วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ พระราชประสงค์ที่ทรงจัดตั้งโครงการหลวงก็เพื่อที่จะช่วยชาวไทยภูเขา ให้เขาสามารถช่วยตนเองได้ในการเลี้ยงชีพ ปลูกพืชที่มีประโยชน์ เช่น พืช ผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 200 ชนิด ทดแทนการปลูกพืชเสพติด ช่วยสร้างรายได้ให้ชาวไทยภูเขา สามารถเลี้ยงครอบครัวของเขาได้ดีกว่าแต่ก่อน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้น โครงการหลวง ยังช่วยลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่าถ้าเราช่วยชาวไทยภูเขาให้อยู่ดีกินดี โดยไม่ต้องปลูกพืชเสพติด เท่ากับช่วยบ้านเมืองของเราให้ปลอดภัยได้ทั่วประเทศ และได้รักษาป่าไม้ รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป ซึ่งประโยชน์อันนี้จะยั่งยืนมาก... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดา พระราชวังดุสิต 11 สิงหาคม 2554)
...■■ การเมืองไทยในยุคหน้า ซึ่งจะมาจากหลังการเลือกตั้ง สส. ในต้นปีหน้า ถูกวิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์การเมืองไทยว่าน่าจะอยู่ในสภาพแสนสาหัส เพราะคนไทยจำนวนมากยังมองไม่เห็นว่าใครหน้าไหนจะมีความสามารถรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีความสามารถเป็นพิเศษ มหาพิเศษ จนสามารถช่วยนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นจากมหาวิกฤตให้ได้
...■■ ขอย้ำว่า ต้องไม่ลืมว่าปีหน้าไทยจะเจอปัญหาหนักทั้งในประเด็นเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง แล้วที่สำคัญคือคนไทยยังมองไม่ออก และหาทางออกไม่เจอว่าความเสียหายอันเกิดจากปัญหาการสู้รบกับกัมพูชา อันมีต้นเหตุมาจากกัมพูชาจงใจรุกรานไทย แต่เมื่อมองกลุ่มคนที่อาสาเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยในยุคหน้า ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าดูแล้วค่อนข้างสิ้นหวัง ถึงสิ้นหวังอย่างสุดขีด เพราะยังมองไม่เห็นว่าชื่อที่ปรากฏเป็น candidate นายกรัฐมนตรียุคหน้าจะมีศักยภาพเพียงพอกับการนำพาให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากมหาวิกฤต
...■■ แต่หากจะถามว่า แล้วไม่ไว้ใจ อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยหรือ ก็ต้องตอบว่าไม่ไว้ใจ เพราะปรากฏชัดเจนแล้วว่า เมื่ออนุทินเจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ อนุทินก็ทำอะไรไม่ถูก ทำอะไรก็ติดๆ ขัดๆ ไปเสียทุกสิ่งอย่าง แล้วเมื่อมาเจอปัญหากัมพูชารุกรานไทยอย่างหนัก ก็ยังพบอีกว่าอนุทินก็กึกๆ กักๆ เก้ๆ กังๆ อีก
...■■เมื่อมองไปที่ เชน ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หลานชาย ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยโดยเชนคือลูกชายเถ้าแก่เนี้ยแห่งวังบัวบาน เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ถามว่าทำไมจึงเสนอชื่อ เชน ยศชนัน หลานทักษิณเป็น candidate เบอร์หนึ่งของพรรคเพื่อไทย ตอบได้ว่าเพราะพรรคเพื่อไทยคือสมบัติส่วนตัวของทักษิณ ดังนั้นคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทยก็ต้องเป็นลูกหลานเหลนโหลนของทักษิณเท่านั้น แต่หากจะถามว่าแล้วทำไมจึงเคยปล่อยให้ เศรษฐา ทวีสิน เข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้ ก็ตอบว่า เพราะทักษิณเชื่อมั่นว่าควบคุมเศรษฐาได้อย่างแน่นอน
...■■ เมื่อมองดูรายชื่อ candidate ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็พบว่ายศชนัน เป็นเบอร์หนึ่ง ตามมาด้วย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้า (หุ่นกระบอก) ของพรรคเพื่อไทย และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายทุนพรรคเพื่อไทย ครั้นถามต่อไปว่าเมื่อคอการเมืองเห็นรายชื่อ candidate นายกรัฐมนตรีทั้งสามจากพรรคเพื่อไทยแล้วมีความรู้สึกตื่นเต้นจนต้องร้อง WOW หรือไม่ ตอบชัดๆ ว่าไม่เลย แต่กลับรู้สึกว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ยังคงเป็นสมบัติของทักษิณวันยังค่ำ เมื่อถามต่อไปว่า แล้วเชื่อมั่นหรือไม่ว่า เชน ยศชนัน มีความสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็ต้องตอบว่าโอย! จะไปเอาอะไรกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย เพราะขนาดแพทองธาร ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็หมายความว่าใครต่อใครและใครไหนๆ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีไทยได้ทั้งนั้น เพราะเมื่อคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีมันต่ำเสียแล้ว ก็ไม่ต้องตั้งคำถามว่าทำไมคนอื่นๆ จึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีไทยเป็นตำแหน่งที่ใครๆ ก็สามารถเป็นได้ ไม่ว่าจะมีสติปัญญา มีความสามารถ มีความรับผิดชอบ และมีความละอายหรือไม่ก็ตาม
...■■ กลับไปที่คำถามว่า เชน ยศชนันได้รับเลือกเป็น candidate เบอร์หนึ่งของเพื่อไทยเพราะอะไร ก็มีคำตอบจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า เพราะต้องการคนที่จะนำพาให้ประเทศไทยก้าวออกจากความขัดแย้ง แล้วนำพาประเทศก้าวไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจโดยใช้ AI และความทันสมัยเข้ามาเป็นเครื่องมือหลัก เมื่อจุลพันธ์ตอบแบบนี้ก็ทำให้ต้องกลับไปค้นหาว่า ยศชนัน มีความเชี่ยวชาญในด้านใด ก็พบว่าจบปริญญาตรีจากสถาบันเทคโนโลยีสิรินธร ธรรมศาสตร์ แล้วไปศึกษาต่อปริญญาโทและเอก จากเท็กซัส แล้วกลับมาสอนหนังสือและเป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งก็ต้องบอกตรงๆ ว่าประสบการณ์ของ เชน ยศชนัน คือคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงมีคำถามต่อไปว่า ที่ผ่านๆ มานั้นคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยคนไหนบ้างที่ประสบความสำเร็จในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย แล้วก็มีคำถามต่อไปว่าการสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยกับการทำงานการเมืองจริงๆ มันไปด้วยกันได้หรือ พร้อมกันนั้นก็ยังมีการพูดต่อไป ดูจากชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ก็เห็นได้ชัดแล้ว เพราะมาจากอาจารย์และผู้บริหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถมยังเคยเข้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรีมาก่อนด้วย แต่เมื่อได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ปรากฏว่าชัชชาติทำงานได้ค่อนข้างเละเทะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะฉะนั้น จึงมีคำถามต่อไปว่า คนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยจะมีความสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีจริงหรือ
...■■ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าทหารไทยประสบอุบัติเหตุเพราะถูกระเบิดแสวงเครื่อง (roadside bomb) ของกัมพูชา ถามว่าทำไมทรัมป์พูดและเชื่อเช่นนั้น ตอบว่าเพราะทรัมป์ได้รับข้อมูลมาแบบนั้น แล้วประกอบกับสติปัญญาของทรัมป์มีเท่านั้น เมื่อได้รับข้อมูลใดๆมาแล้วไม่ค้นหา ไม่สืบค้นต่อ ก็จึงพล่ามไปตามระดับสติปัญญาของตน แต่ที่น่าจะมากกว่านั้นคือ เป็นเพราะว่าทรัมป์ได้รับข้อมูลจากบริษัท lobbyist สัญชาติอเมริกัน ซึ่งผู้บงการรัฐบาลกัมพูชา โดยฮุนเซนว่าจ้างให้ lobby สหรัฐฯ ให้หลงเชื่อเรื่องราวต่างๆ ที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์ให้ไทยกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาสหรัฐฯ และนานาชาติ
...■■ บริษัท lobbyist ที่ว่านี้ชื่อ National Consulting Services Inc. บริษัทนี้เป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่มี ดอน เบนตัน อดีตผู้อำนวยการหน่วยงานรัฐบาลกลาง และยังพบว่า ดอน เบนตัน คืออดีตที่ปรึกษาอาวุโสของ โดนัลด์ ทรัมป์ และเคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของมลรัฐวอชิงตัน เป็นเวลา 20 ปี และเคยเป็นผู้บริหารหน่วยงานรัฐบาลกลางของวอชิงตัน ดี.ซี.
...■■ เมื่อรัฐบาลกัมพูชาจ้างบริษัท National Consulting Services Inc. ทำหน้าที่ lobbyist ก็จึงทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสคล้อยตามคำ lobby ของบริษัทได้โดยไม่ยากเย็น เพราะมีความสนิทสนมกันอย่างมากมาเป็นเวลานาน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จึงไม่ต้องถามต่อไปว่า ทำไมทรัมป์จึงมองว่าไทยมีพฤติกรรมคล้ายๆ กับผู้รุกรานกัมพูชา แต่ก็ต้องถามต่อไปว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่คิดจะสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไทยและกัมพูชาจากเหล่าบรรดา CIA ที่น่าจะมีอยู่เต็มเมืองไทยและกัมพูชาบ้างหรือ ว่าจริงๆ แล้วการสู้รบกันที่กำลังเกิดขึ้นนั้น
ไทยเริ่มก่อน หรือกัมพูชาเปิดฉากก่อน เรื่องพื้นๆ แบบนี้ หากโดนัลด์ ทรัมป์ มีสติปัญญาหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ไม่ยากกับการค้นหาความจริง
...■■ ปิดท้ายด้วยเรื่องน่าวิตกของไทย ขอย้ำเลยว่าปีหน้านี้ คนไทยจะเจอสารพัดปัญหา ทั้งปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเจอปัญหารุมเร้ารอบด้านก็ต้องถามว่าแล้วคนไทยทั้งประเทศจะอยู่กันอย่างไร จะเอาตัวรอดอย่างไร จะหวังพึ่งรัฐบาลก็คงไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ไม่น่าจะมีสติปัญญาแก้ปัญหาวิกฤตได้ คำถามที่ตามมาอีกข้อคือ สินค้าไทยที่ส่งไปขายสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราเท่าไรแน่ จะถูกเก็บ 19 เปอร์เซ็นต์ หรือ 35-36 เปอร์เซ็นต์ ใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ชัดเจนบ้าง
...■■ แล้วเมื่อดูการปรับตัวขององค์กรขนาดใหญ่ในไทย ก็พบว่าพากันปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ที่น่าจะเลวร้ายกันอย่างทั่วหน้า โดยเฉพาะเมื่อมองจากธนาคารพาณิชย์ พบว่าปรับลดพนักงานลงอย่างเห็นได้ชัด เรื่องหนักหนาสาหัสที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยนั้น ไม่มีใครช่วยคนไทยได้ ดังนั้น ขอให้คนไทยทุกคนเตรียมรับมือกับมหาวิกฤตไว้แต่เนิ่นๆ อย่าสร้างหนี้ อย่าสุรุ่ยสุร่าย และอย่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรนานาชนิดที่มีมากมายล้นแผ่นดินไทย แล้วก็อย่าเชื่อคำพูดนักการเมือง เพราะยังมองไม่เห็นนักการเมืองไทยหน้าไหนที่มีความสามารถแก้วิกฤตของประเทศได้ แม้แต่รายเดียว...■■
ธรรมกร

‘หัวหน้าพรรคปวงชนไทย’ประชุมจัดตั้งตัวแทนพรรค เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.จันทบุรี
‘โรงพักบ้านแท่น’ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ ช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่2569
‘น่าน’สร้างความเชื่อมั่นปชช. ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม รับคริสต์มาส-ปีใหม่2569
‘นายกฯ’ยันรัฐบาล‘พูดแล้วทำ’ต่อต้านสแกมเมอร์ ลั่นทำไมต้องเลี้ยงดูคนพวกนี้ในประเทศเรา
เนิน 350 ไม่ใช่แค่สมรภูมิ แต่คือจุดชี้ขาดที่'กัมพูชา'กลัวเสียมากที่สุด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี