แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา…
nn เมื่อท่านสำเร็จการศึกษาออกไปแล้ว ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่เอาใจใส่เฝ้าดูการกระทำของท่านอยู่ต่อไป ใครทำดีก็ได้รับคำชมเชยและสรรเสริญ ใครทำไม่ดี เขาก็จะพากันติ และพลอยติชมถึงสถานศึกษาของท่านด้วย ชื่อมหาวิทยาลัยของท่านคือ “จุฬาลงกรณ์” จะติดตัวท่านไปด้วยเสมอไม่ว่าจะประพฤติดีหรือประพฤติชั่ว ฉะนั้น ทุกๆ ครั้งที่ท่านจะกระทำการสิ่งใดลงไปจงคิดแล้วคิดอีก ทบทวนดูทั้งทางได้ทางเสียให้แน่ชัดเสียก่อน “จุฬาลงกรณ์” หาได้เป็นแต่เพียงชื่อของมหาวิทยาลัยนี้เท่านั้นไม่ ยังเป็นนามของผู้พระราชทานกำเนิดของสถานที่แห่งนี้ด้วย… (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 21 พฤษภาคม 2493)…
nn สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงบาตร ณ หน้าหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลา 06.00 น. แล้วเวลา 09.30 น. เสด็จเข้าหอประชุม ทอดพระเนตรการแสดงดนตรีไทย และทรงร่วมบรรเลงเพลงในการแสดงปีพาทย์ดึกดำบรรพ์…
nn ในช่วงเย็นมีงานคืนเหย้าชาวจุฬาฯ ณ สนามหญ้าหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล โดยงานนี้มีหนังสืออนุสรณ์ 107 ปี จุฬาฯ และเสื้อจุฬาฯ แจกผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า 3 พันคน…
nn เมื่อพูดถึงเรื่องดีงามในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ก็ต้องเปิดเผยให้เห็นเรื่องไม่ดีไม่งามในจุฬาฯ อันเกิดมาจากน้ำมือของผู้บริหารจุฬาฯ บางราย บางกลุ่ม บางแก๊งด้วยเรื่องหนึ่งที่ต้องช่วยกันกระชากหน้ากากคือ การแต่งตั้งอธิการบดี จุฬาฯ คนล่าสุด (อันที่จริงการแต่งตั้งอธิการบดี จุฬาฯ คนก่อนหน้านี้ก็ถูกตั้งคำถามมากมาย) คำถามคือคณะกรรมการสรรหา และกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีอภิสิทธิ์ในการพิจารณาผู้ได้รับการเลือกสรรเป็นอธิการบดีมากกว่าประชาคมจุฬาฯ หรือมีคำถามมากมายว่ากรรมการสรรหาวางตัวเป็นกลางจริงไหม และกรรมการสภาฯ มีความเป็นกลางจริงๆ หรือกรรมการสภาฯ เข้าไปรับรู้ปัญหาภายในจุฬาฯ ได้ถ่องแท้แล้วหรือยัง กรรมการสภาฯ เคยติดตามดูปัญหา แล้วหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ นานาภายในจุฬาฯ บ้างหรือไม่ สิ่งเหล่านี้คือคำถามจากประชาคมจุฬาฯ ที่ฝากให้กรรมการสภาฯ นำไปคิดให้ดี เพื่อจะได้เกิดความสำเหนียกในพันธกิจที่จำเป็นต้องมีต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย…
nn ผู้มีสิทธิ์เสนอชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งอธิการบดี จุฬาฯ มาจากกลุ่มเหล่านี้ กรรมการสภาฯ คนละ 1 ชื่อคณะหรือหน่วยงาน เสนอได้รายละไม่เกิน 3 ชื่อ สภาคณาจารย์เสนอได้ไม่เกิน 3 ชื่อ โดยมีคณะกรรมการสรรหาซึ่งมาจากกรรมการสภาฯ ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ประธานสภาคณาจารย์ กรรมการสภาฯ (สายหัวหน้าส่วนงาน) กรรมการสภาฯ (สายอาจารย์ประจำ) กรรมการสภาฯ (สายหัวหน้าหน่วยงานที่ไม่ใช่อาจารย์) และผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่านิสิตปัจจุบันไม่มีตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการสรรหาหรือ คำตอบเรื่องนี้ที่มาจากนิสิตปัจจุบันคือนิสิตปัจจุบันไม่ได้อยู่ในสายตา เพราะว่านิสิตมีฐานะแค่ผู้มาเรียนหนังสือเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิ์มีเสียงใดๆ ในการสรรหาอธิการบดี…
nn แต่ปัญหามีอยู่ว่าทำไมการสรรหาอธิการบดี จุฬาฯ ในระยะหลังๆ จึงมีเรื่องพิสดารมากเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะประเด็นการมองข้ามความต้องการของประชาคมจุฬาฯ โดยเฉพาะในเมื่อประชาคมจุฬาฯ ลงความเห็นเป็นส่วนใหญ่ว่าต้องการให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งอธิการบดี แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ากรรมการสรรหาดันเลือกผู้ที่ประชาคมชาวจุฬาฯ ไม่ได้เห็นชอบกับบุคคลดังกล่าว เพราะฉะนั้นจึงเกิดปัญหาและคำถามมาโดยตลอดว่า สรุปแล้วจะต้องหยั่งเสียงหรือให้ประชาคมชาวจุฬาฯ สรรหาผู้ชิงตำแหน่งอธิการบดีไปเพื่ออะไร ถ้าหากเสนอไปแล้วแต่ปรากฏว่าคณะกรรมการสรรหาดันมีอภิสิทธิ์ แล้วสามารถดันให้คนที่ตัวเองต้องการขึ้นไปดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ ได้โดยไม่ฟังเสียงและความต้องการของประชาคมจุฬาฯ นั่นก็หมายความว่าคณะกรรมการสรรหาใช้สิทธิ์ได้เหนือกว่าความเห็นของประชาคม หากเป็นเช่นนี้แล้วจะต้องให้ประชาคมหยั่งเสียงหรือเลือกสรรไปเพื่ออะไร หรือว่าให้ทำไปแค่เป็นพิธีการเท่านั้น เพราะอย่างไรแล้วทุกอย่างก็จะไปจบอยู่ที่คณะกรรมการสรรหา…
nn เรื่องคณะกรรมการสรรหาไปทางหนึ่งซึ่งเป็นคนละทางกับเสียงและความต้องการของประชาคมจุฬาฯ เป็นสิ่งที่ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยควรจะต้องสำเหนียกและนำไปปรับปรุงแก้ไขโดยด่วน เพราะมิฉะนั้นการสรรหาอธิการบดีจุฬาฯ จะกลายเป็นเกมการเมือง แล้วในที่สุดจะไม่เป็นที่ศรัทธาและยอมรับของประชาคมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย…
nn เท่าที่ ธรรมกร ได้ข่าวทำนองฉาวๆ เน่าๆ จากอาจารย์บางคนและบุคลากรบางกลุ่มในจุฬาฯ คือมีผู้ประสานต้องการตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ บางรายเสนอผลประโยชน์ชนิดที่ว่าเมื่อเทียบกับนักการเมืองแล้ว นักการเมืองอายไปเลย เรื่องแบบนี้คณะกรรมการสรรหาน่าจะเอาหูเอาตาไปสอดส่องแล้วติดตามเรื่องดูบ้าง ลองไปตามถามจากอาจารย์ดังๆ ที่มีชื่อปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ก็น่าจะทราบเรื่องได้บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าคณะกรรมการสรรหาจะขมันขมีในการหาข้อมูล ให้ชัดเจน และเที่ยงตรงก่อนจะลงความเห็นใดๆ ก่อนที่จะฟันธงลงไปว่าจะเลือกใครเป็นอธิการบดีของจุฬาฯ รายต่อไป อย่าลืมว่าเรื่องราวในจุฬาฯ นั้น น่าจะดูเสมือนว่ายากที่จะหาความจริง เพราะบุคคลภายนอกควานหาความจริงได้ยาก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ายังมีบุคคลภายในจุฬาฯ อีกจำนวนไม่น้อยที่รู้เช่นเห็นชาติ รู้ตื้นลึกหนาบาง และรู้เรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสภายในจุฬาฯ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่คณะกรรมการสรรหาต้องสำเหนียกคือต้องช่วยกันทำให้จุฬาฯ ทรงคุณค่าและทรงเกียรติภูมิแห่งจุฬาฯ ไว้ให้นานแสนนาน…
nn อ้อ! แล้วมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้บริหารจุฬาฯ ทุกหน่วยงานควรจะต้องสำเหนียกให้มากกว่าประเด็นอื่นๆ ก็คือ เรื่องความเสียหายสารพัดชนิดที่เกิดขึ้นภายในจุฬาฯ ที่หมักหมมมานานแสนนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสาธงจุฬาฯ เรื่องวางพระแก้วจำลองไว้ในสถานที่ไม่เหมาะสมแล้วนำอาหารหมาไปโปรยรอบพระเกี้ยว เรื่องวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่มีข้อความอันเป็นเท็จ เรื่องการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ รวมถึงเรื่องความประหลาดมหัศจรรย์ของ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ รวมถึงเรื่องที่บุคคลบางกลุ่มนำครุยพระราชทานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปสวมโดยไม่ได้รับอนุญาต และสวมโดยไม่แสดงความเคารพต่อครุย รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่สอดแสดงให้เห็นถึงการทุจริตภายในจุฬาฯ และอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้บริหารจุฬาฯ ควรจะต้องเข้มงวดกวดขันให้มากก็คือ การที่ผู้สอนหนังสือในจุฬาฯ บางคน วิ่งพล่านไปหาผลประโยชน์ภายนอกมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะผลประโยชน์ด้านการเมืองและผลประโยชน์อื่นๆ จากองค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เรื่องแบบนี้หากผู้บริหารจุฬาฯ และกรรมการสภาฯ ยังปล่อยปละละเลยก็เท่ากับไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มกำลังความสามารถ และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากคือ ผู้บริหารจุฬาฯ และกรรมการสภาฯ ต้องตัดสินให้เด็ดขาดคือตราพระเกี้ยวซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของจุฬาฯ จะเป็นแบบไหนกันแน่ เพราะทุกวันนี้สาธารณชนสับสนกับตราพระเกี้ยวอย่างมาก แล้วอีกเรื่องหนึ่งคือใช้ชื่อมหาวิทยาลัยว่า Chula ที่พิมพ์ด้วยภาษาอังกฤษแบบห้วนๆ แล้วจะยกเลิกการใช้คำว่า CU ใช่หรือไม่…
nn ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าไม่มีมหาวิทยาลัยที่มีเกียรติประวัติอันยาวนานแห่งใดบนโลกใบนี้ เขาจะสร้างความสับสนให้เกิดกับสาธารณชน แล้วก็ไม่มีมหาวิทยาลัยที่มีเกียรติประวัติอันยาวนานแห่งใดลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยไปตามแฟชั่น เพราะตราประจำของมหาวิทยาลัยคือสิ่งบ่งบอกถึงความยืนนานของมหาวิทยาลัย แต่สำหรับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยุคนี้ ทำเสมือนว่าตราประจำมหาวิทยาลัยคือพระเกี้ยวเป็นแค่สิ่งซึ่งไม่สำคัญที่สามารถจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขอย้ำอีกทีว่าตรามหาวิทยาลัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคือตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของล้นเกล้าล้นกระหม่อม รัชกาลที่ 5 เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่บังอาจเปลี่ยนแปลงตราประจำรัชกาล ที่พระราชทานเป็นตราประจำมหาวิทยาลัย จึงสมควรจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก เพราะนอกจากจะถวายพระเกียรติแล้ว ยังใช้ความไม่เหมาะสมไม่ควรเข้าไปเปลี่ยนแปลงโดยไม่คำนึงถึงรากเหง้าความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ซึ่งใช้พระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เป็นนามของมหาวิทยาลัย…
nn วันนี้ขออนุญาตเขียนถึงเรื่องราวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก เพราะว่า ได้มองเห็นถึงความไม่เป็นโล้เป็นพาย และความไม่งดงามหลายสิ่งหลายอย่างได้มาเกิดขึ้นในจุฬาฯ มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร แต่ก็ไม่เห็นผู้บริหารจุฬาฯ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยจะเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาสารพัดชนิดที่หมักหมมอยู่ภายในจุฬาฯ ขอย้ำว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสมบัติของแผ่นดิน ที่พระราชทานมาตั้งแต่ครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และขอย้ำด้วยว่าคนไทยทุกคนคือเจ้าของของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องร่วมกันรักษาและทำนุบำรุงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอาไว้ให้อยู่คู่กับประเทศไทย…
nn แวะไปดูเรื่องการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่กันบ้าง เรื่องนี้ก็น่าหนักใจไม่ใช่น้อย เพราะแม้ผู้ตั้งกฎในการสรรหาจะพยายามบอกว่าจะทำให้การเมืองเข้าแทรกแซงการสรรหา สว. ให้น้อยที่สุด แต่เมื่อดูๆ ไปแล้ว พอจะเห็นเค้าลางว่าจะมีอำนาจการเมืองเข้าแทรกแซงได้โดยไม่ยาก และที่สำคัญคือข้ออ้างในเรื่องการสรรหากันเองภายในกลุ่มอาชีพต่างๆ ก็น่าจะสร้างความสับสน แล้วก็ง่ายต่อการบล็อกโหวตเป็นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเริ่มต้นตั้งแต่การสรรหาระดับอำเภอ ซึ่งเรื่องนี้ขอบอกว่าแสนจะง่ายกับการถูกการเมืองแทรกแซง เพราะยิ่งปล่อยให้มีการแข่งขันกันตั้งแต่ระดับอำเภอก็หมายความว่าอำนาจการเมืองและอำนาจทุนจะเข้าไปแทรกแซงตั้งแต่การเริ่มต้น เพราะฉะนั้นหากจะหวังให้ผู้คนจำนวนมากยอมควักเงินคนละ 2,500 บาท เพื่อลงสมัครสว. ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายมากนัก แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่มีพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดใช้กลอุบายหว่านเงินจ้างให้คนที่ตัวเองสามารถบงการได้เข้าไปสมัคร แล้วสุดท้ายก็จะหนีไม่พ้นบล็อกโหวต…
nn ปิดท้ายด้วยประเด็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เรื่องนี้ก็ต้องกลับมาจับตาเฝ้าสังเกตว่าท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐา ทวีสิน ในนามนายกรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลจะผลักดันเรื่องการหว่านจากเงินดิจิทัลวอลเล็ต หัวละ 10,000 บาท ต่อไปด้วยกลอุบายใด เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลดูเสมือนว่ากำลังเริงร่ากับการชนะในประเด็นการโหวตผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ส่วนประเด็นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น น่าจะเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคมปีนี้ เพราะเมื่อมีเงินงบประมาณสำหรับใช้แล้ว แผนการขั้นต่อไปก็คือปรับคณะรัฐมนตรี ส่วนจะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หลายฝ่ายก็เชื่อว่าน่าจะเปลี่ยน แต่คงไม่ใช่ภายในหนึ่งถึงสองเดือนนี้ เพราะหลายคนยังกลัวว่าบิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพลังประชารัฐจะขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นนี้มาจากการปล่อยข่าวของนักการเมืองบางคนที่หวังจะสร้างภาพที่น่ากลัวของบิ๊กป้อม เพื่อทำให้เศรษฐายังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่พูดกับพูดเถอะถ้าหากบิ๊กป้อมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ ประเทศไทยมีหวังจมดินหนักกว่าเดิม…nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี