สัจจะ4ประการ! 'หงส์'ตีปีกบานฉ่ำอีกครา

สัจจะ4ประการ! 'หงส์'ตีปีกบานฉ่ำอีกครา

วันพุธ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 11.48 น.

เยอร์เก้น คล็อปป์ ย้ำอยู่เสมอ และทุกคนที่ได้ชมสารคดีภาพยนต์ The End Of The Storm คงเข้าใจตรงกัน

"สำหรับผม ระบบ กับ กองหลัง คือสิ่งสำคัญเป็นลำดับแรก"

"ไม่รู้ใครพูดเอาไว้ว่า เกมบุกเอาไว้ขายตั๋ว แต่เกมรับเอาไว้สำหรับเป็นแชมป์ แต่มันสำคัญเหมือนกันหมดนั่นแหละ จะมีแต่บุกอย่างเดียว หรือรับอย่างเดียวก็ไม่ได้"

คล็อปป์ เลือกที่จะใช้นักเตะชุดเดิมจากเกมแพ้ เลสเตอร์ แบบ "อุบัติเหตุท้ายเกม" ที่ยังไม่มีใครตอบได้ว่าเกิดอะไร เพราะทีมเสีย 3 ประตูใน 7 นาที เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร

โชคช่วยอำนวยช้ยให้กับ อลิสซอน เบ๊คเกอร์

4 นาทีครึ่ง หากเป็น 2 เกมก่อนที่"พลาดท่า"ด้วย และ"ดวงตก" ด้วย คงจะพังไปแล้ว เมื่อลูกพุ่งโหม่งของ "ไอ้ขาว" ดานี่ โอลโม่ พุ่งไปชนเสาด้านในแล้วเด้งผ่านปากประตู

ที่สำคัญคือ มันผ่านหลังของ อลิสซอน ออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่"รูที่จะลอด"แทบจะไม่มีให้บอลมันเล็ดออกมาเลย

ผ่านจุดตรงนั้นมาได้ และการเล่นร่วมกันสำคัญที่สุดในเกมนี้



นี่คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ ฟุตบอลลิเวอร์พูล กลับมาเป็นเหมือนเดิม และสับออกมาได้ 4 ข้อ

1.การเล่นร่วมกันของ 3 ประสานแดนหน้า


การได้ประตูในเกมนี้อาจจะไม่ได้มาจากการประสานงานกันของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ หรือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

แต่การกลับมา"เล่นร่วม" พร้อมกับการ"กระจายบอล"ให้กันและกัน มีมากยิ่งขึ้นกว่าเกมที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะพื้นที่ด้านข้างค่อนข้างเปิดจึงเป็นปัจจัยได้ทั้ง 3 ได้ร่ายมนต์ร่วมกัน

ลูกงัดจากเส้นของ มาเน่ ไปให้ ฟีร์มิโน่ โหม่งเข้าก่อนจะโดนยึดไปเพราะบอลออกหลังไปก่อน เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนมาก

2.อลิสซอน เบ๊คเกอร์ กลับมาเซฟ

อย่างที่บอกเอาไว้ว่า "แต้มบุญ" ของ อลิสซอน กับทีมนั้นเกิดขึ้นมาด้วยสองมือของเขาเอง และในที่สุดเขาก็กลับมาอยู่ในฟอร์มที่สมควรจะเป็นตัวเขาอย่างที่สุดอีกครั้ง

มีเซฟสวย ๆ และมีโชคมาช่วยนี่คือเรื่องปกติสำหรับนายทวารด่านสุดท้าย และแน่นอนว่า มันสร้างกำลังใจขึ้นเยอะเลย

3.สมาธิที่มีตลอดทั้งเกม

สมาธิในการเล่นนี่คือจุดสำคัญอย่างยิ่ง เกมแพ้ แมนฯซิตี้ เกมกำลังสูสีแต่พอพลาดกันเองสมาธิแตกกระเจิงจนแพ้กระจาย
เกมแพ้ เลสเตอร์ เกมกำลังดีกว่าชัดเจน แต่มาเจอ วีเออาร์ตีเส้นและตัดสินแบบ"ไร้มาตรฐานสิ้นดี" กับคำว่า "วิจารณญาณ" มันกลายเป็น "วิจารณหย่อน"
สมาธิดี ความมั่นใจจึงกลับมา และความผิดพลาดส่วนบุคคลน้อยถึงน้อยมาก ๆ

4.ฉกฉวยโอกาสได้ดี

เรื่องการโต้กลับของ ลิเวอร์พูล ขึ้นชื่อลือชามาก ๆ และหลายจังหวะพวกเขาใช้โอกาสนี้จากความผิดพลาดของคู่แข่ง เช่นเดียวกับค่ำคืนนี้ที่บูดาเปสต์

ทั้งสองประตูที่ได้มาจากความผิดพลาดของคู่แข่ง และการฉวยโอกาสเข้าไปยิงได้ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ ทำให้ทีมกุมความได้เปรียบอย่างมากในเกมนัดต่อไป

ขณะเดียวกัน ไลป์ซิก เองยังเป็นเหมือนในบุนเดสลีกา บทจะชนะก็จะชนะเลย แต่บทจะเสียแต้มก็พังดื้อ ๆ เนื่องจากการเล่นของพวกเขาสวยงามเป็นระบบระเบียบ ขึ้นบอลได้ทั่วสนาม และมีตัวจบจากแถวสอง

แต่บางครั้งมันก็ออกมานิ่มนวลเป็นปุยนุ่นแบบไม่น่าเชื่อ

แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเกมนี้

.....ขณะที่ โอซาน คาบัค ได้รับคำชมในนัดนี้หลังจาก"ประสานงา"กับ อลิสซอน ที่ออกมาตัดแบบไม่ตูตาม้าตาเรือในเกมก่อน จุดสำคัญก็คือ ไลป์ซิก ไม่มีกองหน้าเป็นประเภทพุ่งเป็นจรวด แล้วเลือกส่งพวกจอมเทคนิคที่ลงมาคล้องบอลตรงกลางอย่าง โอลโม่ และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ลงสนาม

งานของ คาบัค จึงง่ายขึ้น และทั้งเกมนี้ ไลป์ซิก เล่นแผนบี้กับไลน์แนวรับน้อยมาก 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top