.........ธุรกิจฟุตบอลไม่มีวันล่มสลาย
เป็นคำพูดที่ดูเหมือนว่า ไม่มีใครกล้าเถียง โดยเฉพาะวงการฟุตบอลอังกฤษ ศึกพรีเมียร์ลีก กระโดดเข้าไปอยู่ในหัวของคนทั่วโลก เติบโตยิ่งกว่าการก้าวกระโดด ยิ่งดูการกลไกและความเป็นไปต่างๆ การดำเนินงานธุรกิจแล้ว
ไม่มีทางที่จะยุบเลยจริงๆ
ตัวอย่างชัดเจนที่เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็คือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี เจ้าของตำแหน่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นที่แล้ว และว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ หลังจากต้องการอีก 6 คะแนน จาก 9 เกม เพื่อเป็นแชมป์แรกในรอบ 30 ปี และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 19
แต่นาทีนี้โดนเบรกโดยคู่ต่อสู้มหาประลัยที่ชื่อ “โควิด-19”
เป็นการเบรกแบบแรงมาก เบรกแบบหัวทิ่มกันเลยทีเดียว
ไม่เพียงแต่เบรกเรื่องของในสนาม ที่มาห้ามไม่ให้เป็นแชมป์ออกไปเท่านั้น ยังทำให้ ลิเวอร์พูล ที่กำลังทำเงินรายได้ที่ท้าทายพร้อมเขย่าบัลลังก์ขาใหญ่ได้ทุกเมื่อในทั่วโลกใบนี้
ต้องชะลอความยิ่งใหญ่ตรงนี้ไปซะฉิบ!!!
มูลค่าต่างๆ ที่กำลังจะหลั่งไหลกันแบบถล่มทลาย สุดท้ายทุกอย่างจะต้องถูก “แช่แข็ง” เอาไว้ทั้งหมด
ทันทีที่มีข่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของ โจ แอนเดอร์สัน นายกเทศมนตรีเมืองเรื่องกลัวแฟนบอลออกมาทำให้เกิดการระบาดโคโรนาไวรัสในเมือง หาก “หงส์แดง” ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก
ทำให้กลุ่มแฟนบอลลิเวอร์พูล ฟุตบอลคลับ “The Spirit of Shankly”แถลงการณ์สวนกลับทันทีว่า ไม่พอใจความคิดเห็น นายกเทศมนตรี เลือกที่จะพูดอะไรออกมา โดยที่ไม่ได้พูดคุยใดๆ เลยกับแฟนฟุตบอลนั่นเป็นสมการที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะสนับสนุนคำพูดของนายกเทศมนตรีแม้แต่น้อย ว่าแฟนบอลจะฝ่าฝืนการล็อกดาวน์ และรวมตัวกันนอกแอนฟิลด์ เมื่อฟุตบอลกลับมา
ซึ่ง สโมสรลิเวอร์พูล เอฟซี เอง ก็ทำการตอบโต้ พ่อใหญ่โจ เช่นเดียวกัน
เป็นความบังเอิญแบบพอดี ก็เลยถือโอกาสนี้เขียนเรื่องมูลค่าต่างๆ ที่ “หงส์แดง”ต้อง “เสียหาย” ที่เห็นๆ ชัดเจนว่า เงินที่จะไหลเข้ามาในอนาคต มันหลุดวงโคจรออกไป
มันจะกลับมาได้หรือไม่ จุดนี้ก็ยังบอกไม่ได้เช่นเดียวกัน...............
..........ว่ากันถึงซีซั่นที่แล้วกันก่อน กับการเดินทางสู่ยอดเสาของ “หงส์แดง”
พรีเมียร์ลีกอังกฤษ กับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018-2019 พวกเขาก็กวาดรายได้มาถึง 250.9 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 10,286.9 ล้านบาทเป็นทีมแรกในวงการฟุตบอล
รายได้แบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 152.4 ล้านปอนด์ และยูซีแอล 98.5 ล้านปอนด์
ตามมาด้วย สเปอร์ส รองแชมป์ยุโรป รับไป 235.2 ล้านปอนด์ จากพรีเมียร์ลีก 145.2 ล้านปอนด์ และยูซีแอล 89.9 ล้านปอนด์ และอันดับ 3 แมนฯซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่เข้าไม่ถึงตัดเชือกยูซีแอลรับไป 233.3 ล้านปอนด์ จาก พรีเมียร์ 151 ล้านปอนด์ และยูซีแอล ยุโรป 82.4 ล้านปอนด์
ตัวเลขนี้ตอกย้ำสถานะทางการเงินของทีมในพรีเมียร์ ลีก เพราะสามารถทำรายได้รวมกัน 5,300 ล้านยูโร หรือกว่า1.9 แสนล้านบาท มากกว่า ลา ลีกา สเปน ที่ทำได้รวมกัน 2,900 ล้านยูโร และบุนเดสลีกา เยอรมนี ที่ทำได้ 2,800 ล้านยูโร
ลิเวอร์พูล ยังคงเก็บมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นไปอีก หลังจากครองถ้วยยุโรป ด้วยการกำชัยทั้งซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือ ชิงแชมป์สโมสรโลก
เฉพาะ “เงินรางวัลอย่างเดียว” นั่นคือแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 16 ล้านปอนด์, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 4 ล้านปอนด์ และแชมป์สโมสรโลก 4 ล้านปอนด์
ย้ำอีกทีว่า นี่เป็นการนับเฉพาะ“เงินรางวัลแชมป์” เท่านั้น
รายได้ที่ตามมามหาศาลก็คือ ส่วนแบ่งจากการถ่ายทอดสด นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล ได้เงินจากการเป็นเจ้ายุโรป สมัยที่ 6รวมแล้วเฉียดๆ 100 ล้านปอนด์ หรือเกือบๆจะ 4,000 ล้านบาท
รายได้ก้อนใหญ่ที่ “ลิเวอร์พูล” ได้รับนั่นก็คือ รายได้จากการถ่ายทอดสด พวกเขาเป็นอันดับ 1 ของโลกในขณะนี้
รายได้มาพร้อมกับแบรนด์ที่เติบโตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับฐานแฟนฟุตบอลที่เพิ่มขึ้นตามยุคสมัยที่มี “โซเชียล มีเดีย”
ขณะเดียวกัน มูลค่าของนักฟุตบอลก็โตตามสถานการณ์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยการคำนวณล่าสุด มูลค่าของนักฟุตบอล “หงส์แดง” สูงสุดในพรีเมียร์ลีก ในเกมถลุง เลสเตอร์ ซิตี้ แหลกที่คิง เพาเวอร์ 4-0 มูลค่านักบอลชุด 11 ตัวจริง ไปไกลถึง 838.8 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 33,550 ล้านบาท
เกมนั้นคือ อลิสซอน เบ๊คเกอร์, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, แอนดี้โรเบิร์ตสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, นาบี เกอิตา, ซาดิโอมาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
เป็นที่คาดการณ์จากนักวิเคราะห์การเงินว่า หาก ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้ได้อีก ก็มีโอกาสที่ตัวรายได้ และกำไรสุทธิจะมากขึ้นกว่านี้ไปอีก
อีกทั้งมองกันในมุมของพรีเมียร์ลีกแล้ว เป็นที่คาดกันว่า ไม่มีทางที่จะหยุดเงินรายได้มหาศาลของฟุตบอลอังกฤษได้อีกต่อไปเพราะด้วยความนิยม และความสนุกในการรับชม ทั้งการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และการเดินทางมายังประเทศอังกฤษ เพื่อชมเกมด้วยตัวอย่างเต็ม
สองตา
นั่นคือสิ่งที่คาดการณ์กันก่อนที่โลกใบนี้จะมีผู้มาเยือนที่ไม่รู้ว่ามายังไง มาเอง, ใครพามา หรือใครสร้างมันมากันแน่
โคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 ที่ไม่มีใครอยากจะรู้จัก หรืออยากจะต้อนรับแม้แต่น้อย.................
............ยืนยันกันไว้ก่อนเลยว่า ไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้ทั้งหมดกับ “การเสียรายได้” กับ “ความเสียหาย” ในครั้งสำคัญนี้
ทั้งหมดคือ “การคาดการณ์” จาก“ประสบการณ์” ของผมเอง!!!
เริ่มจากเรื่องการฉลองชัย ซึ่งเรามองจุดนี้ได้ว่า ลิเวอร์พูล จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกค่อนข้างแน่ หลังจากมีคะแนนนำห่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 25 คะแนน และต้องการอีก 6 แต้ม จาก 9 เกมจะเป็นแชมป์ทันทีหากจะพลาดก็คือ ทำไม่ได้ถึง 6 แต้ม บวกกับแมนฯซิตี้ ต้องชนะทั้งหมดด้วย
เรื่องนี้คนที่เข้าใจโลก คงจะรู้แล้วว่า มันเกิดขึ้นได้ แต่มันเกิดขึ้นได้ยากมากๆดังนั้นถ้าเข้าใจโลก คงจะเข้าใจเหตุผลนี้
ย่อกันมาสั้นๆ เหลือสัก 5-6 ข้อเริ่มกันด้วยเหตุผลการเสียหาย “เป็นวงกลม”ตั้งแต่ “หัวยันหาง” ของทั้งสโมสร และเมือง ตั้งแต่ข้อ 2 เป็นต้นไป................
2.แมทช์เดย์ : เป็นที่คาดการณ์สำหรับตัวเลขประจำแมทช์การแข่งขัน หรือ แมทช์เดย์ ซึ่ง “หงส์แดง” จะได้รับมีมูลค่าเฉียดๆ 2 ล้านปอนด์ต่อแมทช์ โดยมีอีก
4 เกม ในซีซั่นนี้รออยู่นั่นคือ พบกับ คริสตัล พาเลซ, แอสตัน วิลล่า, เบิร์นลี่ย์ และเชลซี แน่นอนว่าทีมเสียรายได้ตรงนี้ 8 ล้านปอนด์ หรือกว่า 320 ล้านบาท โดยที่ยังไม่รวมเม็ดเงินจากการถ่ายทอดสด
3.วงจรแต่ละวันของสโมสร : การปิดช็อป หรือ ซูเปอร์สโตร์ ของสโมสรไปเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ส่งผลให้ขาดรายได้ไปมหาศาล เนื่องจากการจำหน่ายทางออนไลน์ ไม่เหมือนกับการเข้าไปที่ช็อป ขณะที่การเข้าสู่สเตเดี้ยมทัวร์ในแต่ละวัน ต่อหัวต่อคนอยู่ที่สนนราคาเกือบ 1,000 บาท วันหนึ่งมีจำนวนหลายพันคน คือเม็ดเงินที่หายไปโดยปริยาย อีกทั้งเรื่องการจำหน่ายอาหารแบบเทคอะเวย์ของทีมก็ยุติไปทั้งหมด
4.ดีลชุดแข่งใหม่ : จากกำหนดเดิมที่จะเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ไนกี้ และจะจำหน่ายหลังจากหมดสัญญากับ นิว บาลานซ์ ในเดือนมิถุนายน ทำให้ต้องเลื่อนไปหมด ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครตอบได้ว่า ลิเวอร์พูล ทำสัญญาในรายละเอียดแบบใดเอาไว้ นั่นคือรับทรัพย์เป็นสถิติไปเลย 80-90 ล้านปอนด์ต่อปี หรือว่ารับไม่เกิน 30-40 ล้านปอนด์เพื่อไปลุ้นส่วนแบ่งการตลาด ที่ตอนนี้ชะลอตัวไปหมดทั้งเสื้อปีนี้ของนิว บาลานซ์ และเสื้อใหม่ในซีซั่นหน้าของไนกี้ สนนราคาตัวละไม่ต่ำกว่า 2,790 บาท ต้องลองคูณเข้าไปต่ำสุดที่ตัวเลข 1,000,000 ตัว ทำให้ยอดเงินชะลอไปอย่างมโหฬาร
5.แฟนบอลจากต่างประเทศ : เม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้าสโมสร มาจากแฟนบอลทั่วโลกแต่ตอนนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งกำลังซื้อจากแถบเอเชีย ซึ่งเป็นพลังซื้อที่สำคัญ และทรงพลังมากที่สุด ถูกตัดไปทั้งหมดเป็นเดือนๆ
6.ยี่ปั๊ว ซาปั๊วประจำเมือง : การเตรียมสินค้าออกวางจำหน่ายนอกจากในสโมสรแล้ว ในประเภทของสินค้าพื้นเมืองต่างๆ มียอดออเดอร์ที่เตรียมทำต้องชะลอตัวทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ, ผ้าพันคอ, หมวก, ธง เป็นอาทิในการจำหน่ายฉลองแชมป์ คาดว่าเมื่อผู้คนไม่ได้ไปจากแดนไกล สินค้าเหล่านี้ขายใครไม่ได้นับแสนชิ้น
ถ้ามีมากกว่าคิดได้เดี๋ยวมาเติมให้ในอนาคต
.....สุดท้ายย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2019 การฉลองชัยแชมป์ยุโรปอันยิ่งใหญ่ของ “หงส์แดง” นำรายได้เข้าสู่เมืองมหาศาลถึง 150 ล้านปอนด์ หรือกว่า 6,000 ล้านบาทจากการยืนของ พ่อใหญ่โจ นายกเทศมนตรีเมือง จากการที่มีคนมาร่วมฉลองเฉียด 800,000 คน
มูลค่านี้นับจากการเข้าจับจองที่พักในโรงแรม, ร้านอาหาร, ผับบาร์ ที่ขายกันแบบยิ่งกว่าเททิ้ง การฉลองชัยชนิดที่ว่า “เบียร์หมดเมือง”
ยิ่งการรอคอย 30 ปี กำลังจะได้ฉลองทำให้ทุกอย่างจบหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกอย่างพุ่งกระฉูดไปหลายเท่าตัว
ตัวอย่างที่พักระดับเรดิสัน บลู จากเดิม 5 คืน 40,000 บาท พุ่งไปเป็นราคา 120,000 บาท ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าที่พักแทบจะเต็มหมดแล้ว
การทำวีซ่าจากเมืองไทยคนละ 7,500 บาท ไม่มีการขยับเขยื้อนมาเป็นเดือน
การสัญจรทางอากาศที่จะมุ่งหน้าไปที่อังกฤษ จากเมืองไทยราคาเริ่มต้นกว่า 20,000 บาท ถูกตัดขาดไปเช่นเดียวกัน
ตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่พุ่งกระจุยเกมที่ว่ากันว่าจะได้ยกถ้วยระหว่าง ลิเวอร์พูล-เชลซี ในแมทช์เดย์ที่ 37 ราคาทะลุไป 3-4 แสนบาท คนที่จองแล้วถ้าได้เงินคืนก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ได้ก็.............
ร้านอาหาร, สถานที่ต่างๆ ที่จะได้รับอานิสงส์ ต้องเลิกฝัน ไม่มีใครไปในเมืองทั้งที่กำลังจะ “มีงานใหญ่” สำคัญที่สุดก็คือเศรษฐกิจในเมืองดิ่งเหว เดือนก่อนยอดจำหน่ายโดยองค์รวมตกลงไปแตะหลัก“ขายไม่ได้” อยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ดังนั้น จากนี้ไป การันตีว่า เงินจำนวนดังกล่าวนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะจะไม่มีการเดินทาง หรือการฉลองชัยใดๆ หาก ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ เต็มที่ที่สุดก็คือส่วนแบ่งการถ่ายทอดสด
ที่เหลือคือศูนย์บาทแทบจะทั้งองคาพยพ
นี่คือเหตุผลของข้อที่ 1 เท่ากับว่า งานฉลองคือสิ่งสำคัญอย่างที่สุดเป็นลำดับแรกเงินจะหายไปอย่างน้อยๆ 6,000 ล้านบาท
นี่แค่ลำดับแรกเท่านั้น!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี