วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีรัฐบาลเฉพาะกาล มีภารกิจแก้ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเป็นหนึ่งในภารกิจเฉพาะหน้า ประกาศระงับปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมไทย-กัมพูชาจนกว่ากัมพูชาไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศไทย
การตัดสินใจของนายอนุทินถือได้ว่า เป็นความกล้าหาญทำให้รัฐบาลไทยเป็นไท ไม่ต้องเดินตามแผนการที่ผู้มีอำนาจนอกกฎหมายสมคบกับศัตรูวางไว้ เนื่องจากปฏิญญาและข้อตกลงที่ผ่านมามิได้ริเริ่มจากความประสงค์ของกองทัพและคนไทยส่วนใหญ่
หากติดตามความขัดแย้งไทย-กัมพูชารอบใหม่ จะเข้าใจได้ว่า สันติภาพจอมปลอม เริ่มจากผู้มีอำนาจนอกกฎหมายส่งสัญญาณให้ศัตรู ดึงอาเซียนและสหรัฐ เข้ามาชี้นำกำกับสั่งการทำให้รัฐบาลไทยไม่เป็นไท คือ ไม่มีอิสระในการตัดสินใจ
พิเคราะห์จากที่แม่ทัพกุ้ง เปิดเผยความในใจ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า “มีคนสั่งให้หยุดยิงตั้งแต่ 6 ชั่วโมงแรกแต่ผมไม่หยุด ผมเข้าเกียร์หนึ่งไปแล้ว” คำพูดนี้แสดงให้เห็นว่า แม่ทัพกุ้ง ระบายความคับแค้นใจ ถึงได้พูดกับคนนั้นว่า “หากท่านสั่งให้หยุดยิงอีก ผมจะเปิดเผยออกมา ท่านจะอยู่ประเทศไทยไม่ได้”
แม่ทัพกุ้งบอกเป็นนัยว่า ผู้ที่บังอาจสั่งให้ทหารไทยหยุดยิง คือ ผู้ที่มีอิทธิพลบารมีที่เหนือรัฐบาลสั่งให้ทหารหยุดยิง ที่ต้องออกโรงเองเนื่องจากว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมไม่มีบารมีมากพอที่จะสั่งแม่ทัพได้ ส่วนนายกรัฐมนตรีก็อยู่ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีบอก “อังเคิล” ฮุนเซนว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา..”
ผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลจึงต้องออกโรงสั่งให้แม่ทัพกุ้งหยุดยิงตั้งแต่6 ชั่วโมงแรกของการปะทะ แต่ถูกแม่ทัพกุ้งปฏิเสธ และเตือนว่าถ้าผมเปิดเผยออกมา “ท่านจะอยู่ประเทศไทยไม่ได้” แม่ทัพกุ้งใช้สรรพนามว่า “ท่าน” ย่อมไม่ใช่ทหาร ที่มีวัฒนธรรมเรียกพี่เรียกน้องหรือเรียกลูกน้องเรียกนาย และคำว่า “ท่านอยู่ประเทศไทยไม่ได้” ต้องไม่ใช่ทหารแน่นอน
เมื่อสั่งหยุดยิงไม่ได้ การปะทะกันก็รุนแรงขึ้นถึงจุดที่กองทัพกัมพูชาใกล้ล่มสลาย พิเคราะห์จากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ โพสต์บน Truth Social เมื่อวันที่28 กรกฎาคม ว่า ไทย-กัมพูชาปะทะกันใกล้ชายแดน มีคนตายหลายพันคน..ทรัมป์รู้ว่ามีคนตายหลายพันคน จากไหนไม่อาจรู้ได้ ที่แน่ๆ คือ หากรบต่อไปกองทัพกัมพูชาต้องวอดวาย
เมื่อสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาล จึงติดต่อนายอันวาร์ เพื่อใช้ฐานะประธานอาเซียนแทรกแซง ต่อมานายอันวาร์พูดโทรศัพท์กับฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา เชื่อว่า
สามฝ่ายต้องการให้หยุดยิงเร็วที่สุด คิดว่านายอันวาร์ ฮุน มาเนต กับ ผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลไทยตกลงกันว่า จะเชิญประธานาธิบดีทรัมป์ ให้อำนวยความสะดวกหยุดยิง โดยสหรัฐใช้การขึ้นภาษี 39% ขู่ว่า หากไม่หยุดยิงตามทรัมป์ต้องการ จะไม่สามารถเจรจาเรื่องภาษีการค้าสหรัฐอเมริกาได้
นั่นคือที่มาของข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ไปลงนามหยุดยิงกับฮุน เมต โดยที่ไม่รู้ว่านายอันวาร์ ฮุน มาเนต และผู้มีอิทธิพลนอกกฎหมาย ได้ตกลงกันล่วงหน้าว่า หยุดยิงเวลา 00.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม
การลงนามหยุดยิงวันนั้น เป็นปฐมบทว่า ตัวแทนจากประเทศไทยไม่เป็นไท คือ ลงนามตามบทที่ผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลกำหนดไว้ ข้อตกลงหยุดยิงจึงไม่สามารถนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้ ความตึงเครียดยังคงมีต่อไปและมีทีท่าจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ถึงจุดหนึ่งนายอันวาร์สำเหนียกแล้วว่า ข้อตกลงหยุดยิงจอมปลอมไม่สามารถนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้ เขาจึงขอให้ทรัมป์แทรกแซงความขัดแย้งไทย-กัมพูชามากขึ้น จนถึงวันที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยล่มสลาย หลังจากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ประเทศไทยมีรัฐบาลและรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ ทำให้รัฐบาลไทยแสดงความเป็นไทด้วยการฉีกหน้ากากกัมพูชา และเตือนมาเลเซียกับสหรัฐว่า คบกับกัมพูชาให้ระวังตัวไว้สัญชาติเขมรปล้นลิ้นสองแฉกคบไม่ได้
และมันก็เป็นจริงตามนั้น Politico สื่อการเมืองในสหรัฐรายงานว่า ทำเนียบขาวมีท่าทีเย็นชาต่อคำเชิญให้ทรัมป์ ไปเป็นประธานในพิธีลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา เป็นเหตุให้นายอันวาร์ต้องมีข้อเสนอเรื่องแร่เอิร์ธ ลดภาษีสินค้าการค้าจากสหรัฐฯเกือบทั้งหมด เพื่อจูงใจทรัมป์
ในที่สุด ปธน.ทรัมป์ ก็มาเป็นสักขีพยานลงนามปฏิญญาจอมปลอมไทย-กัมพูชาในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายอันวาร์หน้าบาน ส่วนนายอนุทินถูกวิจารณ์เสียๆ หายๆเรื่องไปทำ MOU แร่หายากกับสหรัฐ และลงนามปฏิญญากับ ฮุน มาเนต ในขณะที่กัมพูชา ยังเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยไม่ลดละ
ดังนั้น ที่นายอนุทิน สั่งยุติปฏิบัติตามปฏิญญาจนกว่ากัมพูชาจะไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อไทย ซึ่งประกาศในวันที่ทหารไทย คนที่ 7 ขาขาด จากกับระเบิดทหารกัมพูชา จึงถือว่ารัฐบาลเฉพาะกาลประกาศความเป็นไทที่มีความชอบธรรมทุกประการ
ใช้คำว่า “เป็นไท” เนื่องจากทุกอย่างที่กระทำก่อนหน้า ล้วนเกิดจากแผนการของผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลสมคบกับนายอันวาร์และรัฐบาลกัมพูชาดึงสหรัฐเข้ามาแทรกแซง โดยที่กองทัพและคนไทยไม่ได้รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมใดๆ
หากมองย้อนหลังไปถึงจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งรอบใหม่ จะเห็นภาพชัดเจนว่าใคร คนกลุ่มไหนสมคบกันทำให้ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย จากการติดตามความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในเดือนมีนาคม 2568 แหล่งข่าวผู้เคยทำงานกับสำนักข่าวเอพีในพนมเปญกล่าวว่า ความนิยมในตัว ฮุน มาเนต ตกลงอย่างน่าใจหาย ฮุนเซนกำลังสร้างกระแสรักชาติเพื่อทำให้ลูกชายกลายเป็นฮีโร่
เดือนเมษายน ทหารและพลเรือนเขมรจากจังหวัดเสียมราฐ เริ่มก่อกวนยั่วยุทหารไทยใกล้ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย เหตุการณ์ร้อนแรงขึ้นตามลำดับ เมื่อทหารเขมรนำครอบครัวทหารขึ้นมาแสดงสัญลักษณ์บนปราสาทตาเมือนธม ทหารไทยขอให้หยุดทำกิจกรรม เมื่อมีปากเสียงกันทหารเขมรตะคอกใส่หน้าทหารไทยว่า “รัฐมนตรีกลาโหมทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันแล้ว”
แสดงว่าทหารกัมพูชาได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ก่อกวนยั่วยุทหารไทยได้ เพราะรัฐมนตรีกลาโหมทั้งสองฝ่ายตกลงกันล่วงหน้าว่าทหารไทยไม่ตอบโต้ และพฤติกรรมของ รมต.กลาโหมไทยในเวลานั้นก็เป็นไปตามทหารเขมรอ้าง จนกระทั่งความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นใช้กำลังกันที่ช่องบก เมื่อทหารเขมรขุดคูเลตล้ำเข้ามาในดินแดนไทยกว่าสองร้อยเมตร
ตอนนั้น นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพูดว่า “พื้นที่ตรงนั้นเป็น No Man’s landถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้ทำเป็นสนามตะกร้อเล่นด้วยกัน” คำพูดของพ่อนายกฯขัดกับกองทัพภาคที่ 2 ที่ยืนยันว่าเป็นดินแดนไทยที่รุกล้ำไม่ได้แม้แต่ตารางนิ้วเดียว
จุดนี้เองทำให้ฮุนเซน พ่อนายกฯกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก ตีวัวกระทบคราด ไปถึงสหายในเมืองไทยว่า “รัฐบาลไทยคุมทหารไม่ได้” เฟซบุ๊กของ ฮุนเซน กระตุ้นให้นายกฯไทยโทรศัพท์ไปเคลียร์กับฮุน มาเนต
ฮุน มาเน็ต ผู้ขับเคลื่อนนโยบายด้วยน้ำลายเหมือนฮุนเซน บิดา เมื่อเห็นว่าคำพูด น.ส.แพทองธารใช้ปั่นกระแสรักชาติได้ ก็นำคำพูดนายกฯไทย ไปโพสต์บนเฟซบุ๊ก น.ส.แพทองธารรู้สึก
เสียหน้าโพสต์ข้อความตอบโต้ว่า ฮุน มาเนต ไม่เป็นมืออาชีพที่นำเรื่องพูดกันสองคนไปเปิดเผยในที่สาธารณะ
ข้อความของนายกฯไทยทำให้ฮุนเซน เดือดเป็นฟืนเป็นไฟโพสต์เฟซบุ๊กว่า “แพทองธารเป็นลูกที่พ่อไม่สั่งสอนบังอาจดูหมิ่นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้รักชาติและมีวุฒิภาวะ”
ตั้งแต่นั้นมาตระกูลฮุนกับตระกูลชิน ทำสงครามน้ำลายกันบนเฟซบุ๊กสลับกับเคลียร์กันลับๆ ทางโทรศัพท์ ซึ่งคนไทย ไม่รู้ว่า นายกรัฐมนตรีไทยกับครอบครัวผู้นำกัมพูชาพูดจากันเรื่องอะไร ในขณะที่ความขัดแย้งบนพื้นที่ชายแดนรุนแรงขึ้นทุกวัน จนกระทั่งฮุนเซนปล่อยคลิปเสียงอัปยศออกมา ซึ่งเป็นผลให้ น.ส.แพทองธาร ตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม และต่อมาวันที่ 9 กันยายน ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งให้รับโทษจำคุก 1 ปี
ในขณะที่ผู้นำวิญญาณพรรคเพื่อไทยรับโทษจำคุกหนึ่งปี คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าตระกูลฮุน กับตระกูลชิน ตัดญาติขาดมิตรชนิดที่ตายไม่เผาผี ดีไม่มองหน้ากัน แต่ต้องประหลาดใจเมื่อ
ฮุนเซน ซึ่งกำลังถูกจับตาว่า เป็นผู้คุ้มครององค์กรสแกมที่ทำให้กัมพูชาเป็นศูนย์กลางการฉ้อโกงหลอกลวงทั่วโลก ออกมารับประกันความบริสุทธิ์ของทักษิณว่า
“แม้ว่าผมกับ นายทักษิณ จะมีปัญหากัน แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบที่จะรักษาความบริสุทธิ์ของนายทักษิณไว้ ไม่ว่านายทักษิณ หรือคุณยิ่งลักษณ์ ไม่มีทรัพย์สินหรือธุรกิจใดๆ ในกัมพูชาเลย..
..ผมขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า นายทักษิณและผม ไม่เคยได้พูดคุยกันเรื่องทำธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับบุคคลหรือครอบครัว หากข้อมูลแบบนี้ออกมาจากกัมพูชา ผมจะขอให้ยุติโดยด่วน เพราะประเทศชาติของเราต้องรักษาศักดิ์ศรี ไม่โกหกหลอกลวง หรือสร้างเรื่องที่ไม่เป็นความจริง”
คำรับประกันของ ฮุนเซน ว่า ที่ทักษิณไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ในกัมพูชา และไม่โกหกหลอกลวงฉันใด คนไทยคงรับประกันได้เช่นกันว่า ทักษิณไม่เคยใช้อิทธิพลทางการเมืองเหนือรัฐบาลเพื่อไทยและไม่เคยสั่งให้ทหารหยุดยิงฉันนั้น
สุทิน วรรณบวร

สิ้นสุดทางสงสัย! 'ทนายไพศาล'ไขปมเข้าร่วม ปชป. เชื่อมั่น 'อภิสิทธิ์' คนดีมีสัจจะวาจา
'ธรรมนัส'ดันสินค้าเกษตรไทยโกอินเตอร์ ลงนามพิธีสารไทย-จีน เปิดตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้ง
แฉผู้พันเขมรสั่งวาง'ทุ่นระเบิด PMN-2' พื้นที่ช่องบก ก่อนทหารไทยเหยียบ (คลิป)
ฝืดคอ!!! 'ช้างศึก'หืดทุบ'ลอดช่อง' 3-2
'สันธนะ'ปูด'พล.ต.อ.'โทรมาต่อรองเรื่องหมายจับ ลั่นไม่กังวลถ้าต้องเข้าเรือนจำ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี