ถืออยู่ในมือท่านฉบับนี้คือ หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com ทุกบรรทัดตรงไป ตรงมา...nn เปิดเรียนภาค 1/2568 ไปแล้ว 1สัปดาห์ บรรดาเด็กๆ ต่างสุขสันต์หรรษากันไปตามๆ กัน เนื่องจากได้กลับมาเจอเพื่อนที่เรียนด้วยกัน เด็กๆ บางคนก็กำลังทำความคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ เด็กๆหลายคน ต่างกำลังตั้งหน้าตั้งตาและตั้งใจเรียนรู้ในสิ่งที่คุณครูสอน ฯลฯ โดยที่ผู้ปกครอง ต่างซ่อนความกังวลใจในเรื่องของสุขภาพของลูกหลาน โดยเฉพาะการระบาดของโรคทางเดินหายใจ

...nn โดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ขณะนี้มีการระบาดของโควิด เป็นจำนวนมากกว่าปีที่แล้วมาก ทั้งนี้ ไวรัสทางเดินหายใจทุกตัวส่วนใหญ่พบได้ตลอดปี แต่จะมีฤดูกาลที่พบมากขึ้นอย่างชัดเจน ประเทศไทยไม่มีฤดูหนาว มีแต่ร้อนมากและร้อนน้อย โรคทางเดินหายใจเราจึงพบในฤดูฝน และเป็นช่วงนักเรียนเปิดเทอมในเทอมแรก นักเรียนจะมีส่วนในการช่วยการระบาดของโรคด้วย จึงควรป้องกันในโรงเรียนโดยเฉพาะในการเปิดเทอมแรก

...nn นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่าโรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน ส่วนมากมักเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ซึ่งทำให้มีหลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบติดเชื้อหรือปอดบวม รวมถึงโรคมือเท้าปากและโรคไข้เลือดออกที่มีการระบาดในช่วงหน้าฝนนี้เช่นกันดังนั้น ขอให้ผู้ปกครองหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

...nn นพ.อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การป้องกันโรคที่มาในหน้าฝนนั้น ทำได้ดังนี้ ได้แก่ ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปาก เพราะเชื้อไวรัสส่วนใหญ่สามารถติดต่อได้ตามช่องทางเหล่านี้หลีกเลี่ยงการนำบุตรหลานไปในสถานที่ที่มีโอกาสสัมผัสกับโรค ฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ และหากมีอาการให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยในการรักษาต่อไป

...nn พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ โฆษกกรมควบคุมโรคระบุว่า มาตรการตอนนี้โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีการเปิดภาคการศึกษาจึงอยากเน้นย้ำเรื่องการคัดกรองเด็กป่วย รวมถึงบุคลากรในสถานศึกษา หากพบว่ามีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ควรจะต้องหยุดพักอยู่กับบ้าน หาชุดทดสอบมาตรวจ หากพบว่ามีการติดเชื้อให้ไปพบแพทย์

...nn และย้ำว่า สถานการณ์น่าจะมีการระบาดต่อเนื่องทรงๆ ไปอีกราว 2-3 เดือน แต่หากประชาชนร่วมมือในการมีมาตรการป้องกันเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล ก็จะสามารถดึงจำนวนผู้ป่วยให้ลดลงได้เร็วขึ้น ซึ่งกรมควบคุมโรคได้มีการพยากรณ์ว่าหากประชาชนมีมาตรการล้างมือใส่หน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างจากผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอย่างน้อย 1 เมตรได้ก็ดี จะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยลงได้อย่างดี

...nn พญ.สิปาง ปังประเสริฐกุล อาจารย์ประจำสาขาโรคติดเชื้อภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ระบุว่าโรงเรียนควรมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือ เช่น ส่งเสริมการล้างมือที่ถูกต้อง ตรวจคัดกรองอาการก่อนเข้าเรียน,สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ หากเด็กมีอาการไข้ ไอ คัดจมูก น้ำมูก เจ็บคอ ควรตรวจด้วยชุดตรวจ ATK และสามารถให้การดูแลเบื้องต้นที่บ้านได้ เช่น เช็ดตัว กินยาลดไข้ ดื่มน้ำพักผ่อนให้เพียงพอ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะในเด็กที่มีโรคประจำตัว

...nn เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสงผอ.สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ระบุว่า ทางสำนักฯ ได้เตรียมแนวทางเฝ้าระวังในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยเตรียมความพร้อมหากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน เพื่อควบคุมและป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถขยายจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยได้หากมีผู้ป่วยมาก รวมทั้งรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงเรียน โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด

...nn พี่โต้ง-สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า “ในช่วงเปิดเทอมใหม่นี้สถานศึกษาควรแนะนำให้นักเรียนสวมหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในห้องเรียนหรือพื้นที่แออัด จัดจุดล้างมือหรือแอลกอฮอล์เจลในจุดที่เข้าถึงง่าย สังเกตอาการของนักเรียนทุกวัน

...nn หากพบอาการไข้ ไอ จาม ให้แยกนักเรียนเพื่อพักรักษาตัวทันที จัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนให้มีการระบายอากาศที่ดี และทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์การเรียน แยกนักเรียนที่มีอาการป่วยให้พักรักษาตัวอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีระบบรายงานข้อมูลสุขภาพรายวันผ่านแอปพลิเคชั่น หรือแบบฟอร์มออนไลน์ให้ผู้ปกครองมั่นใจ

...nn“มือปราบ” ก็ขอส่งกำลังใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องดูแลลูกหลานในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปแทบทุกวินาที โรคภัยไข้เจ็บก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น แถมยังห่วงแสนห่วง “ดวงใจ” ที่เป็นดั่งความหวังและเป็นลมหายใจ ว่าจะต้องเติบโตไปเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ

...nn ดังนั้น ลำพังกำลังของแพทย์ พยาบาล คุณครู ผู้ใหญ่ใจดี ฯลฯ คงจะไม่สามารถป้องกันโรคภัยให้กับอนาคตของชาติได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น จึงอยากจะให้รัฐบาลลงมาดูแลเด็กๆ น้องๆ หนูๆ อย่างจริงจังมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ข่าวส่วนใหญ่มีแต่เรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้ง ยังมีสิ่งยั่วยุอื่นๆ ที่ทำให้เยาวชนของชาติ ไม่สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต...nn สวัสดีครับ

มือปราบ