มีคำถามว่า ทำไมนักการเมืองที่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทุกคนต้องการเป็นพรรครัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือรัฐบาลผสม แล้วมีคำถามต่อไปว่าเหตุใด สส. ต้องการได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีในกระทรวงหลักๆ กระทรวงสำคัญ แต่ถ้าหากไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ก็ขอให้ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการของกระทรวงก็แล้วกัน
คนที่ติดตามพฤติกรรมการเมืองของนักการเมืองไทยต้องรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอำนาจรัฐนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล ยิ่งมีอำนาจรัฐในกำมือมากมาย ก็ยิ่งแสวงหาผลประโยชน์ได้มากมายมหาศาล เพราะฉะนั้น นักการเมืองจึงตะกาย ทุรนทุรายแย่งชิงตำแหน่งการเมืองสูงๆ เพราะมันคือเครื่องมือนำไปสู่การกอบโกย โกงกิน และฉ้อฉลผลประโยชน์สาธารณะได้สะดวกสบาย แถมยังมีเกราะกำบังให้ผู้ทุจริตรอดพ้นจากการถูกตรวจสอบโดยกระบวนการทางกฎหมายอีกด้วย
ลองกลับไปสังเกตพฤติกรรมการเมืองของรัฐบาลชุดล่าสุดในขณะนี้ จะพบว่าถึงแม้ใกล้จะถึงวันหมดสิ้นอำนาจรัฐ แต่ก็มิได้ยุติพฤติกรรมฉ้อฉล โกงกิน คอร์รัปชันลงแม้แต่น้อย แต่กลับกัน เพราะยิ่งใกล้วันหมดอำนาจรัฐก็ยิ่งโกงกินหนักขึ้น เพราะต้องการสะสมเงินไว้เพื่อซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ขอให้จับตามองงบประมาณสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ (คำว่ากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นคำอ้างของรัฐบาล) วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ขอย้ำว่างบฯ ก้อนนี้มีจำนวนมิใช่น้อยแต่ทว่ามีเงื่อนไขการใช้เงินที่แสนมหัศจรรย์ เพราะระยะเวลาการอนุมัติและเบิกแจ้งใช้งบฯ แสนสั้น สั้นชนิดที่ว่าพร้อมที่จะถูกนักการเมืองดูดกลืนเข้ากระเพาะของตนได้อย่างรวดเร็ว เพราะการใช้งบฯ นี้จะผ่านการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ จึงเท่ากับเปิดโล่งให้โกงกินได้ง่ายดาย
แต่ที่นับว่าอุบาทว์เลวชาติมากยิ่งกว่ามากก็คือ โครงการที่ขออนุมัติใช้งบฯ ล้วนเป็นโครงการเก่าที่มีอยู่ในแต่ละท้องที่มาก่อนหน้าแล้ว แต่นำมาแต่งเติมเสริมเพิ่มบางเรื่องเข้าไป แล้วก็เขียนเป็นโครงการใหม่เพื่อของบประมาณ แต่ที่สำคัญคือโครงการที่ขอใช้งบฯ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับสังคมหรือชุมชนได้ ซึ่งนี่คือการทุจริตอย่างชัดเจน
ฝีของการทุจริตคอร์รัปชันในวงการผู้มีอำนาจรัฐของบ้านเมืองเราแตกออกมาให้ชาวประชาได้เห็นอีกครั้ง เมื่อมีการทะเลาะแย่งชิงงบฯ 1.57 แสนล้านบาท ระหว่างพรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้แม้พรรคการเมืองจะไม่ก่อเหตุทะเลาะแย่งชิงงบฯ ก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า สส. ไม่โกงไม่กิน แต่การที่ สส. ออกมาสาวไส้กันเอง ก็ยิ่งทำให้ชาวประชามั่นใจว่า สส. โกงกินอย่างแน่นอน แล้วก็ทำให้เกิดอาการสังเวชผสมกับความสะอิดสะเอียนว่า ในยามที่คนจำพวกนี้รวมหัวร่วมกันเป็นรัฐบาลก็ร่วมกันโกงกิน แต่เมื่อคนจำพวกนี้แตกคอกันทางการเมือง ก็แย่งชิงงบประมาณแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แล้วคนชนิดนี้ก็คงจะโกงกินไปจนวันที่ตนเองหมดอำนาจรัฐ หรือหมดลมหายใจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี