วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / กีฬา
ยกแรก!!!ฟีฟ่าเดย์กับยูโร2024

ยกแรก!!!ฟีฟ่าเดย์กับยูโร2024

วันอาทิตย์ ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2566, 07.00 น.
Tag : ฟีฟ่า ฟีฟ่าเดย์ ยูโร2024
  •  

ยกแรกผ่านไป 2 เกมกับศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ถือเป็น “ฟีฟ่าเดย์” นัดสุดท้ายประจำฤดูกาลนี้ เพื่อตะลุยสู่เส้นทางไปเยอรมนีปีหน้า

กลุ่ม เอ


“ตาร์ตัน” ทีมชาติสกอตแลนด์ จัดการต่อสัญญากับผู้จัดการทีมอย่าง สตีฟ คลาร์ก เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย เซ็นยาวถึงปี 2026 ด้วยเป้าหมายผ่านเข้ารอบสุดท้าย 2 ทัวร์นาเมนท์ใหญ่อย่าง ยูโร 2024 และฟุตบอลโลก 2026 ผลงานของพวกเขายอดเยี่ยมสุดๆ เริ่มจากการถล่ม ไซปรัส 3-0 และยังมาน็อก “กระทิงดุ” สเปนได้ 2-0 ผงาดนำจ่าฝูงกลุ่มเอ มีอยู่ 6 คะแนน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เล่นทีมชาติได้ดีจริงๆ กดไปแล้ว 4 ประตู

ส่วน สเปน ของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ กำลังอยู่ในช่วงของการปรับจูนแฟน ๆ ต้องอดทนให้เวลาสักหน่อย ตอนนี้มีอยู่ 3 คะแนน อยู่รองจ่าฝูง โชคดีที่ นอร์เวย์ ยุคใหม่
แม้ตัวผู้เล่นดี แต่พอรวมกันเล่นไม่เรื่องเหมือนเดิม บุกเสมอจอร์เจีย 1-1

กลุ่ม บี

“ตราไก่” ฝรั่งเศส ยังคงโชว์ฟอร์มสมราคารองแชมป์โลก ลงเล่นเกมแรกด้วยการเปิดบ้านถล่มเอาชนะ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ที่ประเดิมโค้ชใหม่อย่าง โรนัลด์ คูมัน ไปแบบขาดลอย 4-0

กัปตันทีมคนใหม่อย่าง คีลิยัน เอ็มบาปเป้ เหมาสองตามด้วยการบุกเอาชนะ “ยักษ์เขียว” ไอร์แลนด์ ได้อีก 1-0 ฝรั่งเศส นำจ่าฝูงกลุ่มบี ด้วยการมี 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะ 2 เกม เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม

ส่วนเนเธอร์แลนด์เจอปัญหาตั้งแต่เริ่มจากการที่ แฟรงกี้ เดอ ยองก์ และสตีเว่น เบิร์กไวจน์ สองแกนหลักบาดเจ็บต้องถอนตัวไป แถมยังมาเจอไวรัสระบาดในแคมป์เก็บตัว ทำให้ต้องถอนเพิ่มไปอีก 5 ราย สุดท้ายพ่ายฝรั่งเศสไปอย่างที่เห็น แต่ก็กลับมาเรียกความมั่นใจด้วยการเปิดบ้านต้อนยิบรอลตาร์ ไป 3-0 ทำให้พวกเขามีอยู่ 3 คะแนน

กลุ่ม ซี

“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ประกาศกร้าวถึงเวลาที่พวกเขาต้องเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์เสียที ออกสตาร์ทอย่างสวยหรูด้วยการบุกเอาชนะ “อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี แชมป์ยูโร 2020 ถึงเนเปิ้ลส์ 2-1 เป็นชัยชนะในเกมเยือนเหนืออิตาลีนับตั้งแต่ปี 1961

แฮร์รี่ เคน ซัดจุดโทษผงาดขึ้นเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ แซงหน้า “สุกรโลกันตร์” เวย์น รูนี่ย์ ที่เคยทำเอาไว้ จากนั้นกลับมาเล่นในเวมบลีย์ก็ต้อนเอาชนะยูเครนไปได้อีก 2-0 ทำให้อังกฤษขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่ม ซี ด้วยการมี 6 คะแนน

ส่วน อิตาลี กำลังเผชิญวิกฤตเกี่ยวกับคุณภาพนักเตะในประเทศ ที่ช่วงหลังค่าเฉลี่ยในการลงสนามน้อยเหมือนเกิน โดยเฉพาะตำแหน่งศูนย์หน้าที่ถือว่าขาดแคลน เมื่อ ชิโร่ อิมโมบิเล่ มีปัญหาอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ส่วนจานลูก้า สคามัคค่า ก็ย้ายมาฟอร์มตกกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ต้องไปเรียก มาเตโอ เรเตกี หัวหอกที่เกิดและเติบโตในอาร์เจนติน่า แต่มีเชื้อสายอิตาเลียนจากบรรพบุรุษเข้ามาติดทีม ผลงานโดยรวมของหอกวัย 23 ปี ถือว่าน่าประทับใจยิงได้ในเกมแรกที่ประเดิมสนามแม้จะแพ้ให้กับอังกฤษ และยังโขกเบิกร่องในเกมนัดสองที่บุกไปเอาชนะมอลตา 2-0 ทำให้อิตาลีมีอยู่ 3 คะแนน จากการชนะ 1 แพ้ 1

กลุ่ม ดี

ถือว่าเป็นกลุ่มที่สูสี “ตาหมากรุก” โครเอเชีย อันดับ 3 จากศึกฟุตบอลโลก 2022 ออกสตาร์ทไม่ดีโดน “มังกรแดง” เวลส์ไล่ตามตีเสมอในช่วงทดเจ็บพลาด 3 คะแนนสำคัญ ก่อนเกมที่สองจะบุกไปเชือด “ไก่งวง”ตุรกี ได้ 2-0 จากการเหมาของ มาเตโอ โควาซิซ ส่วนเวลส์เปิดบ้านต้อนลัตเวียได้ 2-0 ทำให้ทั้งสองทีมมีอยู่ 4 คะแนนเท่ากัน

ส่วนตุรกี ภายใต้การคุมทีมของ “ไอ้ตำรวจ”สเตฟาน คุนต์ซ รั้งอันดับ 3 ของตารางมีอยู่ 3 แต้ม จากการลงเล่น 2 นัด

กลุ่ม อี

กลุ่มนี้จัดว่าเป็น “กรู๊ป ออฟ อู๊ด” มี 2 ทีมเต็งอย่าง โปแลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ที่คาดว่า น่าจะกอดคอกันเข้ารอบ ประเดิมสนามเกมแรกก็เจอกันเองเลยเป็นสาธารณรัฐเช็กที่เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 3-1 แต่เกมที่สองดันออกไปเสมอกับมอลโดวา 0-0 ทำให้เช็กมีอยู่ 4 แต้มขึ้นนำจ่าฝูงของกลุ่มอี

ส่วนโปแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของโค้ชใหม่อย่าง เฟอร์นานโด ซานโตส แก้ตัวในเกมที่สองด้วยการบดเอาชนะแอลเบเนีย ทีมที่จะเป็นตัวแปรของกลุ่มไปได้ 1-0

กลุ่ม เอฟ

“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยียม ที่หมดยุค “โกลเด้นเจเนอเรชั่น” คุมทัพโดย โดมินิโก้ เตเดสโก้ ประเดิมอย่างสวยหรูด้วยการบุกถล่ม “ไวกิ้ง” สวีเดน ของ “ครูสลา” ซลาตัน อิบราฮิโมวิช 3-0 จากการซัดแฮททริกของ “พี่ตู้” โรเมลู ลูกากู หลังจากนั้นพวกเขาไปอุ่นเครื่องแล้วยังเอาชนะ เยอรมนี ได้อีก 3-2

อิบราฮิโมวิช จารึกชื่อกลายเป็นนักบอลอายุมากที่สุดที่ลงสนามในบอลยูโร หรือ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ รอบคัดเลือกด้วยวัย 41 ปี 5 เดือน 21 วัน ทำลายสถิติของ ดิโน ซอฟฟ์ ผู้รักษาประตูวัยดึกชาวอิตาลี ที่ถือครองไว้ตั้งแต่ปี 1983 ในฐานะชายอายุมากที่สุดที่เล่นในเวลานั้น 41 ปี 3 เดือน

ส่วนทีมนำของกลุ่มนี้คือออสเตรียของ ราล์ฟ รังนิคที่ออกสตาร์ท 2 เกมแรกด้วยฟอร์มการเอาชนะรวดมี6 คะแนน ตามด้วย เบลเยี่ยม และสวีเดน (3 คะแนนเท่ากัน) ที่แก้ตัวไล่ถล่มอาเซอร์ไบจานในเกมที่สอง 5-0

กลุ่ม จี

กลุ่มนี้ก็ถือว่าเป็น “กรู๊ป ออฟ อู๊ด” ได้เช่นกัน 3 ตัวเต็งที่จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมี เซอร์เบีย, ฮังการี และมอนเตเนโกร โดยเซอร์เบียของ ดราแกน สตอยโควิช
กลายเป็นผู้นำของกลุ่มหลังออกสตาร์ทด้วยการชนะ 6 เกมรวด เริ่มจากเปิดบ้านอัดลิทัวเนีย 2-0 ตามด้วยบุกต้อนมอนเตเนโกร 2-0 ซึ่ง ดูซาน วลาโฮวิช หอกจากยูเวนตุสซัดไปแล้ว 3 ประตู

ส่วนทีมที่ตามมาคือ “แม็กยาร์” ฮังการี ที่มีโปรแกรมลงเล่นแค่เกมเดียวเปิดบ้านถล่มบัลแกเรียที่ไม่ฟื้นเสียที 3-0 อีกทีมคือ มอนเตเนโก ที่เอาชนะบัลแกเรียได้เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองมี 3 แต้มเท่ากัน

กลุ่ม เอช

“โคนม” เดนมาร์ก ที่ยังใช้บริการ เยสเปอร์ ยูลมันด์ คุมทีม สตาร์ทด้วยการพลิกแซงฟินแลนด์ทีมจากดินแดนสแกนดิเนเวียด้วยกัน 3-1 จากแฮตทริกของราสมุส ฮอยลุนด์แต่เกมที่สองดันมาตกม้าตายประมาทไปหน่อยออกไปเยือนคาซัคสถาน ฮอยลุนด์ คนเดิมซัดให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่กลับมาเล่นครึ่งหลังดันเป็นหนังคนละม้วนโดน คาซัคสถาน รัวคืนสามเม็ดรวดสุดท้ายพ่ายไป 3-2 ทำให้เดนมาร์กมี 3 คะแนนจากการลงเล่น 2 เกม

ส่วนทีมนำของกลุ่มนี้คือ สโลวีเนีย ที่มี 6 แต้มเพราะโปรแกรมไม่หนัก บุกเอาชนะคาซัคสถานได้ 2-1 และกลับมาเล่นในบ้านบด “สมันน้อย” ซาน มารีโน่ 2-0

กลุ่ม ไอ

สองทีมเต็งของกลุ่มอย่าง “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ และ “ผีดิบ” โรมาเนีย ออกสตาร์ทได้ตามเป้าพากันเก็บชัยชนะได้ 2 เกม ทำให้ทั้งสองทีมมีอยู่ 6 คะแนนเท่ากัน สวิตฯ นำจ่าฝูง 2 นัดยิงไป 8 ประตู และไม่เสียเลย ไล่ถล่ม เบลารุส 5-0 และเปิดบ้านอัดอิสราเอลในเกมล่าสุด 3-0

กลุ่มนี้มี 6 ทีม ทำให้เล่นกันไปแล้วทีมล่ะ 2 เกม ทีมตัวแปรในการลุ้นกันแย่งเข้ารอบในกลุ่มนี้คือ อิสราเอล และโคโซโว

กลุ่ม เจ

กลุ่มนี้ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของโค้ชใหม่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ยืนหนึ่งตามคาดประเดิมสนามด้วยการเปิดบ้านถล่ม ลิกเตนสไตน์ 4-0 คริสติอาโน่
โรนัลโด้ ยิง 2 ประตู และจารึกชื่อว่าเป็นฟุตบอลที่ลงเล่นในนามทีมชาติมากที่สุดในโลก 197 เกม

โปรตุเกส ยังร้อนแรงไม่หยุดบุกถล่มลักเซมเบิร์กได้อีก 6-0 ‘พี่โด้” ซัดไปอีก 2 ทำให้พวกเขามี 6 คะแนนขึ้นนำจ่าฝูงไปแบบสบายๆ ยิง 10 เสีย 0

ส่วนทีมที่ตามมาในกลุ่มนี้ถือว่าลุ้นกันอย่างสนุก สโลวะเกีย มี 4 คะแนน ตามด้วยบอสเนียฯ และไอซ์แลนด์ที่มี 3 แต้มเท่ากัน

รอบสุดท้าย จะแข่งขันที่ดินแดนเมืองเบียร์ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1988 ที่อินทรีเหล็กเป็นเจ้าภาพ ซึ่งในตอนนั้นคือยุคแบ่งแผ่นดิน เยอรมันตะวันตก

สนามที่ใช้ครั้งนี้ประกอบด้วย โอลิมเปียสตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน, มิวนิค ฟุตบอล อารีน่า ในแคว้นบาวาเรีย, บีวีบี สตาดิโอน ดอร์ทมุนด์, สตุ๊ตการ์ท อารีน่า, อารีน่า อูฟชาลเก้, แฟรงค์เฟิร์ต อารีน่า, โฟล์คสพาร์คสตาดิโอน ฮัมบูร์ก, ดุสเซลดอร์ฟ อารีน่า, โคโลญจน์ สเตเดี้ยม และไลป์ซิก สเตเดี้ยม รวมทั้งสิ้น 10 สนาม

การเตะครั้งนี้ทีมจากยุโรปทั้งหมด 53 ชาติ แข่งขันเพื่อหาตัวแทน 23 ทีม เพื่อเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ที่ประเทศเยอรมนี โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 กลุ่มด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ (A ไปจนถึง J) 7 กลุ่มแรก (A, B, C, D, E, F และ G) จะมี 5 ทีมด้วยกัน ส่วน 3 กลุ่มหลัง (H, I และ J) จะมี 6 ทีม

ระบบการแข่งขัน : จะดวลกันเล่นแบบเหย้า-เยือนเริ่มในฟีฟ่า เดย์ หนนี้ ไปจนถึงวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2023 รวมทั้งสิ้น 10 แมทช์เดย์ด้วยกัน หลังจากนั้นจะเป็นการเล่นในรอบเพลย์ออฟ

ระบบจัดอันดับ : หากทั้งสองทีมคะแนนเท่ากันเมื่อจบรอบแบ่งกลุ่มจะใช้เกณฑ์ในการวัดทีมเข้ารอบดังนี้ ผลต่างประตูได้เสีย, จำนวนประตูได้, จำนวนการยิงประตูทีมเยือน,จำนวนนัดที่คว้าชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่ม และจำนวนนัดที่คว้าชัยชนะในการเล่นเกมเยือน

เงื่อนไขในการผ่านเข้ารอบ : อันดับ 1 และ 2 ของ ทั้ง 10 กลุ่ม จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ เท่ากับว่า

ตรงนี้จะได้ 20 ทีม บวกกับเจ้าภาพอีก 1 ทีมเป็น 21 ทีม

เพลย์ออฟ : โควตาอีก 3 ทีมสุดท้าย คือการนำ 12 ทีมที่อันดับดีที่สุดใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก มาเล่นในรอบเพลย์ออฟ โดยแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท A B และ C แต่ละสายจับคู่แบบน็อกเอาท์ ใครชนะผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศผู้ชนะแต่ละพาร์ทจะผ่านไปเล่นในรอบสุดท้าย แข่งวันที่21 กับ 26 มีนาคม 2024

 บี แหลมสิงห์

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • GO GO GOAL ยูโร : ‘A superstar is born’ GO GO GOAL ยูโร : ‘A superstar is born’
  • หมายเหตุแห่งชาติพันธุ์  เสน่ห์,ฝังใจ,ความนัยที่‘ไร้ทางแก้’ หมายเหตุแห่งชาติพันธุ์ เสน่ห์,ฝังใจ,ความนัยที่‘ไร้ทางแก้’
  • GO GO GOAL ยูโร : ม้าเต็งที่แตกต่างกับ The Hybrid Role GO GO GOAL ยูโร : ม้าเต็งที่แตกต่างกับ The Hybrid Role
  • GO GO GOAL ยูโร : ตัวเก็งเต็งหนึ่ง GO GO GOAL ยูโร : ตัวเก็งเต็งหนึ่ง
  • GO GO GOAL ยูโร : ยูโร....มาแล้ว!!!! GO GO GOAL ยูโร : ยูโร....มาแล้ว!!!!
  • โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024
  •  

Breaking News

'รมว.กลาโหม เยอรมัน'ปฏิเสธ ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้ไทย ในการหารือทวิภาคีกับ'ภูมิธรรม'

‘หม่อมกร’ซัดรัฐบาล! ขึ้น‘ภาษีน้ำมัน’ซ้ำเติม ปชช.ไร้ความจริงใจ

‘ทรัมป์’ฝ่าแรงต้าน! เซ็นคำสั่งคุมราคายาในสหรัฐฯ ขู่ยกระดับหากไม่คืบหน้า

ละคร ‘พ่อจ๋าแม่อยู่ไหน’ ออกอากาศ 13-16 พ.ค. ทางช่องวัน31

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved