นิด้าโพลเผยผลสำรวจออกมาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมเมื่อวานนี้ พรรคเพื่อไทย“เงียบกริ๊บ” ปกติจะตีปีกขานรับถ้าผลการสำรวจออกมาเป็นคุณแก่พรรค หรือเป็นบวกกับ“แพทองธาร ชินวัตร” และรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แล้วนำเอาไปเคาะกะลาตีปี๊บโฆษณาชวนเชื่อหลอกชาวบ้านให้หลงเชื่อ อย่างน้อยก็หลอกมวลชนคนเสื้อแดงที่ยังสวามิภักดิ์ต่อพรรคเพื่อไทย เพื่อนำเอาไปถกเถียงและโต้แย้งกับฝ่ายอื่นที่เห็นตรงข้ามกับตนได้
การเมืองที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และมาจากการเลือกตั้งในทุกวันนี้ ก็เล่นกันแบบนี้ จะเป็นโจร หรือเป็นบุคคลที่มีประวัติด่างพร้อย เคยโกงชาติโกงแผ่นดินมาแล้ว ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะมาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งประชาชนคนไทยที่นิยมชมชอบกินหญ้าหวานหรือหญ้าขม โดยไม่ได้ใช้สติปัญญาแยกแยะ ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยเสียด้วยในประเทศนี้ จึงทำให้โจรมีโอกาสขึ้นมาครองเมืองได้ ขนาดโกงการติดคุกก็ยังได้รับการเชิดชูสดุดี
ผลสำรวจของนิด้าโพลจะจริงเท็จแค่ไหน จะถือหางพรรคการเมืองไหนหรือไม่อย่างไร แต่ก็มีการถูกนำไปอ้างถึงกันเป็นประจำ โดยเฉพาะทุกวันอาทิตย์ของสัปดาห์ที่มีการแถลงผลสำรวจ ใครหรือฝ่ายไหนได้ประโยชน์ก็นำไปโฆษณาชวนเชื่อกันเสียงดังหน่อย ซึ่งครั้งนี้ตามที่นิด้าโพลเปิดผลสำรวจออกมานั้น ถือว่าไม่เป็นคุณกับพรรคเพื่อไทย และ“แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถึงวันนี้ก็ครบสองสัปดาห์พอดี แต่ก็ยังมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้นั่งถ่างขาคร่อมไว้อีกหนึ่งตำแหน่ง
ทั้งนี้ จากผลสำรวจของ“นิด้าโพล” ที่เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฏาคมที่ผ่านมา ระบุว่า จากการสำรวจความเห็นประชาชนในหัวข้อ “การเมืองไทย ไปต่อแบบไหนดี” ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2568 โดยสุ่มจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค, ระดับการศึกษา, อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง-พบว่า
เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ปรากฏว่าร้อยละ 42.37 เห็นว่า “แพทองธาร ชินวัตร”ควรประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาแทน และร้อยละ 39.92 เห็นว่า “แพทองธาร”ควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป
จากการสำรวจของ“นิด้าโพล”ครั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 15.04 เท่านั้น ที่เห็นควรให้“แพทองธาร ชินวัตร” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อบริหารประเทศต่อไปเหมือนเดิม และนอกจากนั้น“นิด้าโพล”ก็ยังอุตส่าห์มีติ่งเรื่อง“การรัฐประหาร”ติดเอาไว้ โดยมีถึงร้อยละ 1.37 เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร โดยที่ร้อยละ 0.99 มีความเห็นว่า อย่างไรก็ได้ และร้อยละ 0.31 ไม่หือไม่อือที่จะตอบคำถาม
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของ“นิด้าโพล”ที่น่าสนใจในครั้งนี้ก็คือ บุคคลที่ประชาชนจากการสุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนใครให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดตของ 5 พรรคการเมือง ถ้าหาก“แพทองธาร ชินวัตร”ตัดสินใจลาออก หรือมีเหตุต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะด้วยเพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดถอน อันเนื่องมาจากคำร้องของ 36 สว.กรณี“คลิปอัปยศขายชาติให้เขมร” หรือจะด้วยเหตุใดก็ตาม-พบว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ในเวลานี้ มีคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง คือร้อยละ 32.82 เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปแทน“แพทองธาร ชินวัตร” และรองลงมา ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากอย่างน่าแปลกใจ คือ ร้อยละ 27.94 ระบุว่า ไม่สนับสนุนใครเลยตามรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ 5 พรรคการเมือง
และเมื่อมีการถามเจาะว่า แคนดิเดตของแต่ละพรรคการเมืองนั้น ใครสมควรจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีถัดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คำตอบที่ได้คือ ร้อยละ 11.53 เห็นควรเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย), ร้อยละ 10.92 เห็นควรเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) และร้อยละ 9.77 เห็นว่าใครก็ได้
โดย 3 แดนดิเดตของ 3 พรรคการเมืองที่เหลือ นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายชัยเกษม นิติสิริ แล้ว ปรากฏว่าร้อยละ 3.82 เห็นควรให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แคนดิเดตลำดับสองของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 1.83 เห็นควรเป็นนายจุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์ แคนดิเดตพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 0.84 เห็นควรป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ร้อยละ 0.53 ไม่หือไม่อือ คือไม่ตอบและไม่สนใจ
จากนี้ไปเป็นคำถามและเป็นข้อสงสัยที่“นิด้าโพล”ไม่ได้สุ่มถามว่า ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นองคมนตรีแล้ว จะสามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ตอบตรงนี้ว่าได้ ไม่ได้มีกฎหมายข้อใดห้ามไว้ ก็เพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ กราบบังคมทูลขอพระราชทานอนุญาตลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพื่อไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าหากทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ กราบบังคมทูล ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนความ เสนอตัวชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
คำถามต่อไปก็มีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเล่นด้วยหรือไม่ ถ้าเล่นแล้ว เสียงที่จะโหวตสนับสนุนในสภาฯ จะมีเพียงพอหรือไม่ และถ้ามีเสียงสนับสนุนพอ โดยเวลาที่เหลืออีก 2 ปีของสภาฯชุดนี้ ซึ่งจะครบวาระ 4 ปีในวันที่ 14 พฤษภาคม 2570 หรือนับเป็นเดือนก็เหลืออีก 22 เดือนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะทำอะไรได้บ้าง และถ้าจะพูดตามตามภาษาชาวบ้าน ก็คือ ต้องเข้าไปเช็ด“ปัสสาวะและอุจจาระ”ที่พรรคเพื่อไทยฉี่และถ่ายเรี่ยราดไว้เท่านั้น
เพราะเกือบ 2 ปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้วเป็นคนที่ 2 มีแต่สร้างปัญหา โดยที่ไม่เคยแก้ไขปัญหาของประเทศแม้แต่เรื่องเดียว จะมีก็แต่ราคาคุยโม้โอ้อวด และการสร้างคะแนนนิยมจากนโยบายประชานิยม เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยการล้างผลาญงบประมาณแผ่นดิน แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปแล้วมากกว่า 4-5 แสนล้านบาท ซึ่งเฉพาะโครงการแจกเงิน“ดิจิทัล 1 หมื่นบาท” ก็ถลุงไปแล้วเกือบ 2 แสนล้านบาท
สำคัญที่สุด ตอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอโอกาสทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก 2 ปี จากการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ด้วยคำขวัญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ดังนั้น เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่กลับมา
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับ“แพทองธาร ชินวัตร”นั้น เมื่อชาวบ้านเขาไม่เอาแล้ว สมควรลาออกไปเสียตั้งแต่วันนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีแก่ตัวเธอเอง เพราะถ้าขืนรอวันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ทั้งจะต้องมีรอยต่างเป็นมลทินติดตัว ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแล้ว เวลานี้ก็ยังมีคดีอาญาฐาน“ทรยศขายชาติ”เป็นบ่วงมัดคออยู่ด้วยอีกหนึ่งคดี ถือว่าหนักหนาสาหัสทีเดียว
ชิงลาออกเสียเถอะ“แพทองธาร ชินวัตร” ส่วน“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดา ก็ปล่อยให้รับกรรม“ติดคุก” ฐาน“โกงการติดคุก”จากคดีทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดินไปคนเดียว ถึงอย่างไรก็ช่วยลูกสาวไม่ได้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี