย่างดีแล้ว) ทั้งนี้เศรษฐาได้ให้คำสัญญาประมาณว่าจะสร้างสนามบินพะเยา โดยกล่าวประมาณว่าจะเปิดสนามบินพะเยาได้ในปี 2577...
■■ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เศรษฐาจะให้ความหวังกับคนพะเยา และให้ความหวังกับธรรมนัสว่าจะสร้างสนามบินพะเยา เพราะการให้คำสัญญาของนักการเมือง ก็คือเรื่องปกติธรรมดา เพราะนักการเมืองพูดไปได้เรื่อยๆ แต่พูดแล้วทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะไม่เคยมีใครยืนยันว่าทุกคำพูดของนักการเมืองเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องดูอะไรมากมาย ดูแค่เพียง มีเราไม่มีลุง ก็เป็นการตระบัดสัตย์ (เพื่อพรรคเพื่อไทย) ไปแล้ว...
■■ ถามว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่พะเยาต้องมีสนามบิน แล้วถามต่อไปว่าหากมีสนามบินแล้ว จะมีเครื่องบินไปลงที่พะเยาวันละกี่เที่ยวบิน แล้วจะเปิดสนามบินได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ อย่าลืมว่าพะเยาห่างจากสนานบินเชียงรายประมาณ 90 กิโลเมตร ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 120 กิโลเมตร ห่างจากสนามบินลำปาง ประมาณ 110 กิโลเมตร ห่างจากสนามบินน่าน ประมาณ 90 กิโลเมตร และห่างจากสนามบินแพร่ ประมาณ 110 กิโลเมตร (ทั้งหมดเป็นระยะทางทางถนน) ทุกจังหวัดที่กล่าวถึงนี้ล้วนมีสนามบินทั้งสิ้น ถามว่าหากสร้างสนามบินที่พะเยาแล้ว จะมีคนใช้บริการวันละกี่คน สายการบินไหนจะไปบิน แล้วค่าโดยสารจะกี่บาท ที่ต้องถามมากๆ คือ แล้วจะเปิดสนามบินได้สักกี่วัน อย่าลืมว่าสนามบินในหลายจังหวัดของไทยกลายเป็นสนามบินร้าง หรือเกือบร้างไปแล้ว ไม่ต้องดูอะไรมากมาย ดูสนามบินลำปาง สนามบินเบตง สนามบินบุรีรัมย์ เป็นต้น แล้วจะรู้ว่าวันวันหนึ่งมีเครื่องบินไปลงกี่ลำ แล้วมีผู้โดยสารวันละกี่คน ตั๋วเครื่องบินราคาแพงระยับจนไม่มีใครซื้อ สุดท้ายสายการบินก็ต้องเลิกบินไปโดยปริยาย เห็นชัดๆ ได้จากกรณีสนามบินเบตง...
■■ ที่ ธรรมกร ตั้งคำถามเรื่องสนามบินพะเยา ก็เพราะไม่ต้องการให้ชาวพะเยาถูกนักการเมืองหลอกซ้ำหลอกซาก เพราะชาวพะเยาต้องรู้ดีว่ามีสนามบินแล้ว จะทำให้พะเยาเจริญมากกว่าเดิมจริงๆ หรือ ชาวพะเยาไม่ใช่คนไร้สติ ไม่ใช่คนเขลา เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรตกเป็นเหยื่อของนักการเมือง และนักปั่นราคาที่ดิน...
■■ จังหวัดเชียงใหม่ในระยะนี้ตกเป็นข่าวใหญ่ในหลายประเด็น เช่น เชียงใหม่ติดอันดับเมืองที่มีปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 เลวร้ายที่สุดของโลกในบางวัน แล้วก็ยังมีข่าวนักโทษชายทักษิณกลับบ้านเกิด รวมถึงข่าว ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ซึ่งคอการเมืองเชื่อตรงกันว่าเป็นเจ้าของพรรคก้าวไกล แต่ใช้วิธีเล่นหลังม่านว่าเป็นเจ้าของกลุ่มก้าวหน้า โดยธนาธรไปสร้างภาพร่วมดับไฟป่าที่เชียงใหม่ แต่นับว่ายังดีนะที่ธนาธรไม่ไปร่วมกินขันโตกกับนักโทษชายทักษิณที่เชียงใหม่ด้วย (แต่ต้องไม่ลืมว่า ธนาธรบินไปเจรจากับนักโทษชายทักษิณที่ฮ่องกงมาแล้ว) ดังนั้น จังหวัดเชียงใหม่ในยามนี้จึงกลายเป็นฉากการเมืองที่คอการเมืองไทยต่างจับตามอง และมองว่าเป็นการไปเพื่อสร้างกระแสนิยมทางการเมืองแข่งกัน...
■■ นักวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยบางกลุ่มมองว่าคะแนนนิยมทางการเมืองของนักโทษชายทักษิณตกต่ำลงไปมาก เพราะถูกแย่งไปโดยกระแสนิยมสีส้มในฐานะแฟนคลับพรรคก้าวไกล บางรายมองว่าเป็นการไปแย่งซีนการเมืองกันระหว่างเจ้าของพรรคการเมืองที่ถูกศาลยุบพรรคไปแล้วทั้งคู่ โดยมองต่อไปว่าเป็นความจำเป็นที่ทั้งนักโทษชายทักษิณกับธนาธรจำเป็นต้องทำตัวให้เป็นข่าวตลอดเวลา เพราะมิฉะนั้นกระแสความนิยมจะตกลงไปเรื่อยๆ...
■■ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเห็นได้ชัดๆ ว่ากระแสนิยมของฝั่งสีส้มดีกว่าฝั่งสีแดง แม้ฝั่งสีแดงจะพยายามเกณฑ์คนไปรับนักโทษชายทักษิณ แต่ก็เห็นชัดๆ ว่าผู้คนที่ยกขบวนไปรับนักโทษชายทักษิณลดน้อยกว่ายุคที่พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนครองเมือง ดังนั้น ภาพที่ปรากฏเช่นนี้ ย่อมทำให้นักโทษชายทักษิณต้องทุรนทุรายมากขึ้นในขณะที่ฝั่งผู้ที่ถูกมองว่าเป็นเจ้าของพรรคก้าวไกล ก็ต้องพยายามสร้างภาพการเมืองให้หนักและมากขึ้นกว่าเดิม เพราะวางเป้าหมายการเมืองไว้ชัดเจนว่าต้องเข้าไปมีที่นั่งในวุฒิสภาให้ได้ไม่น้อยกว่า 100 คน ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะต้องเปลี่ยนชื่อพรรคอีกก็ยังคงฝันว่าจะต้องได้ที่นั่ง สส. มากกว่าเพื่อไทย แล้วต้องได้ สส.มากกว่ากึ่งหนึ่งของ สส.ทั้งหมด นี่คือการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มข้นของนักโทษชายทักษิณกับผู้ที่ถูกมองว่าเป็นเจ้าของพรรคก้าวไกล...
■■ ปิดท้ายด้วยข่าวชวนหัวที่ใครเห็นแล้วก็ต้องขำกลิ้งฮาไม่หยุด นั่นคือข่าว แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยไปกัมพูชา ถามว่าไปทำไม ตอบว่าไปเพื่อสร้างข่าวเท่านั้น ถามต่อไปว่าไปเพื่อเจรจาปัญหาเขตแดนไทยกับกัมพูชาหรือเปล่า ตอบว่าไม่มีปัญญาเจรจาเรื่องใหญ่แบบนั้นหรอก เพราะเรื่องพื้นที่ไทย-กัมพูชานั้น ต่อให้ส่งนักโทษชายทักษิณไปเจรจาก็ไม่มีวันสำเร็จ เพราะฉะนั้น ถามใหม่ว่าแล้วแพทองธารไปกัมพูชาทำไม ก็ตอบแบบเดิมว่าไปเพื่อให้ตัวเองเป็นข่าวเท่านั้น ไปเพื่อสร้างข่าวว่าแพทองธารไปเจรจาความเมืองกับกัมพูชา เพื่อตีข่าวให้คนที่หลงประเด็นเข้าใจว่าแพทองธารมีปัญญาเจรจาความเมือง...
■■ รอดูให้ดีก็แล้วกันว่าเมื่อกลับจากกัมพูชา แพทองธารจะตีข่าวความสำเร็จในการไปเยือนกัมพูชาอย่างไร รับรองจะต้องได้ยินจากปากของเธอว่า ไปครั้งนี้มีข้อตกลงร่วมกันมากมายสารพัดสารพันจนจำไม่หมด มีผู้ฝากถามว่า แพทองธารไปกัมพูชากับคุณหญิงอ้อ-พจมาน ณ ป้อมเพชร ดามาพงศ์ (ชินวัตร) ด้วยหรือเปล่า เรื่องนี้คนวงในกระซิบว่ารอดูก็แล้วกันว่าจะมีภาพคุณหญิงอ้อหลุดออกมาหรือไม่ จับตาดูให้ดีก็แล้วกัน แต่บางกระแสบอกว่าคุณหญิงอ้อไม่ปรากฏตัวแน่นอน เพราะอยู่หลังฉากสบายกว่า...
■■ อ้อ! มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่เห็นภาพคุณหญิงอ้อปรากฏตัวพร้อมกับนักโทษชายทักษิณ ไม่ว่าจะวันที่นักโทษชายทักษิณ (สร้างภาพ) ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ หรือแม้กระทั่งภาพนักโทษชายทักษิณที่เชียงใหม่ แหม! ก็ต้องเข้าใจนะว่า นักโทษชายทักษิณหย่ากับพจมานแล้ว ย้ำว่าเขาทั้งสองคนหย่ากันแล้ว 5555555 หย่ากันแล้วจริงๆ นะ เขาทั้งสองไม่ข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว 55555...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี