ผ่าทัพบอลไทย! ยุคใหม่ของ’ฮัดสัน’

ผ่าทัพบอลไทย! ยุคใหม่ของ’ฮัดสัน’

วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 12.06 น.

    
บอลไทยเริ่มใหม่อีกครั้ง และคว้าชัยชนะได้เหนือ ทีมชาติสิงคโปร์ ไปแบบหืดจับ 3-2 ในเกมอุ่นเครื่องที่เปิดตัว แอนโธนี่ย์ ฮัดสัน กุนซือคนใหม่ชาวอังกฤษ 

ที่มาพร้อมกับ “วิกฤติศรัทธา” ของบอลไทย หลังจากเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงในการปลด มาซาทาดะ อิชิอิ


ก่อนอื่นทำความเข้าใจคือ นี่คือบอลทีมชาติชุดใหญ่ และเป็นบอลที่มีกฎกติกาสากล

มีคนนำทีมชาติไปเปรียบเทียบกับ “บอลเด็ก” อันนั้นคนละเรื่องเดียวกัน

       เอาแค่กติกา “ล้ำหน้า” กับ “ไม่มีล้ำหน้า” มันก็คนละประเภทแล้วนะครับ

11 นักเตะชุดแรกของ ฮัดสัน  วัย 44 ปี ระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ประตู : ปฏิวัติ คำไหม, กองกลัง : นิโคลัส มิคเกลสัน,พรรษา เหมวิบูลย์, ณัฐพงษ์ สายริยา และเควิน ดีรมรัมย์, กองกลาง : ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น-เบนจามิน เดวิส,  ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ และกองหน้า : ศุภชัย ใจเด็ด

ซึ่ง ฮัดสัน ที่ไม่ได้ผิดอะไร ในการมาทำทีมชาติ และเขาจำเป็นต้องใช้ทีมชุดนี้แบบนี้แหล่ะ คือพูดง่าย ๆ ใช้ทันทีเพื่อความอยู่รอด และไปต่อให้ได้โดยเร็ว

       ชนิดที่เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้ทำเพื่อความอยู่รอดของเขาคนเดียว แต่จะต้องทำเพื่อความอยู่รอดแบบ “รอบวง” อีกด้วย

ด้วยการที่ต้องมารับเผือกร้อนแบบสุดขีด ท่ามกลางความไม่พอใจจากแฟนบอล มันจึงเป็นงานที่กดดันกว่าทุกงานที่โค้ชไทยหลายคนเคยได้รับ

       แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

วิธีการสไตล์ ไม่ได้ต่างออกไป นั่นคือ 4-2-3-1 และสลับเป็น 4-3-3 มากขึ้นในครึ่งหลัง หลายคนมองว่า บอลช้า 

ใช่ครับบอลช้าเหมือนยุคอิชิอิ 

บางขณะอาจจะช้ากว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากวิธีการ และนักบอลที่อายุมากกว่ากองกลางยุคอิชิอิ

บอลยุคอิชิอิ เคลื่อนตัวมากกว่าชุดนี้ ซึ่งชุดนี้ใช้บอลเดินทาง เราจะเห็นว่า 3 กองกลางในครึ่งแรกทั้ง สารัช, ธีราทร และชนาธิป ไม่มีใครอายุต่ำกว่า 30 และเล่นแบบกลาง 3 แบบตัว V คว่ำ 

ครึ่งหลังคนที่ลงมาอาจจะอายุน้อย แต่ เสกสรรค์ ก็เป็นบอลดีเลย์ เป็นบอลจังหวะเช่นกัน 

การช่วยลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั่นก็คือ การทำประตูได้ของทั้ง สารัช และธีราทร จากนั้น เสกสรรค์ ก็ยิงได้อีก จะสังเกตุว่าเป็นการยิงไกลทั้งนั้น เนื่องมาจากว่า ฟุตบอลเพิ่งรวมตัวกัน 

การจะให้เล่นแบบรวดเร็ว แม่นยำ มันยากแน่นอน มันก็มาจาก 2 เรื่องก่อนจะแตกออกไปเป็นประเด็นต่าง ๆ

1.โค้ชใหม่

2.การรวมตัวกันที่ไม่เคยต่อเนื่องของบอลไทย

ดังนั้นการเสียประตูของไทย ได้สะท้อนถึงความหละหลวม และการไม่ได้เล่นร่วมกันมาก่อน 

ตรงนี้ ฮัดสัน เลยตัดสินใจ เลือกให้บอลมันช้าลง เล่นบอลให้แคบกว่าเดิม และมีการขยับเข้าในจึงต้องเลือก เสกสรรค์ ลงแทน เบนจามิน เดวิส

       สิ่งเขาเน้นคือ จุดแข็งของเขาเองที่เป็นคนชอบเกมที่เน้นการบิวด์-อัพ ชอบใช้การเคลื่อนที่เชิงเทคนิค และความเข้าใจเกม มากกว่าใช้พละกำลังเข้าห้ำหั่นในเกม

นั่นหมายความว่า หลายหมุดหมายในการเล่น จึงไม่ค่อยต่างจาก อิชิอิ เท่าไหร่นัก เพียงแต่ใช้นักบอลคนละชุดเท่านั้นเอง 

สิ่งที่ไม่ดีก็คือ ศุภชัย ใจเด็ด มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกม ทำให้ต้องส่ง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย 

       แถมยังเป็นแผลให้เห็นชัด ๆ ว่า ฮัดสัน “ไม่ได้ทดลองทีม” ในเกมที่เขา “ต้องทดลองทีม” 

       แต่เขา “ต้องการชนะ” ให้ได้เป็นลำดับแรก ทำให้ไม่ได้กล้าลองแทคติคที่ควรจะลอง 

อีกเรื่องคือ นาทีที่ 90+5 จู๊ด ซุ่นทรัพย์-เบลล์ โดนสกัดล้มในกรอบเขตโทษ ก่อนเป็น จู๊ด ซุ่นทรัพย์-เบลล์ ที่รับหน้าที่ยิงแต่ไปติดเซฟ ผู้รักษาประตูสิงคโปร์ เป็นอีกเรื่องที่กลายเป็นที่จำกันเพราะน่าจะประเดิมได้ดีกว่านี้

นี่เป็นการเคาะสนิมก่อนเกมสำคัญ และ “น่าจะ” ลดดีกรีองศาเดือดของวงการฟุตบอลไทยไปได้บ้าง เพราะไทม์ไลน์ที่ผ่านมา ไม่มีอะไรดีเลยจริง ๆ 

ตั้งแต่มีการปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากตำแหน่งเมื่อ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้เกิด “วิกฤติศรัทธา” ของบอลไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นนานแล้ว

ซึ่งผู้ตกเป็นเป้าในการวิจารณ์ในเรื่องนี้คือ นายกสมาคมฟุตบอล แต่หนังหน้าไฟก็คือ ฝ่ายเทคนิคทั้ง 2 คน

ฮัดสัน ถูกตั้งคำถามมากมายตั้งแต่ยังไม่ได้ทำงานในตำแหน่งนี้ เนื่องจาก มาซาทาดะ อิชิอิ ถูกปลดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะไม่ควร

สิ่งเดียวที่ชนะทำให้ทุกอย่างสงบลงไม่ใช่ชัยชนะเหนือ สิงคโปร์

ซึ่งเกมแรก น่าจะเพียงบรรเทาเบาบาง และช่วยเพียงลดความกดดันบางอย่างไปได้บ้าง แต่อย่างที่บอกไปว่า คอแกพาดอยู่บนเขียงตลอดเวลา 

เกมกับ ศรีลังกา นั่นแหล่ะ ถ้าจะทำให้ทุกอย่างสงบลง คุณต้องออกจากสนามในฐานะผู้ที่คว้าชัยชนะ

ก่อนจะทำให้มันเงียบไปได้นั่นคือ ตั๋วไปรอบสุดท้ายเอเชียนคัพ

       ไม่ใช่ตั๋วในฐานะคนดู แต่ต้องในฐานะผู้เข้าแข่งขัน

 

                           บี แหลมสิงห์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top