ในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของไทย เราได้เห็นผู้นำทางการเมืองหลายคนที่ต้องลี้ภัยไปอยู่ในต่างประเทศ บางท่านก็เสียชีวิตในต่างแดน ไม่มีโอกาสได้กลับมาประเทศไทย เช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายปรีดี พนมยงค์ และพล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นต้น หรือบางท่านแม้มิใช่นักการเมือง ก็ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เพราะถูกอิทธิพลทางการเมืองคุกคามและขับไล่ เช่น ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
อย่างไรก็ดี บุคคลทั้งหมดดังกล่าวเมื่อลี้ภัยไปแล้ว ก็มักจะใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่กลับมาตอแยสังคมไทย ไม่คิดอ่านที่จะกลับมาเอาชนะ หรือกลับมาทวงอำนาจคืน สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผู้ “รู้แพ้ รู้ชนะ” ไม่ทำตัวให้บ้านเมืองต้องยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะได้รับความเคารพยิ่ง
แต่ทว่าในสังคมไทยตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ได้มีนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งที่ไม่เคยเลิกราวางมือไปจากการเมืองไทย แม้จะต้องซัดเซพเนจรไปอยู่ในต่างประเทศ ก็มิวายยังจะพยายามมีบทบาทในการเล่นการเมืองไทยต่อไปอย่างไม่ลดละ ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม เช่น การพบปะหารือและวางแผนกับเครือข่ายที่เดินทางไปพบยังต่างประเทศ หรือการพูดจาโดยตรงกับบรรดาลูกน้องและลิ่วล้อ ผ่านทางสื่อสมัยใหม่ เพื่อให้กำลังใจ เร้าอารมณ์ เสริมสร้างและพยุงความหวังของวันข้างหน้าที่จะได้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เชื่อว่า ทุกท่านน่าจะนึกถึงชื่อเดียวที่ตรงกัน นั่นคือ นายทักษิณ ชินวัตร
บุคคลผู้นี้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และมุ่งมั่นจะต้องเอาชัยชนะกลับคืนมาให้ได้ แม้จะต้องใช้เวลาหลายทศวรรษที่จะประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ก็ตาม ซึ่งในแง่หนึ่ง ก็ต้องนับว่าเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ที่เขาสามารถกลับมายังประเทศไทยได้โดยกฎหมายบ้านเมือง และกระบวนการยุติธรรมมิสามารถแตะต้อง ให้เขาต้องโทษจำคุกได้ อีกทั้งยังเหนือกว่าด้วยการได้รับการวางตัว และมอบหมายให้เป็นขุนศึกที่จะปราบพวกนักการเมืองรุ่นเด็ก รุ่นใหม่ ที่บังอาจขึ้นมาท้าตีท้าต่อย หรือต่อกร กับขั้วอำนาจเก่าที่เป็นผู้อาวุโสของสังคมไทย ซึ่งได้ครอบครองอำนาจ และทรงอิทธิพลมาโดยตลอด
แล้วอะไรเล่าที่เป็นแรงผลักดันที่ขับเคลื่อนให้ นายทักษิณ ชินวัตร เล่นการเมืองแบบไม่มีข้อจำกัดทางเวลา?
ก็คงจะหาคำตอบได้ไม่ยาก เพราะสิ่งนั้นก็คือ ไฟแห่งโลภะ โมหะ และโทสะ นั่นเอง อีกทั้งผสมกับความร้อนแรงของความเป็นอัตตา ที่ตนเท่านั้นจะต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ตนเท่านั้นที่มีความสามารถที่จะนำพาประเทศไทยไปข้างหน้าอย่างแข็งขันมั่นคงและสง่างามไม่เป็นรองใครทั้งสิ้น พร้อมด้วยความสบายใจในความเชื่อที่ว่า การมีผลงานก็จะสามารถลบล้างความชั่วร้ายต่างๆ นานา ได้ อีกทั้งนายทักษิณ ชินวัตรมีพรสวรรค์ในเรื่องการซื้อจิตวิญญาณของผู้คนที่มักจะอ่อนแอไปกับอาการโลภะ
เรื่องทั้งหมดนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และไม่ยอมเลิกราจากสิ่งที่ตนเองฝันเอาไว้ และก้มหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรคกีดขวาง ผ่านวันเวลาที่ยาวนาน จนกระทั่งเอาชนะและสมหวังของตนได้ คือได้กลับมาครองอำนาจอีก
เพียงแต่ความพยายามเพื่อชัยชนะของนายทักษิณนั้น เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้สนอกสนใจถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือความถูกต้องใดๆ เลยในสังคมเท่านั้นเอง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี