ก่อนอ่านคอลัมน์ประจำสุดสัปดาห์นี้ของ “บี แหลมสิงห์” บนหน้ากระดาษนสพ.แนวหน้า กำลังจะครบการทำงานมา 25 ปี

รบกวนนำ “สาก” ออกมาจากมือไม่ต้องถือให้เสียเวลา

รบกวนนำ “ศีล” ออกจากปากสักครู่ แล้วให้อยู่ที่ใจอย่างน้อยก็ไม่เกินอึดใจพระพุทธ

ประเด็นเรื่อง “การพนัน” กับ “วงการกีฬา” ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นร้อนแรงกับประเทศต้นแบบกีฬาฟุตบอล ประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์ต่างๆ มากมาย และประเทศที่มีบริษัทการพนันถูกกฎหมาย เดินไปทางไหนมากกว่าร้านสะดวกขายให้คุณสะดวกซื้อ

นั่นก็คือ อังกฤษ ได้ข้อตกลงร่วมกันอย่างชัดเจน และเป็นเอกฉันท์

สโมสรในพรีเมียร์ลีกตกลงร่วมกันที่จะ “ยกเลิก” ผู้ให้สนับสนุนที่เป็น “บริษัทรับพนันถูกต้องตามกฎหมาย” ไม่ให้โฆษณา “บนหน้าอกเสื้อแข่ง”

เมื่อฤดูกาล 2025-26 สิ้นสุดลงต้องไม่มี “โฆษณาเบท” บนหน้าอกเสื้อแข่งอีกต่อไป

มองจากสถานการณ์ความเป็นจริงก่อนก็คือ ทีมในพรีเมียร์ลีก รวมทั้งสิ้น 8 สโมสร มีบริษัทรับพนันอยู่ที่ด้านหน้าอกของเสื้อ ซึ่งมีมูลค่ารวมไม่เคยน้อยกว่า 100 ล้านปอนด์ต่อปี

เรื่องโฆษณาบนหน้าอก คือ “หลอดเลือด” สำคัญอีกหนึ่งเส้นของวงการลูกหนัง นับตั้งแต่ปี 2010 มีการเจริญเติบโตเรื่องสปอนเซอร์คาดหน้าอกบอลพรีเมียร์ลีก การเติบโตก่อนยุคไวรัสมาเยือน เคยโตทะลุ 200 เปอร์เซ็นต์ มาแล้ว

ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตในวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนานมากๆ และเป็นเงินที่จุนเจือสโมสรมาตั้งแต่ยังไม่มีพรีเมียร์ลีก อยู่คู่กับบอลอังกฤษมานานถึง 44 ปี หรือปี 1979

มูลค่าของเสื้อบอล ก่อนจะเข้าเรื่องคาดหน้าอก ก็คือ ปี 1973 ธุรกิจฟุตบอลรุกคืบครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจนี้เน้นจาก “ผลงาน” และ “แบรนด์” ของสโมสร

ไม่ว่าทีมนั้นอาจจะอยู่ในช่วงที่ดี หรือช่วงที่ไม่ดี ก็ยังมี “สปอนเซอร์” หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งถ้าฟอร์มการเล่นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยิ่งจะทำให้สปอนเซอร์วิ่งเข้ามา เรียกว่า รอรับอย่างเดียว

ในยุคนั้น ยุคที่ฟุตบอลเริ่มจะเป็นเงินเป็นทองนั้น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังตะแคงฟ้า ผงาดสุดๆ ในการคุมทัพของปรมาจารณ์ “บิลล์ แชงคลี่ย์” พาทีมประกาศศักดาทั้งในและนอกประเทศ

“อัมโบร” คือเจ้าแรกที่เข้ามาเซ็นสัญญาผลิตชุดแข่งให้กับสโมสร

ซีซั่น 1973-74 ปีนั้นปีแรกที่มี “คนมาจ่ายเงินทำเสื้อ” หงส์แดงของ แชงคลี่ย์ เดินหน้าคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ที่สนามเวมบลีย์ ด้วยการขยี้ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-0 ครองแชมป์เอฟเอ คัพ

สมัยนั้นฟุตบอลเอฟเอ คัพ ทรงอิทธิพลอย่างมาก และมีผู้ชมติดตามการถ่ายทอดสดเยอะมาก ส่งผลให้เสื้อทีมขายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่า

มาถึงปี 1979 “หงส์แดง” เป็นทีมแรกที่นอกจากจะมี “สปอนเซอร์ทำเสื้อ” แถมยังมี “สปอนเซอร์คาดหน้าอก” เมื่อทำสัญญากับ“ฮิตาชิ” ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติซามูไร เป็นเวลานาน 4 ปี แต่ข้อแม้ก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการถ่ายทอดสดในยุคนั้น ห้ามใส่เสื้อที่มีคาดหน้าอกลงแข่งขัน

จริงๆ แล้ว ทีมแรกที่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับสปอนเซอร์คาดหน้าอกคือ “ไอ้หัวแกะ” ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่ทำสัญญากับ “SAAB” บริษัทรถชื่อดัง แต่ก็ไม่ได้ใส่ลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการ

ดังนั้นบันทึกนี้อันดับ 1 อย่างเป็นทางการ จึงเป็นของ ลิเวอร์พูล ไปโดยปริยาย โดยมูลค่าที่ได้รับครานั้นคือ 100,000 ปอนด์ ด้วยสัญญา 2 ปี

จากนั้นธุรกิจคาดหน้าอกก็ไหลมาเรื่อยๆ กระทั่ง อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ 2 ก็เซ็นสัญญากับผลิตภัณฑ์ของ JVC อีกหนึ่งบริษัทของญี่ปุ่น และรับเงินถึง 500,000 ปอนด์ จากนั้นเราได้เห็น “เครื่องใช้ไฟฟ้า” มาคาดหน้าอกเยอะมาก ก่อนที่โลกจะค่อยๆ เปลี่ยนไป

ในยุคเกือบ 10 ปีก่อน เคยมีบริษัทรับพนันคาดหน้าอกมากถึงซีซั่นละ 11 ทีม ในพรีเมียร์ลีก

อย่างที่เรียนเอาไว้ และใครที่เคยไปอังกฤษ รวมถึงเป็นพวกช่างสังเกตคงทราบดีว่า “ร้านรับพนัน” มีมากกว่า “ร้านสะดวกซื้อ”

ขอยก 1 ประเด็นสำคัญในซีซั่นนี้

ตัวอย่างคือ TGP Europe ซึ่งก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาโดยมีเฮดควอเตอร์ อยู่ที่ดักลาส ใน “ไอล์ออฟแมน” ซึ่งเป็นการตั้งบริษัทไปอยู่ในเกาะที่เป็นดินแดนอาณานิคมปกครองตนเองของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในเขตทะเลไอริช ในบริเวณศูนย์กลางของหมู่เกาะบริเตน!!!!

พวกเขามีบริษัทรับพนันของตัวเอง 19 แห่ง ในสหราชอาณาจักร เชื่อมโยงอยู่กับ 6 สโมสร ในพรีเมียร์ลีก กับ 1 สโมสร ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยใช้ชื่อแตกต่างกันออกไป

12BET กับ วูล์ฟส์, W88 กับ ฟูแล่ม, FUN88 กับ นิวคาสเซิ่ล,Kaiyun Sports กับ แอสตัน วิลล่า, Sportsbet.io กับ เซาแธมป์ตัน และ Stake.com กับ เอฟเวอร์ตัน รวมถึง วัตฟอร์ด

ดังนั้นการประกาศครั้งนี้จึงเป็น “เรื่องใหญ่มาก” มันจะเป็นการนำร่องไปยังกีฬาอื่นๆ ในอนาคต

ประเด็นนี้ ได้ถูกตีแผ่นว่า เป็นไปตามการปรึกษาหารือระหว่างลีก,สโมสร และกรมดิจิทัลวัฒนธรรมสื่อและการกีฬาของรัฐบาลสหราชอาณาจักร (Department for Digital, Culture, Media and Sport) หรือ DCMS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลเกี่ยวกับกฎหมายการพนันในปัจจุบัน

การตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกกีฬาลีกแรกในสหราชอาณาจักรที่จะใช้มาตรการดังกล่าว “โดยสมัครใจ” เพื่อลดการโฆษณาการพนัน

ลีกยังทำงานร่วมกับกีฬาอื่นๆ ในการพัฒนารหัสใหม่สำหรับการสนับสนุนการพนันอย่างรับผิดชอบ นั่นคือยังทำงานร่วมกันอยู่ แต่ลดบทบาทลงไปกว่าเดิม

รัฐบาลยืนยันว่า ไม่ได้คาดหวังที่จะเสนอแผนให้ไปไกลจนถึง “ห้ามการสนับสนุน” จากบริษัทพูลเหล่านี้ แต่มีแผนให้พรีเมียร์ลีกตกลงโดยสมัครใจในการเปลี่ยนแปลง

การปฏิรูปพระราชบัญญัติการพนัน เมื่อปี 2005 ได้รับความเห็นชอบอย่างมากจากอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้การเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าช้า

เมื่อวันพฤหัสบดี ลูซี เฟรเซอร์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการแห่งรัฐด้านวัฒนธรรม สื่อ และกีฬาในเดือนกุมภาพันธ์ กล่าวว่า เธอมีความยินดียิ่งกับการตัดสินใจของพรีเมียร์ลีก

“จริงอยู่ที่ผู้ใหญ่ที่เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมายนั้น ส่วนใหญ่เล่นอย่างปลอดภัย เล่นอย่างถูกต้อง และไม่เกินกรอบที่วางเอาไว้ แต่เราต้องตระหนักว่านักฟุตบอลเป็นแบบอย่างที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อเยาวชน”

เธอเสริมว่า เราต้องการทำงานร่วมกับสถาบันต่างๆ เช่น พรีเมียร์ลีกเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับแฟนบอลรุ่นเยาว์ เร็วๆ นี้ เราจะนำเสนอเอกสารทางเทคนิคเกี่ยวกับการพนันเพื่ออัพเดตการป้องกันสำหรับนักพนัน และรับรองว่าผู้ที่เสี่ยงต่ออันตรายจากการพนันและการเสพติดเรื่องเหล่านี้ จะได้รับการคุ้มครอง”

ตัวแทนของภาคอุตสาหกรรมเบตติ้งโซน กล่าวว่า มีประชาชน 22.5 ล้านคนในสหราชอาณาจักร ที่เดิมพันในแต่ละเดือน พวกเขาทำเช่นนั้นอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ตัวเลขจะเห็นว่าทะลุไปถึง 22.5 ล้านคน/เดือนแต่อัตราปัญหาจากการพนันยังคงต่ำกว่ามาตรฐานสากลที่ 0.3% ของประชากรผู้ใหญ่ของสหราชอาณาจักร ซึ่งลดลงจาก 0.4% ในปีก่อนหน้านี้

เอียน ดันแคน สมิธ อดีตผู้นำพรรคอนุรักษนิยม เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มรัฐสภาของพรรคทั้งหมดที่ทำเกี่ยวกับความอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ได้ล็อบบี้รัฐบาลเพื่อขอความคุ้มครองที่เข้มงวดขึ้น

“ในขณะนี้ เราน่าจะเป็นประเทศที่มีกฎหมายการพนันที่เสรีมากที่สุดในโลก ดังนั้นเราต้องรัดกุมกว่านี้”

จากข้อมูลของ The Big Step ซึ่งเป็นแคมเปญจัดทำเพื่อยุติการโฆษณาการพนันระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เกือบ 30 สโมสร จากทั้งหมด 44 ทีมในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนชิพ มีบริษัทการพนันอยู่ที่ด้านหน้าอกเสื้อ

“ด้วยการประกาศของแต่ละทีม เราเข้าใกล้เวลาที่จะเป็น 0 แล้ว” เดอะ บิ๊ก สเต็ป ระบุในแถลงการณ์ “เป็นการยอมรับถึงอันตรายที่เกิดจากการให้การสนับสนุนการพนันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการย้ายโลโก้ไปยังส่วนอื่นของชุด หรือโฆษณาข้างสนาม ก็น่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

“หากปราศจากการดำเนินการของรัฐบาลเกี่ยวกับโฆษณาการพนันฟุตบอลทุกรูปแบบ ในทุกระดับ กาสิโนออนไลน์จะใช้ประโยชน์จากมาตรการสมัครใจใดๆ และทำการตลาดผลิตภัณฑ์ผ่านกีฬาประจำชาติของเราต่อไป และแม้ว่าผลลัพธ์นี้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลและกีฬาเองจำเป็นต้องตื่นขึ้นในความจริงที่ว่าโฆษณาการพนันนั้นไม่ดี, ไม่เป็นที่นิยม และจะถูกไล่ออกจากวงการฟุตบอล”

ทางฝั่ง Gambing with Lives กลุ่มของครอบครัวที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายที่เกี่ยวข้องกับการพนัน กล่าวว่า การประกาศนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่น่ายินดีและการยอมรับอย่างมากต่ออันตรายที่เกิดจากการโฆษณาและการสนับสนุนการพนัน

แน่นอนที่สุดว่า เหรียญมี 2 ด้านอยู่เสมอครับ อยู่ที่ว่ามันจะถูกมองไปด้านไหน

ทางออกมันก็พอมี เพราะ หลังจากกำหนดเส้นตาย สโมสรจะยังคงแสดงแบรนด์การพนันในพื้นที่ต่างๆ เช่น แขนเสื้อและโฆษณา LED ต่อไปได้

ทีนี้ต้องคอยดูว่า กีฬาอื่นๆ ในอนาคตจะเป็นอย่างไร เชื่อว่ากระทบกระเทือนแบบไม่ต้องสงสัย ยกตัวอย่างก็คือ เมื่อครั้งที่ห้ามไม่ให้ สุรา และบุหรี่ เข้าสนับสนุนกีฬา

กีฬาที่โดนผลกระทบอย่างมากในเวลานั้นคือ สนุ้กเกอร์ กับ รถแข่ง

โดยเฉพาะสนุ้กเกอร์ ที่หลายคนสับสนคิดว่า “แอมบาสซี่ย์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” นี่คือชื่อจริงของศึกชิงแชมป์สนุ้กเกอร์โลก

แต่จริงๆ แล้ว “แอมบาสซี่ย์” คือ บุหรี่

ตอนนั้นทำให้วงการสนุ้กเกอร์ปั่นป่วน เพราะการห้ามโฆษณา และถ้าหาก “บริษรับพนันถูกต้องตามกฎหมาย” ถูกห้าม อาจจะถึงคราป่วนปั่น

เพราะเกินครึ่งคือ บริษัทพูลถูกกฎหมาย

เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นก่อนจะหล่นคำพูดคำวิจารณ์ใดๆ ย่อมต้องพิจารณาถ้วนถี่ อย่างที่บอกไปว่า เรื่องแบบนี้ไม่เหมาะกับคนประเภทสุดโต่ง เพราะแต่ละคนมีอุดมคติที่แตกต่าง

การใช้ประโยชน์จากของบางสิ่งบางอย่าง หากมองให้ถูกเหนือใต้ ถ้านำมาใช้ให้เป็น อย่างถูกต้องและทำตามกฎ เพราะถ้าจะใช้ประโยชน์โดยไม่มีวินัย

ยังไงก็ไม่เกิดประโยชน์

แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็น “ขาว” ก็ตาม........

สปอนเซอร์สปอนเสื้อพรีเมียร์ลีก 2022-23

* อาร์เซน่อล : แบรนด์เสื้อ “ปืนใหญ่” ยังคงเป็น ADIDAS ต่อไปเหมือนเดิม เช่นเดียวกับคาดหน้าอกคือ สายการบิน Emirates และแขนเสื้อคือ การท่องเที่ยว Visit Rwanda

* แอสตัน วิลล่า : ผู้ผลิตชุดแข่งเปลี่ยนจาก แคปป้า มาเป็น Castore คาดหน้าอกยังเป็น Cazoo ระบบการขนส่งของสหราชอาณาจักร และแขนเสื้อ Kaiyun Sports เป็นบริษัทพูล

* เบรนท์ฟอร์ด : “ผึ้งน้อย”ผลิตเสื้อโดย Umbro โดยแอตตัวหลักยังเป็น Hollywoodbets บริษัทพูลเหมือนเดิม Safetyculture บริษัทเทคโนโลยีด้านแพลตฟอร์ม

* ไบรท์ตัน : แบรนด์เสื้อคือ Nike และคาดหน้าอกโดยบัตรเครดิตดัง American Express โดยมีSnickersUK.com บริษัทช็อปปิ้ง ทางออนไลน์ติดแขนเสื้อ

* เชลซี : “สิงห์บลูส์” ยังเป็น Nike ที่ผลิตเสื้อ เช่นเดียวกับคาดหน้าอก “Three” หรือ “3” ที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากมีปัญหาในช่วงเปลี่ยนเจ้าของ ส่วนติดแขนเสื้อคือ WhaleFin จากแอมเบอร์ กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐาน

* คริสตัล พาเลซ : ผู้ผลิตเสื้อ คือ Macron พร้อมคาดหน้าอกรายใหม่ “Cinch” ตลาดรถยนต์ออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดของสหราชอาณาจักร และ Mukuru แพลตฟอร์มบริการทางการเงินใหญ่สุดในแอฟริกา ติดที่แขนเสื้อ

* เอฟเวอร์ตัน : “ทอฟฟี่เมน” ยังใช้แบรนด์ Hummel ผลิตเสื้อต่อไป โดยมี Stake.com กาสิโนดัง เข้ามาเป็นผู้คาดหน้าอกรายใหม่และBOXT แพลตฟอร์มเทคโนโลยี

* ฟูแล่ม : W88 บริษัทพูลมาสนับสนุนก่อนเปิดซีซั่นไม่ถึง 10 วัน และมี Adidas ผลิตชุดแข่ง ส่วนติดแขนเสื้อคือ World Mobile เครือข่ายมือถือ-บล็อคเชน

* บอร์นมัธ : ชุดแข่งของ Umbro คาดหน้าอกด้วยบริษัทพูล Dafabet และแขนเสื้อคือ DeWalt ซึ่งผู้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้า

* ลีดส์ : เสื้อเป็น Adidas เช่นเดียวกับคาดหน้าอกยังเป็น SBOTOP บริษัทพูลเหมือนเดิม ส่วนสปอนเซอร์ติดแขนเสื้อคือ Wish (NASDAQ: WISH)แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซบนมือถือ

* เลสเตอร์ : ใช้ Adidas ผลิตชุดแข่ง, FBS บริษัทการซื้อขายออนไลน์ระดับโลกคาดหน้าอก และ Bia Saigon เครื่องดื่มเวียดนาม แต่เป็นเจ้าของโดยคนไทย ติดแขนเสื้อ

* ลิเวอร์พูล : “หงส์แดง” อยู่กับ Nike เป็นปีที่ 3 และเพิ่งต่อสัญญากับธนาคาร Standard Chartered ออกไป หลังจากจะหมดสัญญากันในซีซั่นนี้ ส่วนแขนเสื้อยังเป็น Expedia เว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยว เช่นเดิม

* แมนฯซิตี้ : “เรือใบสีฟ้า” แชมป์เก่ายังเป็นชุดเดิมเช่นกัน นั่นคือ Puma ผลิตชุดแข่ง และมีเจ้าของสโมสรเองอย่าง Etihad Airways คาดหน้าอก และ Nexen Tire ยางรถยนต์เป็นผู้สนับสนุนที่แขนเสื้อ

* แมนยูฯ : “ผีแดง” มี Adidas เป็นผู้ผลิตชุดแข่งขัน และคาดหน้าอกกับ TeamViewer และได้หนึ่งในผู้นำด้านบริการไอทีระดับโลกอย่าง DXC Technology ติดแขนเสื้อ

* นิวคาสเซิ่ล : “สาลิกาดง” ยุคเศรษฐี ได้ Castore เป็นผู้ผลิตชุดต่อไป เช่นเดียวกับพูลอย่าง FUN88 คาดหน้าอกเสื้อ และแขนเสื้อเป็น noon.com อี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในแดนเศรษฐีน้ำมัน

* น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ : น้องใหม่ในตำนานมี Macron เป็นผู้ผลิตชุดแข่ง โดยพวกเขาหมดสัญญากับ BOXT แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และไม่ยอมต่อสัญญาเพราะเรียกแพง สุดท้ายไปทำการกุศลกับThe United Nations High Commissioner for Refugees (UNHCR) สำนักงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ

* เซาแธมป์ตัน : ยังเป็น Hummel ผลิตชุดแข่ง, Sportsbet.io บริษัทพูลคาดหน้าอก และ Virgin Media บริษัทโทรคมนาคมอังกฤษที่ให้บริการโทรศัพท์ โทรทัศน์ และอินเตอร์เนตในสหราชอาณาจักร

* สเปอร์ส : “ไก่เดือยทอง” ยังอยู่กับชุดสนับสนุนเหมือนเดิมทั้ง Nike ผู้ดูแลชุดแข่ง กับ AIA บริษัทประกันภัยที่คาดหน้าอก และ Cinch ตลาดรถยนต์ออนไลน์ของสหราชอาณาจักร

* เวสต์แฮม : “ขุนค้อน” ยังอยู่ในสัญญากับ Umbro ต่อไป เช่นเดียวกับบริษัทพูล Betway ที่คาดหน้าอกเสื้อ ส่วนที่แขนนั้น Scope Markets การค้าออนไลน์

* วูล์ฟส์ : “หมาป่า” เป็นอีกหนึ่งทีมที่ใช้แบรนด์ “Castore” โดยมี AstroPay อุตสาหกรรม บริการทางการเงิน ซึ่งเป็นผู้ประมวลผลการชำระเงิน คาดหน้าอก ส่วนที่แขนคือ พูล 12BET

บี แหลมสิงห์