วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“บุคคลแนวหน้า ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า, แนวหน้าออนไลน์/- www.naewna.com สื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม ย่อโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ขยายโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏให้สังคมไทยรู้เท่าทันเล่ห์ทันเหลี่ยม นักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ, ส่ำสัตว์ติ่งสัมภเวสี สลิ่มติ่งแดงด้อมส้ม, สิ่งมีชีวิต/-อุปกรณ์ทำการเกษตรใช้สนตะพายเทียมคันไถอย่างเท่าเทียม”...
nn “บทบรรณาธิการนสพ.แนวหน้า” มองพฤติกรรม “นักการเมืองฝึกงานเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน /- มาดามแพ – อุ๊งอิ๊งค์, แพทองธาร ชินวัตร” กับข้อเสนอปัญหาเร่งด่วนให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเพื่อความสุขของมวลมหาประชาชนตามผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดย “นิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์”เมื่อราวปลายสัปดาห์ที่สองเดือนตุลาคมว่า จากพฤติกรรมที่ถูกครอบครอง,ครอบงำไร้อิสระทางความคิดไร้สามัญสำนึกขาดภาวะผู้นำ ประเด็นเร่งด่วนทั้งอาชญากรรมออนไลน์ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการบังคับใช้กฎหมายที่ค่อนข้างหละหลวมจึงค่อนข้าง “ริบหรี่”...
nn แม้อาชญากรรมออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยึดทรัพย์เงินสดมาได้จำนวนหนึ่งที่จักสามารถคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ ทว่ากลุ่มอาชญากรมิจฉาชีพแฝงตัวปะปนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลยังปวกเปียกช้าไปก้าว, ครึ่งก้าวเสมอ เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นจะให้เชื่อจริงหรือว่าลดละปราบได้ ในเมื่อผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรีตามสายเลือดตามสปีชี่เป็นนักโทษเด็ดขาดชายคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่ยังไร้สำนึก ยังไม่เคยถูกขังในเรือนจำดัดสันดานให้สำนึกผิดเลยสักวัน ความเหลื่อมล้ำ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สังคมไทยยิ่งเห็นและเข้าใจถ่องแท้ว่าเกิดอะไรได้อย่างไรกับการบังคับใช้กฎหมายกับคนใน “ตระกูลชินวัตร”เรื่องนี้แทบไม่ต้อง “ซ.ต.พ.” ด้วยซ้ำ...
nn ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล)ล่าสุด ทำเอานักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ “กระดี๊กระด๊าราวกิ้งก่าได้ทอง” โก่งคอตอบรับผลสำรวจนั้นก็มิได้ตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย ก็ผลสำรวจจากสถาบันเดียวกันก่อนหน้านี้ที่ชื่นชมและมี “นางคนนี้ /- มาดามแพ – แพทองธาร ชินวัตร” เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังโอนเงินเข้าบัญชีประชาชนคนละ 10,000 บาท ถึงร้อยละ 31.35 ขณะที่ “เท้ง 3ท.(ทอ) /- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” มีคะแนนนิยมอันดับสองร้อยละ 22.90... สำรวจรอบใหม่ปรากฏว่าร้อยละ 31.28 เชื่อว่า “นางคนนี้” จะไปต่อได้จนครบเทอมในปี 2570 ขณะที่ร้อยละ 19.08 รัฐบาลจะอยู่แค่สิ้นปี 2568 ชัดเจนว่า “ศรัทธา/ความเชื่อมั่น” ในการนำพารัฐนาวาราชอาณาจักรไทยมันมลายหายสิ้นเหลือไม่ถึงครึ่งของความคิดเห็นที่อยากให้ “นางคนนี้” เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้อยแถลงของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” จึงเลือกเฟ้นแต่ส่วนที่เป็นผลประโยชน์โดยไม่ได้วิเคราะห์หรือรู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆเวลานั่งแถลงสื่อประชาสัมพันธ์สู่ประชาชน...
nn “พรรคเพื่อไทย” มั่นใจว่า มาตรการนโยบายแจกเงินประชาชนคนละ 10,000 บาท เมื่อกลายไตรมาสสี่ของปี 2567 เกิดการจับจ่ายใช้สอยกระจายไปทั่วประเทศตามวัตถุประสงค์ ถ้าดำเนินการเฟสสอง และเติมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกหลายด้านคาดว่าจีดีพีจะโตขึ้น 3% ทว่าเสียงลือเสียงเห่าหอนเหล่านี้ สังคมไทยก็ยังไม่ได้ยินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดเพิ่มเติมออกมา มีเพียงอาการกระมิดกระเมี้ยนที่จะนำมาตรการ “คนละครึ่ง” ที่เหล่านักการเมืองฝ่ายค้านในสภาชุดที่แล้ว (ชุดที่ 25)ชุดที่มีฝ่ายบริหารชื่อ “ลุงตู่ /- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 หลังปฏิวัติสยาม 2475” สำรอกสำราก “บูลลี่” สร้างวาทกรรมประดิษฐ์ให้ร้ายมาโดยตลอดปรามาสความล้มเหลวในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังสังคมไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)อย่างรุนแรง กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะมาจากทีมยุทธศาตร์พรรคเพื่อไทยได้อ่านศึกษา “วิทยานิพนธ์ เรื่องการศึกษาเพื่อประเมินผลโครงการคนละครึ่ง : กรณีศึกษา โครงการคนละครึ่งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดย “กมลพัฒน์ จารุสกลพันธ์”...
nn “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน”อีกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว (หัวใจและลมหายใจของรายได้รัฐ) แน่นอนโครงการนี้ไม่ใคร่จักประสบผลสำเร็จนักเนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนขอเข้ารับสิทธิ์ร่วมโครงการน้อย จากปัจจัยความซับซ้อนหลายขั้นตอน โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย สิทธ์ิในการรับส่วนลดร่วมโครงการไม่เห็นเป็นตัวเงินอย่างเป็นรูปธรรม ทว่า “รัฐบาลนักการเมืองฝึกงาน,นายกรัฐมนตรีสืบสันดาน” จักสามารถพารัฐนาวาลำนี้ให้ประชาชนพลเมืองไทย“มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ได้จริงตามเสียงสำรอกสำรากก่อนหน้านี้ได้เยี่ยงนั้นหรือ ในวันที่ “หนี้สาธารณะ” เพิ่มมากขึ้นจนเกือบเท่าเพดานเงินกู้ขณะที่ “หนี้ครัวเรือน” ก็สูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากการบริหารประเทศของรัฐบาลสืบสันดาน ภายใต้การนำธงของนักการเมืองฝึกงานอย่าง “มาดามแพ /- แพทองธาร ชินวัตร”...
nn ไม่เข้าใจใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาหรือ ตั้งใจโง่ กับ “สมุนไพรไทย” มรดกบรรพบุรุษสร้างชาติที่ถูกบัญญัติไว้ใน “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สู่แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย”ที่ดำเนินการมาสู่แผนพัฒนาฉบับสอง (พ.ศ.2566-2570) ที่มีการระดมสมองมาเพื่อพัฒนาต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย บูรณาการขับเคลื่อนสมุนไพรเชิงเศรษฐกิจเพื่อชิงตลาดโลกที่มีมูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 198,000,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาไทยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับ 8 มูลค่าราว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.01 หมื่นล้านบาท...
nn ผ่านยุคสมัยที่แล้ว “ลุงตู่” ให้ “ผู้รับเหมาก่อสร้าง” มาดูแลคุณภาพชีวิตคนไทย “สมุนไพร : มรดกทางธรรมชาติที่บรรพบุรุษไทยค้นคิดมาสร้างคุณภาพชีวิต” จึงถูกละเลยไร้นวัตกรรมวิจัยพัฒนาต่อยอดให้ประเทศเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาลนี้ ยุคนี้เป็นใครก็ได้มาดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยอีกกระทอก แล้วโอกาสที่ “สมุนไพรไทย” จะได้รับการศึกษาวิจัยพัฒนาต่อยอดให้สามารถผลิตเป็นอาหารเสริมเป็นยารักษาชีวิตมนุษย์ให้ประชาคมโลกยอมรับได้จะอยู่จุดไหนเวลาเท่าใด...nn
ไม้หน้าสาม

คาร์บอมบ์ลอบสังหาร นายพลรัสเซีย กลางกรุงมอสโก ดับเป็นรายที่3ในรอบ1ปี
หล่มเก่าระอุ! สมาชิกฌาปนกิจฯ ‘จี้เปิดงบดุล 30 ล้าน’ หลังพบตัวเลขไม่ลงตัว
เพื่อไทย ปราศรัยใหญ่ หนุนร้อยเอ็ด เขต 6-7 เปิดตัวกำนันทองลี ชนงูเห่าภูมิใจไทย
‘ไอเอฟดีโพล’ เปิดผลสำรวจ ‘คนไทย’ ไม่ยอมควักจ่ายร่วมหนุน ‘ทำบุญการเมือง’ ชี้ ประชาชนมีส่วนร่วมป้อง ‘ทุนเทา’ แทรกแซง
พีระพันธุ์ ลั่น รทสช. ไม่ได้วัดที่จำนวน สส. แต่วัดด้วยความมุ่งมั่น ไม่แข่งกับพรรคอื่น

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี