บทความนี้ขอต้อนรับการมาถึงของเดือนสิงหาคม ซึ่งโดยทั่วไปก็ไม่ได้มีความผิดแปลกเกิดขึ้นไปจากเดิมนัก นอกจากเรื่องการเมืองไทยที่ดูจะถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ และน่าจะสั่นสะเทือนพอสมควร ด้วยที่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินคดีเกี่ยวกับอนาคตของพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคม และหลังจากนั้นในวันที่ 14 สิงหาคม ก็จะเป็นคิวสถานะของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน โดย
ต่อจากนั้น ในวันที่ 22 สิงหาคม ก็จะถึงเวลาสิ้นสุดสถานะการเป็นนักโทษต้องคุกของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นการกลับสู่สถานะพลเมืองธรรมดาคนหนึ่งๆ เยี่ยงผู้คนทั่วไป
เมื่อพิจารณาแล้ว เรื่องทั้งสามดังกล่าวก็มิใช่เรื่องระดับธรรมดาๆ สำหรับการเมืองของไทย เพราะทุกเรื่องต่างมีผลกระทบต่อวิถีทางของการเมืองไทย และวิถีชีวิตของประชาชนพลเมืองโดยตรง ด้วยว่าผู้บริหารพรรคก้าวไกล และทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน และนายทักษิณ ชินวัตร ต่างเป็นผู้นำทางการเมือง และเป็นบุคคลสาธารณะที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องการบ้านการเมืองของไทย การคิดอ่าน การพูดจากระทำการ หรือปฏิกิริยาต่อสังคมสามารถหันเห หรือมีอิทธิพลต่อความเป็นไปต่างๆ ได้ ทั้งเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สังคมไปข้างหน้าหรือถอยหลัง
ในกรณีของพรรคก้าวไกลจะถูกยุบหรือไม่นั้น ก็ดูจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความนิยมชมชอบของคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาว หรือผู้คนที่มีความคิดทันสมัยให้เปลี่ยนใจ หากถูกยุบจริง แม้อาจจะเสียกำลัง สส. ไปให้พรรคอื่นบ้าง แต่สุดท้ายก็คงสามารถจัดตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาได้ และมีแนวโน้มว่าจะได้คะแนนสงสาร เห็นอกเห็นใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่ถ้าไม่ถูกยุบ พรรคก้าวไกลก็คงจะยิ่งผงาด และมีความมั่นอกมั่นใจในความเป็นตัวตนมากยิ่งขึ้น ที่จะออกไปเสาะแสวงหาผู้สนับสนุนได้มากยิ่งขึ้น เพราะประชาชนพลเมืองโดยทั่วไปต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย และมองว่าพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะพรรคเก่าหรือพรรคใหม่ จะเปลี่ยนชื่ออย่างใดก็ยังเป็นความหวังของพวกเขาอยู่
สำหรับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามีความผิดในการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีเกียรติประวัติไม่งดงาม ทั้งที่รู้อยู่ ก็จะเป็นการปิดฉากบทบาทและอนาคตทางการเมืองโดยปริยาย ซึ่งก็คงไม่มีการตีโพยตีพายนัก เพราะไม่ได้มีวี่แววว่าจะเป็นนักการเมืองมาตั้งแต่แรก ได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ด้วยบุญวาสนาแต่ปางก่อน และหากไม่ถูกถอดถอนโดยศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีแนวโน้มว่าจะถูกขับออกจากตำแหน่งโดยฝ่ายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังและสูงกว่าอยู่ดี ก็เท่ากับว่านายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน หมดเวลาแล้ว สรุปว่าจบแล้วก็จบกัน ไม่ได้มีอำนาจบารมี ไม่ได้มีเครือข่าย และไม่มีฐานเสียงที่จะเป็นเชื้อให้เกิดความอยากในสนามการเมืองอีกต่อไป
ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเลิกราวางมือจากการเมืองไทยไปแต่อย่างใด แม้อายุอานามจะขึ้นเลข 75 แล้ว ก็ยังดูมุ่งมั่น คึกคักกับความยิ่งใหญ่ที่รออยู่เพื่อให้ใช้ได้เต็มที่ อีกทั้งยังเป็นความหวังของพรรคพวกอนุรักษ์นิยมทั้งหมดที่จะมา “ปราบดาภิเษก” พวกหัวก้าวหน้านักเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
ย้อนกลับไปครั้งเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร ยังมีคดีความต่างๆ ค้างอยู่มากมาย จนถูกศาลตัดสินให้จำคุก จากการบริหารราชการเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ยังสามารถหนีคดี และดำเนินการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลหุ่นเชิดในนามของ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปจนถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่รัฐบาลเหล่านั้นต่างเต็มไปด้วยการสร้างปัญหาความขัดแย้ง และการใช้ความรุนแรงในสังคมไทย และการบริหารราชการก็มักจะสะท้อนด้วยการหาประโยชน์เข้าตนดังที่สังคมทราบกันดีอยู่
ฉะนั้น นายทักษิณ ชินวัตร จะเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำพาประเทศไทยหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมผู้ที่ฝากผีฝากไข้ไว้กับนายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะทบทวนเรื่องราวทั้งหมดแค่ไหน และจะสามารถคิดคำนึงได้หรือไม่ว่า นักการเมืองและผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองในนาม “ก้าวไกล” นั้น มิใช่ศัตรูที่จะต้องทำลายกันให้ถึงที่สุด หากแต่เป็นเพียงผู้เห็นต่างที่มนุษย์ที่มีอารยธรรมน่าจะจับเข่าพูดจากันได้ และหันมาเล่นตามกติกาประชาธิปไตยแบบสากล
ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะได้สติและบอกตัวเองว่า หมดวาระ หมดความชอบธรรมไปนานแล้ว
ในเดือนสิงหาคมนี้ เราคนไทยจะเฉลิมฉลองวันแม่ คิดถึงพระคุณแม่ และหวังว่าทุกท่านจะได้ประพฤติตนด้วยชอบ ด้วยหลักธรรม โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่มีอำนาจบริหารบ้านเมืองทุกท่าน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี