เมื่อเร็วๆ นี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน และตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ทั้งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทั้งยังต้องพ้นตำแหน่งเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยอัตโนมัติอีกด้วย
ต้นเรื่องก็คือ สภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง หรือไม่
กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 4 ปากและเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง
ศาลได้วินิจฉัยตามประเด็น และสาระสำคัญในตอนท้ายคือ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 3) วินิจฉัยว่า มีการเสนอ การแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง และให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ เกี่ยวกับโครงการเยาวชน โครงการประชาชน และโครงการสตรีในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นอันสิ้นผล และวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คือ วันที่ 1 สิงหาคม 2568
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ในอดีตที่ผ่านมามีนักการเมืองหลายคนใช้โอกาสการเป็น สส.แสวงหาประโยชน์ หรือผลักดันงบประมาณลงพื้นที่ของตัวเอง หวังคะแนนเสียง หวังผลประโยชน์ส่วนตัว จนเป็นที่มาของการเขียนรัฐธรรมนูญ ปิดช่องว่างไม่ให้นักการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ
แต่ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายจะเขียนปิดช่องว่างเช่นไรก็ตาม แต่ยังมีนักการเมืองพยายามหาช่องทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจนได้ จะเห็นนักการเมืองหลายคน แย่งชิงกันเป็นกรรมาธิการงบประมาณประจำปี ซึ่งมีส่วนได้เสียกับการจัดสรรงบประมาณ สามารถนำงบประมาณลงในพื้นที่ได้
นายเทพไทระบุอีกว่าอยากให้บทเรียนของคุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เป็นตัวอย่างของนักการเมืองอีกหลายคน ที่พยายามจะหาช่องทางจัดสรร หรือผลักดันงบประมาณ เพื่อประโยชน์ในเขตเลือกตั้งของตัวเอง ในจังหวัดของตัวเอง เพราะเชื่อว่า ยังมีสส.อีกมากมายหลายคน ที่อยากได้งบประมาณลงพื้นที่ตัวเองโดยมองข้ามข้อหาทางกฎหมายที่กำหนดไว้
ขอแสดงความเสียใจกับคุณพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ซึ่งเป็นเพื่อนนักการเมืองร่วมสมัยกับผม หวังว่าบทเรียนครั้งนี้คงไม่สูญเปล่า และต้องนำมาซึ่งการสะสางกระบวนการแอบอ้าง และฉกฉวยเอางบประมาณแผ่นดิน ไปใช้ประโยชน์เพื่อพื้นที่ของตัวเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ในกรณีของสส.คนอื่นๆด้วย
คำเตือนของอดีตสส.เทพไท น่าจะเพียงพอให้ผู้แทนที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบเกี่ยวกับงบประมาณได้ฉุกคิด แม้ว่าการดึงงบประมาณลงพัฒนาพื้นที่ตัวเองการดูแลประชาชนในพื้นที่ถือว่าเป็นหน้าที่พื้นฐานของผู้แทนอยู่แล้ว แต่หากเลยเถิดพลาดไปก็ต้องจบอนาคตทางการเมืองอย่างน่าเสียดาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี