เป็นอันว่า รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2025 นี้ ชัยชนะตกเป็นของ มาเรียโครีนา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านวัย 58 ปี และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของเวเนซุเอลา จากการทำงานอย่างไม่ย่อท้อเพื่อส่งเสริมสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยให้แก่ชาวเวเนซุเอลา จนบรรลุการเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตยอย่างเป็นธรรมและสันติ
มาชาโด เป็นวิศวกรอุตสาหการถูกศาลของเวเนซุเอลาสั่งห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 สกัดไม่ให้เธอสามารถท้าชิงตำแหน่งจากประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้ซึ่งอยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2013 เคยถูกบีบให้ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนตัว และเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรง แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้อยู่ในประเทศอย่างกล้าหาญ
ส่วนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ คงหัวเสียน่าดูที่พลาดรางวัลนี้ไป แม้ว่าปีนี้คณะกรรมการรางวัลโนเบลนอร์เวย์จะถูกครอบงำด้วยถ้อยแถลงซ้ำๆ ของทรัมป์ ที่กล่าวว่าตนเองสมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็ฝันสลาย เนื่องจากนโยบายของทรัมป์ถูกมองว่ากำลังบ่อนทำลายระเบียบโลกที่คณะกรรมการฯให้ความสำคัญ
เรื่องรางวัลโนเบลนี้ เกี่ยวพันถึงไทยตรงที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ทรัมป์ได้ขอเป็นประธานพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซียระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีจีนเข้าร่วมด้วย หวังที่จะฉายแสงเดี่ยวๆ ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำสันติภาพ หลังฝ่ายกัมพูชาเสนอชื่อให้ทรัมป์รับรางวัลโนเบล
แต่เมื่อ ทรัมป์ ผิดหวังอย่างแรงกับรางวัลนี้แล้ว ไม่รู้ว่าความมุ่งมั่นที่จะบุกอาเซียนขอเป็นคนกลางเจรจาสันติภาพไทย-กัมพูชาจะลดลงหรือเปลี่ยนใจหรือไม่ คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะแม้เป้าหมายเอาหน้าเพื่อตัวเองของทรัมป์มลายสูญไปแล้ว แต่เป้าหมายของชาติมหาอำนาจโลกที่ไม่ต้องการเห็นจีนครอบงำอาเซียนก็ยังยืนทะมึนอยู่ต่อไป
สำหรับท่าทีล่าสุดของไทยนั้น อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เตรียมการสำหรับตอบกลับหนังสือของทรัมป์ โดยยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แต่ยืนยันในจุดยืนของฝ่ายไทยว่า หากจะเปิดการเจรจา กัมพูชาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขพื้นฐาน 4 ข้อ คือ ถอนกำลังออกจากพื้นที่ถอนอาวุธร้ายแรง เก็บกู้กับระเบิด และเคลื่อนย้ายชาวกัมพูชาที่บุกรุกออกจากเขตไทย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณในความปรารถนาดีที่อยากจะเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศ คือ ไทย และกัมพูชา ซึ่งเราก็ตอบเหมือนเดิมว่า เราเชื่อมั่นในสันติภาพ และมีจุดยืนที่ต้องการให้กัมพูชาได้ตอบสนองเรา เพื่อที่จะทำให้การดำเนินการในเรื่องต่างๆ นำไปสู่สันติภาพ และความสงบสุขในอนาคตให้เกิดขึ้นให้ได้
อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องถูกต้อง เพราะปัญหาความขัดแย้งนี้ เป็นเรื่องระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนประเทศไหนๆ ก็ตาม หากเห็นว่ามีความปรารถนาดีเราก็รับไว้ แต่ไม่ควรให้มาชี้นิ้วแทรกแซง หรือยุ่งเกี่ยว เพราะที่นี่คือแผ่นดินไทยมีแต่คนไทยเท่านั้นต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตประเทศของเราเอง
ขณะเดียวกัน รัฐบาล กับฝ่ายผู้มีอำนาจรับผิดชอบก็ต้องมียุทธศาสตร์ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเท่าทันสถานการณ์ เมื่อถึงเวลาเด็ดขาดก็ต้องทำเพื่อรักษาเกียรติภูมิของประเทศ ส่วนเราคนไทยเองก็ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้จุดใดจุดหนึ่งกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะจะทำให้ปัญหาซับซ้อนมากขึ้นและสุดท้ายเราอาจกลายเป็นเหยื่อของมือที่สามที่จับจ้องอยู่ก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี