น้ำตาของนักเตะญี่ปุ่น หลั่งรินบนแผ่นดินตัวเอง.........
พวกเขาไม่สามารถที่จะ “คว้าเหรียญ” ประวัติศาสตร์โอลิมปิกเกมส์ในถิ่นตัวเองได้ หลังจากพ่าย เม็กซิโก 1-3
เป็นการอกหักสองครั้ง น้ำตานองหน้าสองหนติดต่อกัน เพราะก็เพิ่งแพ้ สเปน ตกรอบตัดเชือกในช่วงต่อเวลา
การเดินทางของฟุตบอลญี่ปุ่น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ใช่มีแต่ตั้งธง ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ แต่ทุกอย่างพวกเขานำมาผสมกัน
โดยใช้ “การ์ตูน” หรือ “มังงะ” นำทาง!!!!!!!
เชื่อว่าหลายต่อหลายคนในโลกแห่งฟุตบอล หรือโลกของการ์ตูน ย่อมรู้จัก “กัปตันซึบาสะ” ที่โดดเด่นมากในยุคกลางทศวรรษที่ 80 ในประเทศไทย หลังจากเริ่มมีการเขียนเมื่อปี 1981 โดยอาจารย์ โยอิจิ ทาคาฮาชิ
ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ ที่ได้อ่าน ซึบาสะผ่านทางหนังสือการ์ตูนเล่มใหญ่ๆ ออกทุกวันจันทร์ ครั้งละ 2 เล่มเล่มละ 2.50 บาท (สองบาทห้าสิบสตางค์)
ที่นี่ใช้การ์ตูนนำทาง คุณลองดู อากิฮาบาระ เป็นตัวอย่างชัดเจน และตอกกลับคำว่า “ดูการ์ตูนทำไมไม่มีประโยชน์”
การอ่านการ์ตูนไม่ใช่เรื่องตลก
ญี่ปุ่น ไม่สามารถคว้าเหรียญฟุตบอลในถิ่นของตัวเองได้ จบด้วยอันดับ 4
ซึบาสะ เขียนมาตั้งแต่ปี 1981
ก้าวแรกสู่สังเวียน เขียนมาตั้งแต่ปี 1989
จากฉบับตีพิมพ์ สู่ระบบดิจิทัลในปัจจุบัน ก็ยังคงดำเนินกันอยู่
คำถามหลายคนงงว่า ซึบาสะ ตกลงจบหรือยัง ตอบได้ทันทีว่า ยังไม่จบ........
มีข้อมูลที่น่าสนใจจากแฟนเพจของผมคือคุณ Siwarote Rotejanaburanon ระบุว่า อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้(อาจจะ)ขอทำนายแชมป์บอลโอลิมปิก 2020 หรือจะเป็นสคริปสู่เหรียญทองโอลิมปิกของฟุตบอลชายทีมชาติญี่ปุ่น
ในการเขียนครั้งนี้ระบุว่า โอลิมปิกญี่ปุ่นใช้เกมส์และการ์ตูนของตัวเองมาเชื่อมโยงกับกีฬาที่แข่ง แต่มีเรื่องบังเอิญและเกือบจะเป็นจริง
ระหว่างทีมฟุตบอลชายกับการ์ตูนเรื่องกัปตันซึบาสะ ในภาค Captain Tsubasa Rising Sun เริ่มวางแผงกลางปี 2014 และปัจจุบันยังเขียนไม่จบ
กัปตันซึบาสะ ภาค Rising Sun เป็นเรื่องราวการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิก ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ตอนที่ 58 จบรอบแบ่งกลุ่ม ตารางรอบ 8 ทีมสุดท้ายออกมา ญี่ปุ่น พบ เยอรมนี แน่นอนว่าญี่ปุ่นชนะ และเข้าไปพบกับทีมชาติสเปนในรอบรองชนะเลิศ และเมื่อผ่านสเปนจะไปเข้าชิงกับทีมชาติบราซิลในรอบชิงชนะเลิศซึ่งบอสเป็นริวัล(หรือ ริวัลโด้ ในความเป็นจริง) ที่เล่นอยู่ที่สโมสรบาร์เซโลน่าด้วยกันกับพระเอกของเรื่องก็คือ ซึบาสะ
“ฟุตบอลคือเพื่อน” วลีเด็ดของ โอโซระ ซึบาสะ
คาดเดากันว่า ซึบาสะ และญี่ปุ่นจะคว้าเหรียญทองฟุตบอลโอลิมปิคมาได้ในที่สุด สคริปเรื่องก็จะประมาณแบบนี้ซึ่งตอนล่าสุด อ.โยอิจิ ทาคาฮาชิ เขียนค้างไว้ ถึงตอนที่ 120 ทีมชาติญี่ปุ่น จะพบกับทีมชาติสเปนในรอบรองชนะเลิศพอดี
ซึ่งตรงกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศโตเกียวเกมส์
น่าเสียดายตรงที่ “ในความจริง” ญี่ปุ่น แพ้ สเปน ทำให้ชวดชิงชนะเลิศ และได้อันดับที่ 4
หากสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โอลิมปิกได้บนแผ่นดินตัวเอง อาจเป็นแรงบันดาบใจครั้งสำคัญ หรืออาจเป็นแรงบันดาลใจครั้งใหม่ ที่จะทำให้อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ กลับมาเขียนงานที่ดองเอาไว้ให้จบ
เสียดายที่ “สคริปนี้” ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
แรงบันดาลใจนั้นสำคัญต่อมนุษย์อยู่เสมอ
เลี้ยงตอนนี้ส่งตอนหน้า ยิงวันเสาร์นี้เข้าประตูอาทิตย์หน้า คือการสร้างความบันเทิง
แต่ด้านสำคัญก็คือ พวกเขาสร้างแรงบันดาลใจ จนสุดท้ายแล้วนักเตะญี่ปุ่น กลายเป็นสินค้าส่งออกไปยังยุโรป ตัวดีๆ แทบไม่มีในเจลีกแล้ว
ทำให้หนึ่งในภารกิจที่ผม “ตั้งธง” เอาไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาถึง นั่นคือจะต้องไปที่อนุสาวรีย์ หรือรูปปั้นสดุดี “กัปตันซึบาสะ” ให้จงได้ ที่สุดแล้วผมก็ได้ไปมา
สถานีรถไฟฟ้าที่ฉาบไปด้วยเรื่องราวของ “กัปตันซึบาสะ”
รูปปั้นนี้อยู่ที่โยสึงิ ที่อยู่ในชานกรุงโตเกียว ห่างจากที่พักของผม 7 กิโลเมตร
ทันทีที่พลขับจอด ได้พบกับ “ซึบาสะ” ทันที!!!!!
ผมถือว่าทรงคุณค่ามากๆ กับแรงบันดาลใจจากการ์ตูน
ใช้เวลาในการเดินหาทั้งหมดเกือบๆ 4 ชั่วโมง กับระยะทางเดินที่คดเคี้ยวไปมากว่า 5 กิโลเมตร กับรูปปั้นทั้งหมด 9 จุด ประกอบด้วย ซึบาสะ เดี่ยวๆ 3 จุด, ซึบาสะ กับ โรเบล หรือโรแบร์โต้ ฮอนโก โค้ชคนแรกที่เป็นแรงบันดาลใจจากบราซิล, ซานาเอะที่เป็นภรรยาของซึบาสะ, มิซากิ ทาโร่ คู่ขาแข้งทอง, อิชิซากิ เรียว เพื่อนคนแรกของซึบาสะ, วาบายาชิ เกนโซ ยอดนายประตูคู่ปะทะแรกของซึบาสะ และเฮียวงะ หรือ ฮิยูกะ โคจีโร่ ยอดกองหน้าที่ต่อกรสมัยเรียน
เหตุผลที่รูปปั้นอยู่ที่โยสึงิ ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนนันคัทสึ หรือที่ ชิสุโอกะ ก็เนื่องจากบ้านเกิดขออาจารย์อยู่ที่นี่นั่นเอง
การเดินทางในดินแดนแห่งฟุตบอล แม้กระทั่งเสาไฟยังเป็น “ลูกฟุตบอล” ซึ่งมันคลาสสิกอย่างมาก
เป็นช่วงเวลาที่เหมือนกับต้องมนต์และกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเหมือนกับการได้ไปเจอกับเพื่อนเก่าสมัยศึกษาอยู่ชั้นปฐม
เดินออกมาเจอกับสถานีรถไฟโยสึงิ ก็ประดับประดาไปด้วยภาพวาดของการ์ตูนเรื่องนี้ มีภาพวาดของนักเตะ “กัปตันซึบาสะ” ให้ทุกคนได้เห็นอย่างเด่นชัด เป็นในยุคที่พวกเขาฟาดแข้งในระดับมัธยม แต่มี วากาบายาชิ เพียงคนเดียวที่อยู่ในภาพ แต่ตอนนั้นเขาไปเทิร์นโปรที่เยอรมนี
เฮียวงะ โคจิโร่ ยอดกองหน้าไทเกอร์ช็อต ในเรื่องนี้ที่ไปเทิร์นโปรยังอิตาลี
จินตนาการสำคัญอย่างมาก ใครจะบอกว่า การ์ตูนไม่ดี ดูไปไม่เกิดประโยชน์อันนี้ขอยกมือและเถียงคอเป็นเอ็น
อย่างน้องเรื่องนี้มีหลายอย่างที่สอนให้เรารู้ว่า ต่อให้พ่อต้องเดินทางไปทำงานไกลยังต่างประเทศ ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับแม่ได้อย่าง “คนต้นเรื่อง” นั่นคือ ซึบาสะ
วากาบายาชิ เกิดในบ้านคนรวย เป็นคนเดียวที่ถูกเรียกว่า “คุณหนู” ในเรื่อง แต่เลือกที่จะไปใช้ชีวิตตัวเองด้วยการเล่นฟุตบอลยังต่างแดน
เฮียวงะ สูญเสียพ่อ ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อช่วยแม่เลี้ยงน้อง แต่ยังมีจิตวิญญาณที่ดีไม่ออกนอกทาง สอนให้เห็นว่า เขาไม่ประสบความสำเร็จบนลีกสูงสุด แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ในลีกล่าง
มิซากิ ไม่มีแม่ ต้องอยู่กับพ่อที่เป็นจิตรกร เดินทางย้ายไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังเป็นคนที่เรียบร้อย มีความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก
กระทั่ง อิชิซากิ ที่ไม่มีเลยกับคำว่า “พรสวรรค์” แต่เต็มไปด้วย “พรแสวง” จนก้าวไปติดทีมชาติญี่ปุ่นได้ และเคียงข้าง ซึบาสะ อยู่เสมอ
เหล่านี้คือตัวอย่าง ที่สะท้อนออกมาจากการ์ตูน
วากาบายาชิ เกนโซ ยอดนายประตูยืนหนึ่ง และได้ไปเล่นที่เยอรมนี ซึ่งปัจจุบันแข้งซามูไรเล่นที่นั่นนับสิบคน
ท้ายที่สุด ในชีวิตจริงก็มีนักบอลจากแดนอาทิตย์อุทัย หลังจากที่ต้องเข็น คาซูโยชิ มิอุระ เป็น “ของแถม” เมื่อครั้งที่นำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปคาดหน้าอกทีมในอิตาลี กลายเป็นสินค้าส่งออกในยุคต่อมาอย่างมากมาย
สุดท้าย แม้ฝันที่จะเป็นแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้จะหมดสิ้นไป แต่มั่นใจได้เลยว่า พวกญี่ปุ่นไม่หยุดเพียงเท่านี้ ยกเว้นเราต้องหวังว่า อาจารย์จะกลับมาเขียนต่อให้จบ
ถ้าเขียนแล้ว ก็อยากให้ประเทศไทยมีคนซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเหมือนก่อนหน้านี้
ไม่ใช่เพียงต้องการสนองความต้องการของคนชอบการ์ตูน แต่มันหมายถึงแรงบันดาลใจที่จะสร้างให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ในไทยต่อไป
“กัมบาเระ”......สู้ๆนะญี่ปุ่น!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี