วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันที่ 29 พฤษภาคม สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงสั่งฟ้องคดีอาญามาตรา 112 ต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษพักโทษถือเป็นการสั่งฟ้องครั้งประวัติศาสตร์ที่อาจนำจำเลยเข้าคุกได้ทันทีที่ศาลรับฟ้อง
ที่เรียกว่า การสั่งฟ้องครั้งประวัติศาสตร์เนื่องจากว่า จำเลยคดีนี้เคยร้องเรียนถูกกล่าวหาข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ข้อกล่าวหาละเมิดอาญา มาตรา 112ต่อจำเลยคนนี้ได้นำขึ้นสู่ศาลพิจารณา เรื่องที่เขาถูกร้องเรียนถูกกล่าวหาส่วนใหญ่จบแค่พนักงานสอบสวนหรือไม่ก็อัยการสั่งไม่ฟ้อง แม้แต่เรื่องที่ถูกกล่าวหาขณะที่ประเทศปกครองโดยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์หลังจากทหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
แต่อภินิหารทางกฎหมาย ก็ช่วยให้ผู้ต้องหารอดพ้นจากการถูกฟ้องได้ ทั้งๆ ที่คณะปฏิวัติระบุว่าการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการยึดอำนาจ
ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ของคณะปฏิวัติคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 ระบุว่า ..“โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานองค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรม #ทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ” ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอยู่บ่อยครั้ง”
ต่อเนื่องจากแถลงการณ์ฉบับนั้นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ประกาศ (ฉบับที่ 30) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตรวจสอบทำเรื่องฟ้องศาลดำเนินคดีคอร์รัปชั่นยึดทรัพย์สินหลายหมื่นล้านบาท “ส่วนการหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยบ่อยครั้ง” อัยการสั่งไม่ฟ้อง ผลจากที่อัยการไม่สั่งฟ้องคดี 112 ตั้งแต่ยึดอำนาจปี 2549 และเรื่องถูกร้องเรียนถูกกล่าวหาส่วนใหญ่เงียบหายไปในขั้นตอนการสอบสวนทำให้จำเลยย่ามใจคิดว่าอภินิหารกฎหมายช่วยได้ในทุกกรณี
แต่สำหรับคดีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า#กรมพระธรรมนูญทหารเป็นโจทก์ร่วมในการฟ้องคดี ที่เป็นผลสืบเนื่องจากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของนายทักษิณเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภารอัยการสูงสุดในขณะนั้น “มีความเห็นควรสั่งฟ้อง” เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอมา แต่เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนี อัยการสูงสุด จึงให้ พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับและได้รับอนุมัติหมายจับโดยศาลอาญา กระทั่ง 22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีอาญาอื่น 3 คดี ต้องรับโทษจำคุก รวม 8 ปีตามคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษตามที่ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขึ้นไป เหลือโทษจำคุก 1 ปี ทว่า เขาไม่ได้นอนเรือนจำแม้แต่คืนเดียว ก็ถูกส่งตัวไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ
ต่อมา นักโทษชายวัย 74 ปี ได้รับการ “พักโทษเป็นกรณีพิเศษ” ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ออกจากโรงพยาบาลตำรวจไปใช้ชีวิต ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า ตั้งแต่18 กุมภาพันธ์ 2567 ในวันรุ่งขึ้น (19 ก.พ.)พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)นำตัวนายทักษิณส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา อัยการเห็นควรให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายทักษิณ โดยวางหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีธนาคาร 500,000 บาท และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขอื่น
นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความ โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในหนังสือขอความเป็นธรรมของนายทักษิณ รวมถึงประเด็นที่มีการสอบเพิ่มเติมแต่อย่างใดเมื่อพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนครบถ้วน และได้ส่งบันทึกคำสอบสวนเพิ่มเติมให้อัยการสูงสุด ประกอบการพิจารณา จึงนำมาสู่คำสั่งฟ้อง ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 แต่ทนายจำเลย ขอเลื่อนการสั่งฟ้องออกไปเป็นวันที่25 มิถุนายน โดยให้เหตุผลว่าลูกความเขาติดโควิด แต่อัยการสูงสุดตรวจสอบใบรับรองแพทย์พบว่าแพทย์สั่งให้พักผ่อนดูอาการเพียง 7 วัน จึงนัดให้นายทักษิณมาพบอัยการ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาล
ดังนั้น เมื่อศาลประทับรับฟ้อง วันที่ 18 มิถุนายน ถือว่านายทักษิณกระทำความผิดคดีใหม่ ผิดเงื่อนไขการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ และกรมคุมประพฤติ ซึ่งในทางปฏิบัตินักโทษคนใดที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เมื่อไปก่อความผิดซ้ำ หรือกระทำความผิดใหม่ จะต้องนำตัวเข้าสู่เรือนจำทันที โดยไม่มีข้อยกเว้น และ เป็นที่น่าสังเกตว่า ทักษิณรอดพ้นจากคุกทุกครั้งที่มีนายวิษณุ เครืองาม เจ้าของวาทกรรม #อภินิหารกฎหมายอยู่ข้างกาย
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายวิษณุ เข้าพบทักษิณที่ห้องทำงาน ผู้บัญชาการเรือนจำคลองเปรม ไม่นานหลังจากนั้น มีเฮลิคอปเตอร์รับนักโทษชายจากคลองเปรมมาส่งโรงพยาบาลตำรวจ จนถึงวันนี้นักโทษชายไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
วันที่ 26 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชื่อว่าเป็นหุ่นเชิดของนายใหญ่เดินทางไปพบเจ้าของวาทกรรม อภินิหารกฎหมาย วันที่28 พฤษภาคม มีรายงานว่านักโทษพักโทษเป็นโควิด ไม่สามารถไปฟังอัยการสั่งฟ้องได้
จึงเกิดสงสัยว่าอภินิหารทางกฎหมายเชื่อมจิตกับนักโทษพักโทษได้หรือไม่ เห็นอภินิหารทางกฎหมายปรากฏตัวทีไรนักโทษพักโทษเกิดอาการปางตายรอดคุกทุกครั้งไป จึงต้องรอดูวันที่18 มิถุนายน ว่าอภินิหารทางกฎหมายบังอาจแผลงฤทธิ์ใส่กรมพระธรรมนูญทหารมั้ย
สุทิน วรรณบวร

ธรรมนัส สั่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าไข่ไก่ แก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ
‘อุ้ม-ตัง-มุ้ย’มาแล้ว!‘จู๊ดเบลล์’ประเดิมช้างศึกแบโผแข้งชี้ชะตาเอเชียนคัพ
นายกฯลั่นไม่มีใครใหญ่กว่า 'บิ๊กต่าย' แถมมี 'สมอลหนู' คอยดู ท้าผู้หวังดีบอกชื่อจริง อย่าเผยแค่ตัวย่อ
‘สหมงคลฟิล์มฯ’ คอนเฟิร์ม ‘เสือ’ ได้ไปต่อ!ขยาย ‘จักรวาลเสือ’
ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์ ไปปีหน้า คดีหวย ‘หงษ์ทอง’ ขายเกินราคา เหตุจำเลยยังไม่ทราบนัด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี