ใครจะได้เล่นก่อน ระหว่าง เทรนท์ หรือ แบร๊ดลี่ย์
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ กับซีซั่น “รถไฟเหาะตีลังกา”แบบสุดขั้วกำลังดำเนินต่อไปไม่มีหยุด
จะมีทีมไหนบ้างในบันทึกโลกฟุตบอลที่กำลังคั่วแชมป์ทุกรายการที่ลงสนาม ผ่านมาเกินครึ่งฤดูกาล นำจ่าฝูงบอลลีก, เข้าชิงลีกคัพ, เข้ารอบ 5 เอฟเอ คัพ และอยู่ในรอบน็อกเอาท์ยูโรป้าลีก
แล้วจู่ๆ ผู้จัดการทีมคนสำคัญผู้เป็นสัญลักษณ์ และกุมหัวใจของสโมสรแห่งยุคอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ประกาศอำลาทีม!!!
“หมดพลังงานที่จะไปต่อ” คือคำอธิบายแทบจะทั้งหมดให้ลุล่วงไป แต่กลับกันหลังจากประกาศ ทีมกลับเดินหน้าอย่างดุดัน และพังประตูได้ 9 ลูก จาก 2 เกมถัดจากวันช็อกแฟน
คึกยังกะม้า....หมดไฟเนี่ยนะ!!!!
ลิเวอร์พูล กำลังจะทำศึกนัดสำคัญนั่นคือปะทะกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่กำลังลุกขึ้นมาจากฝันร้าย แล้วกลับมามีลุ้นแชมป์เต็มตัวอีกครั้ง
นี่คือหนึ่งในเกมแห่งฤดูกาลก็ว่าได้ 5 ทุ่มครึ่ง พรีเมียร์ลีกที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
เรื่องที่น่าสนใจก็คือ ลิเวอร์พูล มีปัญหาในการจัดทัพมาในปีนี้หลังจากทีมปรับแดนกลาง ผ่าแดนหลัง ปรับแนวรุก เพราะทั้งเสียนักเตะแบบไม่ทันตั้งแต่ตัวตั้งแต่เข้าแคมป์ปรีซีซั่น ต่อด้วยผู้เล่นเจ็บ, โดนเหมือนกับหลายทีมโดนนั่นคือการตัดสินแบบทะเล่อทะล่าพลาดแบบเบาปัญญาของกรรมการ, ผู้เล่นต้องไปรับใช้ชาติในทัวร์นาเมนท์ผ่ากลางปล้อง
คล็อปป์ ต้องแก้ปัญหาทีมมาโดยตลอด
แต่น่าแปลกก็คือ การผ่าทีมในแต่ละครั้ง กลับกลายเป็นนักบอลที่ได้รับโอกาส เล่นได้อย่างลงตัว บางครั้งลงตัวอย่างน่าตกใจ
เคสล่าสุดคงไม่พ้นตำแหน่ง “แบ๊กขวา”
เชื่อว่าหลายคน(รวมทั้งผม)แอบตกใจที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บาดเจ็บจากเกมบุกชนะ อาร์เซน่อล 2-0 ในศึกเอฟเอ คัพที่สุดระทึกใจ ทำให้ต้องพลาดการเล่นแน่ ๆ 3 สัปดาห์
นาทีนั้นทีมไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟรอนท์แมนที่ไปเล่นกับอียิปต์, วาตารึ เอนโดะ ที่กำลังอินฟอร์มต้องไปรับใช้ชาติชิงเจ้าเอเชีย กับ ญี่ปุ่น และโดมินิค โซโบสไล กองกลางตัวเคลื่อนกัปตันฮังการี
เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังขับรถไฟเหาะตีลังกาอย่างเมามันที่แอนฟิลด์
เหลียวไปมองรายชื่อทั้งเจ็บทั้งหายกลายเป็น 10 รายพอดี!!!!
แต่หลังจากนั้นก็มีเด็กชื่อ คอนอร์ แบร๊ดลี่ย์ แบ๊กขวาหุ่นชะลูดที่ลงเล่นให้ทีมมาแล้วเป็น 10 เกม แต่ไม่ได้รับการจับตามองเท่าไหร่นัก โผล่ขึ้นมาเป็น “อีกหนึ่งตัวละครลับ” และทำให้หลายคนประทับใจ
จนบางคนคิดว่า เทรนท์ ที่หายเจ็บกลับมาแล้ว ตำแหน่งกำลังสั่นคลอน!!!
…..หลายคนกำลังว้าวกับผลงานของ คอนอร์ แบร๊ดลี่ย์ และเห็นตัวเลขของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่คุมทัพกำชัยในลีกครบ 200 นัดเร็วสุดอันดับ 2 ของยุคพรีเมียร์ลีก อีร่า.......
มุมหนึ่งที่ถูกมองข้ามไปเลยก็คือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขณะนี้เขาลงสนามครบ 300 นัด ให้กับสโมสรไปแล้ว ในเกมชนะ เชลซี 4-1
เทรนท์ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1998 มีสถิติตัวเลขน่าทึ่งด้วยการลงสนามไปแล้ว 300 นัด ยิงได้ 18 และแอสซิสต์ไปถึง78 ประตู ด้วยกัน!!!!
เดิมที เทรนท์ เป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และสามารถขยับมาเล่น “วิงแบ๊กขวา” ก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเปลี่ยนเขามาเป็นแบ๊กขวาอย่างสมบูรณ์
เทรนท์ เข้าร่วมอะคาเดมี่ของสโมสรเมื่ออายุได้ 6 ขวบ และเป็นทั้งกัปตันทีมรุ่น U-16 และ U-18
เขาประเดิมสนามในเกมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในบอลลีกคัพ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2016 เพียงสองสัปดาห์หลังจากวันเกิดปีที่ 18 ของเขา จากนั้นในเดือนธันวาคม เขาลงเป็นตัวสำรองที่ริเวอร์ไซด์ ของ มิดเดิลสโบรห์ และ คล็อปป์ เลือกให้เป็นตัวจริงนัดแรกในพรีเมียร์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในเดือนมกราคม 2017 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เขาลงเล่นไป 12 นัด
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสนามครบ 300 เกมกับลิเวอร์พูล ด้วยฟอร์มเฉียบขาด แต่ตำแหน่งกลับถูกท้าทายอย่างมีนัย
จุดพลิกผันสำคัญก็คือ การเปิดซีซั่นที่สโมสรฉลอง 125 ปี นั่นคือฤดูกาล 2017-18 แบ๊กขวาตัวจริงอย่าง นาธาเนียล ไคลน์ได้รับบาดเจ็บสุดประหลาดที่หลัง และต้องเข้ารับการรักษาเป็นเวลานาน ปรากฏว่า เทรนท์ เริ่มต้นได้ออกสตาร์ท และทำประตูแรกในเกมกับฮอฟเฟนไฮม์ในรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ด้วยลูกยิงฟรีคิก ก่อนจะต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งตัวจริงกับ โจ โกเมซ
เทรนท์ ทำได้สำเร็จ หลังจาก โจ มีลูกพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้ เทรนท์ เป็นตัวจริงในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ก่อนจะกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดของลิเวอร์พูลที่ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก นอกจากนี้เขายังได้รับการเรียกติดทีมชาติอังกฤษ ไปฟุตบอลโลก แม้ว่าจะไม่ได้ติดทีมชาติก็ตาม
จากนั้นตำแหน่งแบ๊กขวาเป็นของเขาอย่างสิ้นเชิง
ฤดูกาล 2018/19 เทรนท์ ลงเล่นไปถึง 40 นัดในทุกรายการ ได้รับสัญญาฉบับใหม่ คว้าเหรียญรางวัลสำคัญนั่นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในฤดูกาลนั้น ก็คือเขาเล่นลูกเตะมุมอย่างรวดเร็ว ไปให้กับ ดิว็อก โอริกี้ สังหารประตูสุดท้ายให้ทีมชนะบาร์เซโลน่า ได้อย่างน่าทึ่ง 4-0
“ผมเป็นเพียงเด็กธรรมดาจากลิเวอร์พูลคนหนึ่ง ที่มีความฝันและฝันของเขาเป็นจริงแล้ว” นั่นคือคำกล่าวของ เทรนท์ หลังครองแชมป์ที่ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่
ในฤดูกาล 2019/20 เทรนท์ กลายเป็นผู้ยิงฟรีคิกของทีม และทำ 15 แอสซิสต์ ทำลายสถิติของตัวเองในการแอสซิสต์มากที่สุดโดยกองหลังในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียว
สำคัญอย่างที่สุดก็คือ เป็นกำลังสำคัญช่วยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร
ยอดนักเตะแห่งตำนานอย่าง “คาฟู(ปัจจุบันในไทยชื่อ บิ๊กซี บางที่สกุล เอ็กซ์ตร้า)” กล่าวว่า ผมคิดว่า เทรนท์ มีสิ่งที่เหมาะสมในการเป็นผู้ชนะบัลลงดอร์ เราต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์นี้โดยที่บัลลงดอร์จะได้รับจากตัวรุกและกองหน้าเท่านั้น ผู้คนต้องเห็นว่ากองหลังมีความสำคัญพอๆ กับตัวรุก คนเรียก เทรนท์ว่า “เรด คาฟู”
“เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมและมีลักษณะเฉพาะเหมือนกับผม เขามีสัญชาตญาณแบบบราซิลในวิธีการเล่นของเขา ผมเชื่อว่า เขาจะเป็นฟูลแบ๊กที่ยอดเยี่ยม ปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่ง กลายเป็นฟูลแบ็กที่ดีที่สุดในโลก และบางทีอาจมีการปรับตัวบางอย่างในแง่ของกองกลางในอนาคต”
ระหว่างฤดูกาล 2020/21 ในซีซั่นที่ยากลำบาก เทรนท์ ก็กลายเป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดของ “หงส์แดง” ในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปในเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ไปเยือนมิดจิลแลนด์
เขาหลุดทีมชาติอังกฤษ แต่ซัดประตูชัยให้ทีมดับ วิลล่า ในช่วงท้ายเกม หยุดเลือดของทีมที่แพ้ในบ้านติดต่อกันไว้ที่ 6 เกม
คอนอร์ แบร๊ดลี่ย์ หนุ่มน้อยวัย 20 ปี จากไอร์แลนด์เหนือ แจ้งเกิดเต็มๆ และกำลังเล่นได้เข้าฟอร์ม
ซีซั่น 2021-22 เทรนท์ มีบทบาทสำคัญหลังจากเขาเจ็บจนไม่ได้เล่นยูโร 2020(แข่งปี 2021) ด้วยการนำทัพ “หงส์แดง” ได้ลุ้นถึง 4 แชมป์ในปีเดียว ก่อนจะลงเล่นแบบเต็มแม็กซ์ทุกรายการและเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในประเทศทั้งลีกคัพ-เอฟเอ คัพ
ก่อนจะถูกวิจารณ์ยับในปีก่อน โดยเฉพาะเรื่องการเล่นเกมรับ แต่นั่นแหล่ะ คล็อปป์ มั่นใจและทำให้ เทรนท์ เล่นเกมรุกเต็มพิกัดกลายเป็นจอมแอสซิสต์ เป็นกองหน้าที่ทำสถิติจ่ายบอลให้เพื่อนพังประตูเป็นระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก และการขยับขึ้นมาเล่นในแดนกลางที่ คล็อปป์ เรียกว่า “ดับเบิ้ลซิกซ์” จะเรียกตามหมายเลขเสื้อ “เบอร์ 66” หรือจะอะไรก็แล้วแต่
เขาค่อยๆ ปรับและเล่นได้ฉมังอย่างมากในซีซั่นนี้
เขาคือนักเตะคนสำคัญ และทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง พร้อมกับก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีมอย่างเต็มตัว หลังจากหมดยุคของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และเจมส์ มิลเนอร์ โดยได้รับตำแหน่ง “รองกัปตันทีม”
สตีเว่น เจอร์ราร์ด เขียนชื่นชมเขาผ่านหนังสือของตัวเขาเอง โดยกล่าวถึง เทรนท์ เมื่อตอนที่ เทรนท์ อายุ 16 ปี ว่า เด็กคนนี้มีโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้เป็นมืออาชีพระดับท็อป
“เขาค่อนข้างขายาวแต่เขามีรูปร่างที่สวยงามและดูเหมือนว่าจะมีคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการ “
“เขามีทัศนคติที่ถูกต้องและมาจากเวสต์ ดาร์บี้ ซึ่งเป็นบ้านของเมลวู้ด ดังนั้น เทรนท์ เป็นสเก๊าเซอร์อีกคนที่เต็มภาคภูมิ เขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางหมายเลข 6 ได้ และที่สำคัญเขามีความสามารถรอบด้าน และผมเห็นเขาเล่นในตำแหน่งต่างๆ มากมาย และเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าเขาจะเป็นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งกับสโมสรและทีมชาติ”
300 นัดไม่พอ ต้องนับต่อไปเรื่อยๆ และหวังว่าสัญญาฉบับใหม่น่าจะจบในเร็ววัน เพราะเหลืออีกแค่ปีเศษๆ เท่านั้น
นาทีนี้เขาเป็นอันดับ 3 ที่เล่นให้ทีมครบ 300 เกมเร็วสุด ตามลำดับคือ 1.เอียน รัช - 25 ปี 47 วัน, 2.เอ็มลีน ฮิวจ์ส - 25 ปี 54 วัน, 3.เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ - 25 ปี 116 วัน, 4.ทอมมี่ สมิธ - 25 ปี 156 วัน และ5.สตีเว่น เจอร์ราร์ด - 25 ปี 159 วัน
แอสซิสต์ร่วมมากที่สุด (57 ประตู) จากกองหลังในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
แต่ตอนนี้ เขาถูกท้าทายโดย คอนอร์ แบร๊ดลี่ย์ เด็กหนุ่มวัย 20 ปี จากคาสเติ้ลเดิร์ก เคาน์ตี้ ไทโรน ไอร์แลนด์เหนือ
ไอ้หนูแบร๊ดลี่ย์ ย้ายจาก ดันแกนน่อน สวิฟท์ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล อะคาเดมี่ ตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นชุดใหญ่ระดับชาติไปแล้ว 13 เกม
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติของแอร์เหนือขาดแคลน ละม้ายคล้าย สกอตแลนด์ และแคว้นเวลส์
ปีก่อนเขาถูกปล่อยตัวยืมไป โบลตัน ลงเล่นไป 53 นัด ซัดไป
7 ประตู
ขึ้นชุดใหญ่มาตั้งแต่ ปี 2021 ปัจจุบันลงสนามไปแล้ว 14 เกมและพังประตูแรกได้ในการลงสนามพรีเมียร์ลีก นัดที่ 2 ในชีวิตในการเจอกับ เชลซี
การได้ประเดิมเกมแรกกับ นอริช ในลีกคัพ 2021 เป็นนักบอลคนแรกที่เป็นชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่ได้ลงชุดใหญ่ให้กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ แซมมี่ สมิธ เคยลงเล่นตั้งแต่ปี 1954
ลงเล่นพรีเมียร์ลีก ตัวจริงเกมแรกให้กับทีมในนัดชนะ บอร์นมัธที่ไวตาลิตี้ 4-0 และแอสซิสต์ให้กับ ดีโอโก้ โชต้า เมื่อ 21 มกราคมที่ผ่านมา
ให้หลัง 10 วันเขาลงทำประตูแรกในลีกได้ทันทีในเกมชนะ เชลซี 4-1 ด้วยการทำ 1 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ และเป็นแมน ออฟ เดอะ แมทช์
เป็นประเด็นทันที เรื่องของแบ๊กขวา และทำให้แฟนบอลยุคปัจจุบันที่เป็น “จอมเสียงแตก” ก็ฟาดกันว่า ใครจะเป็น “แบ๊กขวาตัวจริง” เพราะว่า เทรนท์หายแล้ว แต่ แบร๊ดลี่ย์ ก็อินฟอร์ม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะก่อนหน้านี้ นีโก้ วิลเลี่ยมส์ เคยขึ้นมาชิงพื้นที่นี้กับ เทรนท์ ก่อนจะพ่ายไปอย่างขาดวิ่นจนต้องย้ายทีม ก็คือวลี “ระยะทางพิสูจน์ม้า” นั่นแหล่ะ
ว่ากันตามทักษะและวิธีการบริหารของโค้ช นักบอลที่ดีในเวลานั้นย่อมได้สิทธิ์ก่อน นั่นเป็นที่มาของคำว่า “ไม่เสียอย่าซ่อม” ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับวิธีนี้ เนื่องจากถ้าเราเทียบกันก็คือ หากแบร๊ดลี่ย์ ได้สตาร์ทก็ไม่แปลก และ เทรนท์ เองก็น่าจะยอมรับได้ และคอยรับโอกาสลงไปเปลี่ยนเกม
เพราะถ้า เทรนท์ ลงตัวจริง แล้ว แบร๊ดลี่ย์ ลงแทน ด้วยวิธีการต่างๆ หนุ่มจากแอร์เหนือ ยังไม่สามารถบันดาลการเล่นเกมรุก หรือสวิตช์บอลได้เท่ากับ เทรนท์ แน่นอน
เอาเข้าจริง เรื่องนี้ไม่ได้เกิดฝั่งเดียวด้วยซ้ำ เพราะ “แบ๊กซ้าย” ก็วุ่นวายรุงรัง เมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เจ็บจนพลาดเกมไปถึง21 นัด หลังจากไหล่พังพักไปกว่า 102 วัน แถมคนมาแทนอย่าง คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ก็เจ็บซ้ำไปอีกคนพักไปเดือนกว่า
หวยมาตกที่ โจ โกเมซ และทำหน้าที่ได้ดีเหลือเชื่อทั้งเช่นกัน
อยู่ที่ว่า คล็อปป์ จะเลือกอะไร แผนที่มาตั้งแต่ต้น, การแก้ไขระหว่างเส้นทาง หรือเอาล่ะเล่นแบบ “โอลด์ สคูล” กันต่อไปอีกที
ทั้งหมดทั้งมวลเขาเรียกว่า “ปัญหาที่ดี”
ทีนี้ก็อยู่ที่การจัดทัพ และ “แผนที่สอง” ว่าจะทำอย่างไร
สุดท้ายนอกจากฝีเท้า, ฝีมือ และสารพัดฝีของ คล็อปป์ กับทีมงาน
“วาสนา” ก็เป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย........
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี