ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า สาหร่ายขนาดเล็ก (microalgae) มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เนื่องจากสาหร่ายเจริญเติบโตโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงจึงมีศักยภาพสูงที่จะใช้เป็นวัตถุดิบแหล่งใหม่ในการผลิตพลังงานหมุนเวียน นอกจากนั้นสาหร่ายสายพันธุ์คัดเลือกที่เหมาะสมยังก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกมาก เช่น สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ อาหารมนุษย์ อาหารสัตว์ ปุ๋ยชีวภาพ พลาสติกชีวภาพ ฯลฯ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นหน่วยงานเพียงแห่งเดียวในประเทศ ที่มีการดำเนินงานด้านสาหร่ายอย่างครบวงจร ได้แก่ วิจัย พัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยี และบริการด้านสาหร่ายน้ำจืด ภายใต้ “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย”
วว. ดำเนินงานด้านสาหร่าย เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ คือ จัดการคลังสาหร่าย เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ตามเป้าหมายการใช้ประโยชน์ กลางน้ำ คือ ศึกษาสภาพที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงทั้งระดับห้องปฏิบัติการและกลางแจ้ง และปลายน้ำ คือ วิจัย พัฒนากระบวนการเพาะเลี้ยงระดับต้นแบบกลางแจ้ง (100,000-200,000 ลิตร ในอ่างเพาะเลี้ยงแบบลู่อย่างต่อเนื่อง) เพื่อผลิตชีวมวล หรือผลิตภัณฑ์
เป้าหมายอื่นๆ จากสาหร่ายสายพันธุ์คัดเลือก
ทั้งนี้ วว. มีผลงานด้านสาหร่ายเป็นรูปธรรม ทั้งด้านองค์ความรู้และผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลายชนิด อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยั่งยืน หนึ่งในนั้นก็คือ “สาหร่ายมุกหยก” หรือ สาหร่ายไข่หิน โดย วว. ได้ทำการแยกและนำสาหร่ายนอสตอค (Nostoc ssp.) ซึ่งเป็นสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว สายพันธุ์ต่างๆ ได้แก่ “ไข่หิน” หรือ “ดอกหิน” (ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) “เห็ดหิน” (ภาคกลางและภาคเหนือ ) “เห็ดลาบ” (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และ “เห็ดยาควร” (ภาคเหนือ) มาวิจัยพัฒนาเทคนิคในการผลิตเชิงการค้า พบว่า สาหร่ายมุกหยกที่ปกติพบในสภาพธรรมชาติจะมีลักษณะเป็นก้อนวุ้นนิ่ม ค่อนข้างเหลว เมื่อนำมาเพาะเลี้ยงโดยศึกษาสัณฐานวิทยาในวงจรการเจริญเติบโตและสภาพการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสม ทำให้มีการเปลี่ยนรูปร่าง เป็นรูปร่างกลม
เนื้อแน่น มีสีเขียวแกมน้ำเงิน มีประกายคล้ายไข่ปลาคาร์เวีย แต่สาหร่ายมุกหยกนี้ไม่มีกลิ่นและรส
วว.จึงนำสาหร่ายมุกหยกที่เพาะเลี้ยงได้ พัฒนาเป็นเมนูอาหารและพบว่าสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่งและญี่ปุ่น เช่น เป็นหน้าแซนด์วิชรสชาติต่างๆ ใส่ในซุปต่างๆ เช่น ซุปใส ซุปเต้าหู้ เป็นส่วนผสมในน้ำสลัด
หรือใช้บริโภคแทนผักในสลัด เป็นส่วนผสมในสปาเกตตี ใช้เป็นหน้าซูชิ
หรือประกอบอาหารประเภทยำแทนไข่แมงดา ฯลฯ
ผลการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารของสาหร่ายนอสตอคจากแหล่งต่างๆ ในประเทศไทย พบว่า สาหร่ายปริมาณ 100 กรัมมีโปรตีน 20.26-43.52% ไขมัน 0.00-1.56% ใยอาหาร 2.70-43.00% มีวิตามินต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2มีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม เหล็ก และยังประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น เมไทโอนีน ไลซีน โพรลีน ซีรีน ไทโรซีน อะลานีน อยู่อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังไม่พบจุลินทรีย์ที่ก่อโรคและไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่ ปรอท ตะกั่ว และสารหนู
วว. พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต “สาหร่ายมุกหยก” สู่เชิงพาณิชย์ ผู้ประกอบที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับบริการ ได้ที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย โทร.02-577 9000โทรสาร 02-5779009 E-mail : tistr@tistr.or.th
ทั้งนี้ภูมิปัญญาจีนบันทึกไว้ว่า การบริโภคสาหร่ายนอสตอคช่วยป้องกันและรักษามะเร็ง โรคเกาต์ โรคตาบอดในเวลากลางวันแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ตลอดจนอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ในส่วนภูมิปัญญาไทยเชื่อว่า สามารถนำมาใช้เป็นยาเย็น แก้ร้อนใน ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ และประเทศญี่ปุ่นพบว่าสาหร่ายนอสตอคชนิด N. flagelliforme สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และลดความดันโลหิตได้ ดังนั้นหากมีการผลิตสาหร่ายมุกหยกได้แพร่หลายและผู้บริโภคจัดหาได้ง่าย ก็จะช่วยส่งเสริมร่างกายให้แข็งแรงด้วยแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ มีความปลอดภัยและมีคุณภาพ อันจะส่งผลที่ดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี